มันก็แปลกดีนะ!! ที่หลังเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ มีหัวข้อถกเถียงกันในโลกโซเชียลเรื่อง "รณรงค์" ห้ามจุดพลุในวันปีใหม่บ้าง หรือให้กำหนดโซนนิ่งในการจุดพลุ อย่าปล่อยให้จุดกันพร่ำเพรื่อ ไม่เป็นที่เป็นทาง
โลกมันเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ หนอ?!?
เพราะประชากรทาสหมาทาสแมวมีเพิ่มมากขึ้นในสังคมไทย ซึ่งเลือกที่จะเลี้ยงหมาแมวเป็นลูกเป็นหลานแทนที่จะมีลูกเป็นตัวเป็นตน
คนรักหมารักแมวเดือดเนื้อร้อนใจกันสุดๆ เพราะเสียงที่หมากับแมวได้ยินนั้น ดังกว่าหูที่มนุษย์อย่างเราๆ ได้ยินหลายสิบเท่านั้นเอง จึงเป็นเหตุให้มีการตามหาหมาและแมวที่ตกใจเสียงพลุกระโดดหนีออกจากบ้านกันแบบคึกคักครึกโครมออกสื่อกันเลยทีเดียว
ส่วนคนที่ไม่ได้เป็นทาสหมาทาสแมวก็จะรู้สึกว่า หากรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าจะมีการจุดพลุฉลองส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ เป็นวัฒนธรรมประเพณีทุกปี ทำไมทาสหมาและแมวไม่เตรียมรับมือให้พร้อมกับสถานการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน
เพราะมันมีวิธีการป้องกันต่างๆ มากมาย และเชื่อว่าคนที่รักหมาและแมวเสียเหลือเกิน ย่อมรู้ว่าจะทำอย่างไรที่จะควบคุมความตกใจของลูกหลานสี่ขาของตัวเองให้อยู่หมัด จริงไหม?!?
แต่ที่เป็นปัญหาเชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะ คุณพ่อคุณแม่ 2 ขา ของลูกๆ 4 ขานี่แหละ ที่ทิ้งน้องทิ้งลูกให้อยู่ลำพัง แล้วออกไปเฉลิมฉลองตามสถานที่จัดงานเคาต์ดาวน์ต่างๆ
ถ้าเป็นเหตุแบบนี้ ก็คงจะโทษพลุแบบเต็มปากไม่ได้ ..แน่นอน
เรื่องสากลแบบนี้ การรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง มิเช่นนั้น ทุกสังคมคงมีความขัดแย้งกันทุกเรื่อง เมื่อตนเองเป็นฝ่ายเสียประโยชน์ ทั้งๆ ที่สามารถจะบริหารจัดการเพื่อไม่ให้เสียประโยชน์ และเสียอารมณ์กันได้อยู่แล้ว
แทนที่จะถกเถียงกันด้วยเรื่องแบบนี้ มนุษย์ป้าว่า เรามาหาหนทางที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกจะดีกว่า โดยเริ่มที่ตัวเราเองก่อนที่จะไปเพ่งโทษการจุดพลุ และที่น่าสนใจคือ น่าจะมีอาชีพรับดูแลหมาในวันส่งท้ายปีเก่า หรือออกสินค้าที่จะช่วยน้องหมาอยู่ในความสงบ คิดแบบนี้ดีกว่าทะเลาะกันในเรื่องหมาๆ แมวๆ นะคะ.
"ป้าเอง"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วันหยุด...ไม่มีชดเชย
กลับไปเยือนเมืองจีนอีกครั้งเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หลังจากไปมาครั้งสุดท้าย เมื่อ 10 ปีที่แล้ว
ทำบุญ..รู้รักษาสุขภาวะ
ยังคงอยู่วนเวียนอยู่ในเดือนเมษา.หน้าร้อน และเป็นเรื่องเล่าสู่กันฟังเกี่ยวเนื่องกับเทศกาลวันสงกรานต์ ที่คนไทยนิยมเข้าวัดเข้าวา เพื่อกราบสักการบูชาและสรงน้ำพระเพื่อเป็นสิริมงคลต้อนรับปีใหม่แบบไทย
ของฝาก..จากวัยอิสระ
ห้วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่ไทย เชื่อว่าอย่างน้อยสัก 1 วัน เราจะต้องเข้าไปกราบเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ทั้งในบ้านและนอกบ้าน ตามประเพณีอันดีงาม พร้อมๆ กับขอพรจากท่าน
ร้อน..ตับแตก
กรมอุตุนิยมวิทยาท่านประกาศว่า ระหว่างวันที่ 2-8 เมษายนนี้ ความกดอากาศต่ำ เนื่องจากความร้อนปกคลุมประเทศไทยตอนบน ลักษณะเช่นนี้ทำให้บริเวณประเทศไทยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดโดยทั่วไป กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิจะสูงกว่า 40 องศาเซลเซียส
เรารักกรมสมเด็จพระเทพฯ
ศูนย์บริการโลหิตแห่งชาติ สภากาชาดไทย เชิญชวนชาวไทยร่วมแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ทำความดีบริจาคโลหิตในโครงการ “เรารักกรมสมเด็จพระเทพฯ”
หรือ?!?จะเป็นปัญหา..โลกแตก
เพราะโลกไร้พรมแดน จากเทคโนโลยีแสนล้ำทันสมัย ส่งผลให้ทุกคนสามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูลต่างๆ ได้อย่างสะดวก ซึ่งข้อดีก็คือ มนุษย์วันนี้ไม่ต้องเสียเวลากับการค้นหา หรือต้องเดินทางไปเพื่อเรียนรู้ แต่ดูเหมือนข้อเสียก็มีไม่น้อย