บันทึกหน้า 4

"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด" แม้คำวินิจฉัยเรื่องหุ้นสื่อของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมา จะเป็นคุณกับพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล สามารถกลับเข้าไปเป็น สส.ทำหน้าที่ในสภา และได้รับเงินเดือนย้อนหลัง รวมถึงโอกาสจะได้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้าน รวมถึงแคนดิเดตนายกฯ ต่อไปได้  

แต่เมื่อเส้นทางการเมืองยังต้องรอลุ้นเหนื่อยอีกหลายยก โดยเฉพาะคดียุบพรรคก้าวไกล ที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในวันที่ 31 ม.ค.67 "คดีล้มล้างการปกครอง" ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ซึ่งผู้ถูกร้องที่ 1 คือ พิธา และผู้ถูกร้องที่ 2 คือ พรรคก้าวไกล โดยเสนอนโยบายหาเสียงแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยมีผู้ร้องคือ "ธีรยุทธ สุวรรณเกษร" อดีตทนายความพุทธะอิสระ เพื่อศาลรัฐธรรมนูญสั่งหยุดการกระทำ 

ขณะที่พิธาและพรรคก้าวไกลก็ยืนยันในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายรวมถึงเจตนา และการกระทำไม่ได้นำไปสู่การล้มล้างการปกครองฯ แต่อย่างใด

 แต่เมื่อดูเนื้อหาและไส้ในการหาเสียงของพรรคก้าวไกล ถือว่าสุ่มเสี่ยงขัดกับรัฐธรรมนูญมาตรา 6 ที่ระบุว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ ผู้ใดจะฟ้องร้องในทางใดๆ ไม่ได้

ขณะที่นโยบายหาเสียงแก้มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ที่มีเนื้อหาลดทอนสถานะของกษัตริย์เหลือความเป็นคนธรรมดา และเปิดช่องให้มีการวิพากษ์วิจารณ์ ส่งผลให้มีการละเมิดประมุขแห่งรัฐได้ 

ก่อนหน้านี้ ศาลรัฐธรรมนูญก็เคยวางหลักการในเรื่องมาตรา 112 ผ่านคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 28-29/2555 มีสารว่า... รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฯ ได้บัญญัติให้องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะที่ผู้ใดจะละเมิดมิได้ จะกล่าวหาหรือฟ้องร้องในทางใดๆ มิได้ และด้วยพระเกียรติคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการผดุงไว้ซึ่งเกียรติยศของประเทศและรักษาคุณลักษณะประการสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จึงมีความชอบธรรมที่ต้องมีกฎหมายคุ้มครองมิให้มีการละเมิดพระมหากษัตริย์ 

อนึ่ง มาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญา ซึ่งกำหนดลักษณะความผิดเป็นพิเศษเพื่อคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งการกระทำความผิดดังกล่าวย่อมก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ เพราะพระมหากษัตริย์เป็นสถาบันหลักของการปกครองระบอบประชาธิปไตย มาตราดังกล่าวจึงเป็นบทบัญญัติเพื่อการรักษาความมั่นคงของรัฐ หรือเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน

ซึ่งหากสุดท้ายศาลวินิจฉัยว่า เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองฯ และสั่งให้พิธาและพรรคก้าวไกลหยุดการกระทำ ถือเป็นสารตั้งต้นอย่างน้อยสองประการนำไปสู่การยุบพรรคและการตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต ดังที่มีกลุ่มต้านออกมาส่งสัญญาณปริศนา "อดเปรี้ยวไว้กินหวาน"  

ประการแรกคือ กกต. หรือผู้ร้อง สามารถยื่นเรื่องให้ กกต.ยุบพรรคก้าวไกล ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 92 (1) กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ โดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ (2) กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อย่างเช่น พรรคไทยรักษาชาติ ถูกสั่งยุบพรรคตามมาตรา 92 (2) มาแล้ว 

ประการที่สอง อาจมีการยื่นให้ตรวจสอบพิธา และ กก.บห.พรรคก้าวไกล กระทำขัด มาตรฐานจริยธรรมร้ายแรงของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้อ 5 ที่ระบุว่าต้องยึดมั่นและธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และข้อ 6 ต้องพิทักษ์ไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษิตริย์ โดยยื่นต่อ ป.ป.ช. เพื่อให้ศาลฎีกาตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตแก่ อย่างเช่น “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช อดีต สส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ กรณีโพสต์ข้อความพาดพิงสถาบันมาแล้ว   

แม้รอดคดีหุ้นสื่อ แต่ยังมีชนักติดหลัง เรื่องยุบพรรค-ตัดสิทธิ์การเมืองตลอดชีวิต ชะตากรรมของ “พิธา” และ “พรรคก้าวไกล” นับว่ายังเหนื่อยบนเส้นทางการเมือง.   

 

ช่างสงสัย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

กลายเป็นเรื่องใหญ่เขย่าเก้าอี้นายกฯ ปมคุณสมบัติ "ทนายถุงขนม" พิชิต ชื่นบาน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หลังเมื่อวันอังคาร "คปท.-ศปปส.-กองทัพธรรม" ยกพวกบุก กกต.

บันทึกหน้า 4

สะท้อนชัดเจนอีกครั้งหนึ่งถึงการทำหน้าที่ของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี เพราะก่อนหน้านี้ในวันที่ 8 ธันวาคม 2566 ใน การประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านการทุจริตในงานวันต่อต้านคอร์รัปชันสากล (ประเทศไทย) “เสี่ยนิด” ก็ส่งงานให้ “ภูมิธรรม เวชยชัย”

ไม่ได้หมายถึงเรื่องใด

ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นั้นเป็นที่วิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ อ. ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์

บันทึกหน้า 4

เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทย (พท.) ภายหลังโปรดเกล้าฯ ครม.เศรษฐา 2 ที่มีชื่อ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร เป็น รมว.การต่างประเทศ ตำแหน่งเดียว ถูกริบตำแหน่งรองนายกฯ

บันทึกหน้า 4

ควันหลงการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 เกิดดรามามากมาย โดยเฉพาะจากคนที่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่พ้นกระทรวงสาธารณสุข กลับไปทำงาน สส. รวมถึงกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่หลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ

บันทึกหน้า 4

บันทึกในวันอากาศร้อนไม่เท่ากับอุณหภูมิทางการเมืองฮอตปรอทแตก เพราะทันที..ที่ราชกิจจานุเบกษาประกาศรายชื่อ ครม.เศรษฐา 2