ใครจะได้รับเกียรติคนแรก?

ประมาณบ่ายสี่ มีโทรศัพท์มาขออภัย ขอยกเลิกการสัมภาษณ์ เพราะผู้ใหญ่ใน อสมท เห็นว่ารัฐบาลโดนวิจารณ์เรื่องนี้เยอะ เกรงว่าจะทำให้เกิดความสับสนต่อประชาชนอีก

ผมตอบไปว่าไม่เป็นไร เข้าใจผู้จัด เพราะ อสมท อยู่ใต้การกำกับของรัฐบาล

ทราบว่าวันก่อน ศ.ดร.ธีรภัทร์ เสรีรังสรรค์ ก็เล่าเรื่องไปออกรายการ อสมท พูดเรื่อง คุณทักษิณ เกือบครึ่ง ชม. แต่เทปถูกสั่งงดออกอากาศ

งานนี้ รมว.พวงเพ็ชร ที่กำกับอาจจะไม่เกี่ยว ไม่ได้สั่งการ แต่ภาพที่เกิดขึ้นต่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะพรรครัฐบาล ที่ดูแล อสมท อาจจะแหลกละเอียดอีกรอบ

ด้วยข้อหาปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นของคนที่เห็นต่างหรือกล้าวิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา

ขออภัยที่ต้องเล่าให้ฟัง เพื่อท่านรัฐมนตรี และท่านนายกรัฐมนตรีจะได้ทราบถึงเรื่องที่เกิด”

นี่..อ่านแล้วก็ให้นึกย้อนถึงอดีต..อดีตในยุครัฐบาล-นายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ที่เวลานี้ได้กลายเป็น “นักโทษเทวดา” สิงสถิตอยู่ชั้น 14 รพ.ตำรวจ

โดย “ผู้จัดการออนไลน์” ได้เคยรายงานเอาไว้เป็นอนุสรณ์เมื่อวันที่ 19 มิ.ย.49 ซึ่งผมใคร่ขออนุญาตคัดลอกมาให้ท่านผู้อ่านได้ทวนความจำ..

“ตลอดเวลากว่า 5 ปีที่รัฐบาลทุนนิยมเผด็จการครองเมือง สื่อซึ่งทำหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ต่างถูกคุกคาม ปิดปาก ด้วยวิธีการที่มีความซับซ้อนยิ่งกว่ายุครัฐบาลเผด็จการทหาร

ทั้งการครอบงำกิจการผ่านตลาดหุ้น, การใช้อำนาจและกลไกของรัฐ ตรวจสอบทรัพย์สินผู้บริหารสื่อ, การฟ้องคดีเรียกค่าเสียหายมูลค่าสูง

รวมถึงการใช้ผลประโยชน์ทางธุรกิจแลกเปลี่ยน ไม่นับการใช้วิธีการถ่อยคุกคามซึ่งหน้าด้วยม็อบปิดล้อม ปาขี้ ปาระเบิด”

ครับ..ไม่อยากตีโพยตีพาย แต่เห็นอาการเริ่มต้นกรณีคุณสมชัยก็ดี ศ.ดร.ธีรภัทร์ก็ดี มันก็พอส่อแววให้เห็น.. “ยุคคุกคามสื่อ” เริ่มจะกลับมาอีกแล้ว!

ยิ่งวันก่อน คุณพวงเพ็ชร ชุนละเอียด รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผย.. “ในฐานะกำกับดูแลกรมประชาสัมพันธ์ โดยนายกฯ กำชับว่า

อะไรที่เป็นผลงานของรัฐบาลให้เผยแพร่ให้ประชาชนรับทราบให้มากที่สุดและถึงกลุ่มเป้าหมายมากที่สุด”

ก็..ยิ่งชัดเจน เหมือนกับยุครัฐบาลทักษิณ ที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี มีหนังสือเวียนถึงรัฐมนตรีทุกคน

ให้ใช้ประโยชน์จากรายการกรองสถานการณ์และช่อง 11 ของกรมประชาสัมพันธ์ โฆษณาผลงานของรัฐบาล ยังไงยังงั้น!

จากนี้ก็ให้จับตาดู..ผู้บริหารสื่อท่านไหนจะได้รับเกียรติจากรัฐบาลประชาธิปไตยยุคคุณเศรษฐา-นายกฯ..

ถูกตรวจสอบธุรกรรมการเงินเป็นคนแรก?.

สันต์ สะตอแมน