คนแก่..อยู่กันที่ไหนในบ้านเรา

ข้อมูลจากกรมการปกครองเผยว่า ผู้สูงอายุเกิน 100 ปี ในประเทศไทย (รวมชาวต่างชาติ) อายุตั้งแต่ 100-120 ปี ข้อมูล ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 37,172 คน

แน่นอน จังหวัดที่มีประชากรคนแก่มากที่สุดก็ต้องเป็น กรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมร พบผู้สูงอายุ 100-120 ปี จำนวนทั้งสิ้น 6,701 คน (คนไทย 4,453 คน และชาวต่างชาติ 2,248 คน)

ตามมาห่างมากเป็นอันดับสองคือ นนทบุรี มีจำนวนทั้งสิ้น 1,460 คน (คนไทย 1,375 คน และชาวต่างชาติ 85 คน) อันดับสาม “เชียงใหม่”  1,161 คน (คนไทย 1,044 คน และชาวต่างชาติ 117 คน) อันดับสี่ “ชลบุรี” สูสีๆ มี 1,138 คน (คนไทย 944 คน และชาวต่างชาติ 194 คน)

อันดับ 5-8 ไปกองอยู่ภาคใต้ได้แก่ “นราธิวาส” 1,125 คน (คนไทย 1,069 คน และชาวต่างชาติ 56 คน) "นครศรีธรรมราช” 1,047 คน (คนไทย 985 คน และชาวต่างชาติ 62 คน) “สงขลา” 1,039 คน (คนไทย 851 คน และชาวต่างชาติ 188 คน) “ยะลา” 1,001 คน (คนไทย 879 คน และชาวต่างชาติ 122 คน)

ส่วนอันดับเก้า "นครราชสีมา” 995 คน (คนไทย 965 คน และชาวต่างชาติ 30 คน) สุดท้ายอันดับสิบ "ปัตตานี”  981 คน (คนไทย 968 คน และชาวต่างชาติ 13 คน)

น่าสนใจอยู่พอสมควรที่คนอายุยืนถึง 100 ปีจะกระจัดกระจายอาศัยอยู่หลายจังหวัดทางภาคใต้ ซึ่งเป็นไปได้ว่า อากาศไม่ร้อนจัด และไม่เย็นจัดจนเกินไปกระมัง หรือเป็นเพราะวิถีชีวิตที่ห่างไกลจากความกดดัน ความเครียด มลพิษทางอากาศ ตลอดจนมลพิษทางเสียงหรือเปล่าหนอ?!?

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ตัวเลขนี้สะท้อนบอกว่า คุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยควรจะเป็นเรื่องที่ต้องใส่ใจ เพราะในอนาคต ประชากรคนสูงวัยจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ประชากรคนรุ่นใหม่จะลดน้อยถดถอยลง เป็นเสมือนดัชนีชี้ไปคนละทิศคนละทางก็ว่าได้ เพราะทุกวันนี้ไปงานแต่งงานที่ไหน หรือถามไถ่จากเพื่อนพ้องพี่น้องที่มีลูกหลานออกเรือนแล้ว ต่างเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า คนรุ่นใหม่ปฏิเสธการมีลูก สะดวกใจและสบายใจที่จะอยู่กันแค่คู่ผัวตัวเมียเท่านั้น และถ้าต้องการแก้เหงา ก็เลือกที่จะเป็นทาสแมวทาสหมาเสียมากกว่า

มนุษย์ป้าคงอยู่ไม่ถึงที่จะดูโลกในวันที่เหลือแต่คนแก่เต็มเมือง แล้วเด็กๆ กลายเป็นของประหลาดนะ.

"ป้าเอง"

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

วันหยุด...ไม่มีชดเชย

กลับไปเยือนเมืองจีนอีกครั้งเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากไปมาครั้งสุดท้าย เมื่อ 10 ปีที่แล้ว

ทำบุญ..รู้รักษาสุขภาวะ

ยังคงอยู่วนเวียนอยู่ในเดือนเมษา.หน้าร้อน และเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังเกี่ยวเนื่องกับเทศกาลวันสงกรานต์ ที่คนไทยนิยมเข้าวัดเข้าวา เพื่อกราบสักการบูชาและสรงน้ำพระเพื่อเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่แบบไทย

ของฝาก..จากวัยอิสระ

ห้วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ไทย เชื่อว่าอย่างน้อยสัก 1 วัน เราจะต้องเข้าไปกราบเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ตามประเพณีอันดีงาม พร้อมๆ กับขอพรจากท่าน

ร้อน..ตับแตก

กรมอุตุนิยมวิทยาท่านประกาศว่า ระหว่างวันที่ 2-8 เมษายนนี้ ความกดอากาศต่ำ เนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิจะสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส

เรารักกรมสมเด็จพระเทพฯ

ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เชิญชวนชาวไทยร่วมแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทำความดีบริจาคโลหิตในโครงการ “เรารักกรมสมเด็จพระเทพฯ”

หรือ?!?จะเป็นปัญหา..โลกแตก

เพราะโลกไร้พรมแดน จากเทคโนโลยีแสนล้ำทันสมัย ส่งผลให้ทุกคนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวก ซึ่งข้อดีก็คือ มนุษย์วันนี้ไม่ต้องเสียเวลากับการค้นหา หรือต้องเดินทางไปเพื่อเรียนรู้ แต่ดูเหมือนข้อเสียก็มีไม่น้อย