บันทึกหน้า 4

"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด" จับตาธงใหม่แก้หนี้นอกระบบในวันที่ 28 พ.ย.นี้ และ หนี้ในระบบในวันที่ 12 ธ.ค. จะเป็นธงเรือใหม่ของรัฐบาลเพื่อไทย หวังสร้างแต้มจากคนเป็นหนี้จำนวน 1 ใน 3 ของประเทศ ซึ่งเบื้องต้นรัฐบาลหวังใช้กลไกฝ่ายปกครองกับตำรวจ เพื่อเรียกเจ้าหนี้และลูกหนี้มาไกล่เกลี่ย  

ส่วนมาตรการอื่นๆ ต้องรอดูว่ารัฐบาลจะออกมาอย่างไร หากทำแล้วปังก็อาจเป็นการสร้างกระแสให้นายกฯ เศรษฐา ทวีสิน มีผนังพิงในการทำงานต่อไป และกลบข่าวลบโครงการดิจิทัลวอลเล็ตแจก 1 หมื่นบาท ที่ไม่รู้จะออกหัวออกก้อย

หลังเจอเสียงต้านแบบไม่หยุดไม่หย่อน อย่างเช่น นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์กลางทำเนียบฯ ก่อนเข้าพบนายกฯ ในประเด็นอื่นๆ ว่า 

"ถ้าเป็นไปได้เรามีกลุ่มเปราะบาง 14-15 ล้านคน โดยจ่ายผ่านแอปพลิเคชันกระเป๋าตัง หากทำได้เร็วก็จะเป็นประโยชน์กับกลุ่มเป้าหมายที่เราอยากจะช่วย ซึ่งถือเป็นความเห็นของหอการค้าไทย" และหากทำจริงก็ประหยัดเงินลง และไม่ต้องกู้มามหาศาลถึง 5 แสนล้านบาท

เช่นเดียวกับมือเก๋าทางการเมือง อย่างนายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา ออกมาเตือนว่า รัฐบาลควรจะนำไปคิดพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และรัฐบาลต้องระมัดระวัง

หากมีการออก พ.ร.บ.กู้เงิน อาจจะเสี่ยงทำให้ต้องติดคุกถ้าละเมิดระเบียบวินัยการเงินของกระทรวงการคลังขึ้นมา เพราะในอดีตเคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้มาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งนายกรัฐมนตรี

ขณะที่ "เสี่ยอ้วน" นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กลับมองไปอีกทาง และเตือนพวกที่ออกมาคัดค้านในทำนองอย่าเอาการเมืองมาตีกินว่าโครงการนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชนและเศรษฐกิจของประเทศ

"แต่อยากให้คำนึงรอบด้าน ไม่ใช่คำนึงถึงความรู้ที่ตนเองมีเพียงอย่างเดียว หรือเพียงเอาชนะคะคานกัน เพื่อชิงเป็นที่หนึ่งในดวงใจของประชาชน ส่วนตัวไม่อยากเห็นแบบนั้น อยากให้ช่วยกันทำงาน และประชาชนได้ประโยชน์ ถือเป็นผลงานของทุกคนร่วมกัน" 

ต่อด้วยเรื่องการทำประชามติเพื่อแก้รัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ทำท่าจะลากยาว หลังเจอลูกเล่นซื้อเวลาใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง มุกใหม่นำเสนอโดย "เสี่ยอ้วน" เช่นเดิม โดยบอกว่า เตรียมเสนอให้พรรคการเมืองประสานไปที่ สส.ในสภา นำประเด็นว่าการทำประชามติระหว่าง 2 ครั้งหรือ 3 ครั้ง ไปทำให้เกิดความขัดแย้งเพื่อให้ประธานรัฐสภาเสนอเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

โดยอ้างเหตุผลเพราะต้องการให้ทราบความชัดเจนว่าจะทำประชามติกี่ครั้ง จะได้ช่วยประหยัดงบประมาณครั้งละ 4 พันล้าน และหากทำไปพร้อมกับเลือกตั้งอื่นๆ ควบคู่ไปด้วย อย่างเช่น อบจ. จะช่วยประหยัดเงินภาษีประชาชนได้มากโข 

โมเดลนี้คล้ายๆ กับครั้งที่พรรคพลังประชารัฐ และ สว.บางส่วนเคยเสนอญัตติให้รัฐสภาโหวต เพื่อให้ประธานรัฐสภายื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความในปัญหาทางกฎหมายว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเช่นนี้เป็นอำนาจที่รัฐสภาสามารถทำได้หรือไม่

ในช่วงที่รัฐสภากำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ ประเด็นหลักคือ การให้จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้ดำเนินการ ในช่วงเดือนก.พ.64

ซึ่งญัตติดังกล่าวอาศัยช่องทางของรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 210 (2) ประกอบกับ พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ มาตรา 7 (2) มาตรา 41 (4) และมาตรา 44 จนสุดท้าย จนมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 และทำให้รัฐสภาไม่กล้าโหวตวาระ 3  

การหาประเด็นใหม่ๆ ซื้อเวลาออกไปเรื่อยๆ จึงบอกได้คำเดียวว่า กรณีที่อ้างว่าจะทำประชามติในไตรมาสแรกของปี 67 ที่รองภูมิธรรมกำหนดไว้ อาจเป็นไปไม่ได้ สุดท้ายเสียทั้งเงิน เวลา ค่าเบี้ยประชุม เพื่อใช้เป็นข้ออ้างให้รัฐบาลอยู่ครบวาระ 4 ปีใช่หรือไม่.  

 

ช่างสงสัย 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

www.thaipost.net เสียวสันหลังวาบ! "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี เกือบต้องบินกลับไทยด่วน ระหว่างร่วมการประชุม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น

“หนูหวานเจี๊ยบ”

“มีรู…มีหนู ”เป็นอัตลักษณ์สำคัญของ “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

ดูเหมือน “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีชีพจรลงเท้ายังไม่เพียงพอ เพราะหลังเดินทางจากไปเยือนญี่ปุ่นถึงไทย “เสี่ยนิด” ก็วางแผนลงพื้นที่ทั้งในกรุงเทพมหานครและพระนครศรีอยุธยาในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้อีก

บันทึกหน้า 4

ประชุม ครม.เมื่อวันอังคาร นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ เป็นประธานการประชุมแทน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งอยู่ระหว่างการเยือนอิตาลี และได้โพสต์ข้อความผ่าน X ว่า “กลับไปกรุงเทพฯ จะประชุมรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจโดยเร็ว วันจันทร์ที่ 27 พ.ค.

บันทึกหน้า 4

ไว้ลายผลงานครั้งสุดท้ายสำหรับกลุ่ม 40 สว. หลังยื่นศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยการกระทำขัดรัฐธรรมนูญของ เศรษฐา ทวีสิน นายกฯ และคุณสมบัติของ พิชิต ชื่นบาน รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในมาตรา 160 (4) (5) ว่ามีความซื่อสัตย์สุจริต

บันทึกหน้า 4

บันทึกในวันที่ภาพ ฯพณฯ "ผู้นำ" แปลงร่างเป็น "ซูเปอร์โมเดล" ใช้ห้างสรรพสินค้าชื่อดังกลางกรุงมิลาน ประเทศอิตาลี เป็นแคตวอล์ค อวดอ้างว่าเป็นซอฟต์พาวเวอร์ ขายผ้าไทยลายผ้าขาวม้าให้เห็นเป็นที่ประจักษ์