คุมเข้มปลอดภัยปีใหม่

ช่วงเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึงนี้ เป็นช่วงเวลาที่ประชาชนจะเดินทางกลับภูมิลำเนา หรือเดินทางท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ เป็นจำนวนมาก และสิ่งที่มักจะเกิดขึ้นคืออุบัติเหตุ แม้จะมีมาตรการควบคุมแต่ก็ไม่วายที่จะเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ โดยเฉพาะบนท้องถนน ในทุกๆ ปีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้คร่าชีวิตผู้คนไปไม่น้อย โดยในปี พ.ศ.2566 ที่ผ่านมา สรุปสถิติอุบัติเหตุรวม 7 วันอันตราย (ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2565-4 มกราคม 2566) อยู่ที่ 2,440 ครั้ง รวมจำนวนผู้บาดเจ็บทั้งสิ้น 2,437 ราย และจำนวนผู้เสียชีวิต 317 ราย

ดังนั้น หลายหน่วยงานจึงได้เร่งคลอดมาตรการมากำกับดูแลพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง อย่างกระทรวงคมนาคม ได้กำชับให้หน่วยงานเกี่ยวข้องที่มีโครงการก่อสร้างในเส้นทางต่างๆ

จะต้องคืนพื้นผิวจราจรและจัดการบริเวณพื้นที่โครงการก่อสร้างให้มีความปลอดภัย รวมทั้งห้ามรถบรรทุก 10 ล้อวิ่งในเส้นทางหลัก ตลอดจนขอความร่วมมือผู้ประกอบการขนส่งสินค้า หลีกเลี่ยงการขนส่งสินค้าในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพื่อบรรเทาการจราจรและลดความเสี่ยงในเกิดอุบัติเหตุด้วย

พร้อมกำชับให้หน่วยงานสังกัดตรวจสอบ ปรับปรุง และจัดอุปกรณ์ความปลอดภัยบริเวณจุดเสี่ยงที่เกิดอุบัติเหตุซ้ำซ้อน และรณรงค์สร้างความตระหนักรู้และขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามกฎหมาย รักษาวินัยจราจร และระมัดระวังเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทาง โดยเน้นการลดพฤติกรรมเสี่ยงในการขับขี่ “ไม่ขับเร็ว-คาดเข็มขัดนิรภัย-สวมหมวกนิรภัย-ดื่มไม่ขับ-ง่วงไม่ขับ-ไม่ขับรถย้อนศร”

รวมถึงการสวมเสื้อชูชีพทุกครั้งที่สัญจรทางน้ำ และเพิ่มความระมัดระวังเมื่อเดินทางผ่านจุดเสี่ยง เช่น บริเวณจุดตัดรถไฟ กำกับดูแลและบริหารจัดการให้เกิดความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด ตรวจความพร้อมและมาตรฐานความปลอดภัยของพนักงานขับขี่ ยานพาหนะ และสถานีขนส่ง โดยนำเทคโนโลยี เช่น กล้อง CCTV ระบบ GPS มาช่วยกำกับดูแลความปลอดภัยทางถนน รวมทั้งบูรณาการความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมและกระทรวงมหาดไทย เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนให้เกิดความปลอดภัยในการเดินทางในระดับท้องถิ่น เช่น การรณรงค์ให้ชุมชนในพื้นที่ดูแลซึ่งกันและกัน การเฝ้าระวังจุดตัดถนนกับรถไฟ การดูแลจุดเสี่ยงและการตั้งจุดตรวจบริเวณชุมชน

และประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลการเดินทาง และช่องทางบริการให้ข้อมูลข่าวสารและรับเรื่องร้องเรียน และจุดบริการประชาชนผ่านศูนย์ปลอดภัยคมนาคม สายด่วน 1356 ตลอด 24 ชั่วโมง

ในขณะที่ วีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. ระบุว่า รมว.อุตสาหกรรม พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล มีความห่วงใยในความปลอดภัยและอุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นในช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2567 ตั้งแต่วันที่ 29 ธันวาคม 2566-1 มกราคม 2567 จึงสั่งการให้ กนอ.กำชับไปยังนิคมอุตสาหกรรมทั้ง 68 แห่ง และท่าเรืออุตสาหกรรม 1 แห่ง ใน 16 จังหวัด ให้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังความปลอดภัยและป้องกันอุบัติเหตุในช่วงเวลาดังกล่าวให้มากยิ่งขึ้น

พร้อมทั้งได้ขอความร่วมมือไปยังนิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรม ให้เพิ่มความเข้มงวดในการเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยในช่วงเวลาดังกล่าวเป็นพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้สารเคมีอันตรายร้ายแรง (Highly Hazardous Chemicals) หรือมีปริมาณครอบครองของเหลวไวไฟหรือก๊าซไวไฟตามปริมาณที่กำหนด ตามระบบ “การจัดการความปลอดภัยกระบวนการผลิต (Process Safety Management: PSM)” เพื่อป้องกัน ควบคุม และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุอย่างมีประสิทธิภาพ

และยังได้ขอความร่วมมือจากผู้อำนวยการสำนักงานนิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรม ให้จัดเตรียมบุคลากร อุปกรณ์/เครื่องมือ ระบบสาธารณูปโภค การบริการ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เกี่ยวข้อง เพื่อรองรับในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ/อุบัติภัยด้วย รวมถึงช่องทางประสานขอความช่วยเหลือจากผู้พัฒนานิคมอุตสาหกรรม หรือผู้ดูแลระบบสาธารณูปโภคภายในนิคมอุตสาหกรรม/ท่าเรืออุตสาหกรรม และหน่วยงานภายนอก อาทิ หน่วยงานป้องกันสาธารณภัย หน่วยงานท้องถิ่น และปฏิบัติตามขั้นตอนของแผนป้องกันและบรรเทาภัยระดับนิคมอุตสาหกรรมอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ต้องสร้างความตระหนักกับผู้ประกอบการในการให้ความสำคัญกับการเฝ้าระวัง.

 

บุญช่วย ค้ายาดี

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หวังรัฐแก้ปมค้าชายแดน

การผลักดันเศรษฐกิจของประเทศให้ดีนั้น จำเป็นต้องมองในทุกมิติและพัฒนาให้ครอบคลุม จะทิ้งใครหรืองานใดงานหนึ่งไว้ข้างหลัง จะเป็นตัวฉุดรั้งให้การเติบโตนั้นไม่ไปไหน

เร่งแก้ “แต่ไร้ผล”

ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นประเด็นที่พูดถึงกันมานานหลายปี โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว ที่เมื่อความกดอากาศสูง มีกำลังอ่อนลง และเมื่อลมสงบ ประกอบกับการผกผันกลับของอุณหภูมิในอากาศ จะส่งผลทำให้เกิดสภาพอากาศร้อนด้านบนกดทับอากาศเย็นเหมือนมีฝาครอบ

จับตาบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง

ช่วงนี้หลายคนกำลังสงสัยว่าเพราะเหตุใดค่าเงินบาทของไทยอ่อนค่าเอา อ่อนค่าเอา ตอนนี้ราคาหลุดทะลุ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐไปแล้ว แม้จะมีการแกว่งตัวแข็งค่าขึ้นบ้าง แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในแนวโน้มอ่อนค่า

Digital Walletกระตุ้นค้าปลีกไม่แรง

“โครงการ Digital Wallet” เรียกว่ามีความชัดเจนจากฝั่งรัฐบาลพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหลักเกณฑ์ เงื่อนไขทั้งในส่วนของประชาชนและร้านค้าที่จะเข้าร่วมโครงการ รวมไปถึงแหล่งเงินที่จะใช้ในการดำเนินโครงการ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความชัดเจนในส่วนนี้ก็ยังมีการตั้งคำถาม ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะเร่งหาวิธีการเพื่อพิสูจน์ความชัดเจน และเดินหน้าโครงการตามขั้นตอนและวิธีการภายใต้กรอบของกฎหมายที่ได้ยืนยันมาโดยตลอด

อัปเกรดอุตฯเหล็กรับมาตรการCBAM

การเดินหน้ามาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป หรือ Carbon Border Adjustment Mechanism (CBAM) นั้น ส่งผลให้เกิดการตื่นตัวอย่างมากของกลุ่มผู้ผลิต

เร่งกระตุ้นอสังหาฯ

อสังหาริมทรัพย์เป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีห่วงโซ่ยาว ตั้งแต่ภาคการผลิตต่างๆ เช่น เหล็ก ซีเมนต์ การท่องเที่ยว ตลอดจนการเงิน หากภาพรวมอสังหาฯ ดีย่อมส่งผลบวกต่ออุตสาหกรรมใกล้เคียง แต่หากลบก็กระทบธุรกิจอื่นๆ ได้เช่นกัน แม้ว่าจะมีปัจจัยบวกที่ผลักดันให้เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น แต่ความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ และภาวะหนี้ครัวเรือนที่บั่นทอนกำลังซื้อในประเทศ ส่งผลกับภาคอสังหาฯ อย่างเห็นได้ชัด