มาทำหนังผีกันเถอะ!

หนัง “เหมรฺย บน บาป สาป แช่ง” รายได้เกิน 50 ล้านแล้วจ้า!

ก็..ขอแสดงความยินดีและดีใจกับคุณเอกชัย ศรีวิชัย ขุนพลนักร้องลูกทุ่งเมืองใต้ ที่เวลานี้ดูเหมือนจะหันมายึดอาชีพ “ผู้กำกับภาพยนตร์” ถาวรแล้ว

จากเรื่องแรก “เทริด” ที่ถือเป็นการเริ่มต้นในบทบาทของ “ผู้กำกับหนัง” ทำให้ผมเกิดความประทับใจ-ตราตรึง นึกไม่ถึงว่านักร้องลูกทุ่งท่านนี้จะมีฝีไม้ลายมือปานนั้น

มาเรื่องที่ 2-โนราห์ แม้จะไม่ค่อยประทับใจมากนัก แต่ก็ยังชอบที่คุณเอกชัยยังคงนำเรื่องราวของศิลปะวัฒนธรรม-ประเพณีของคนปักษ์ใต้มาเล่าต่อ..

เพราะลึกๆ แล้ว ผมก็อยากเห็นหนังประเภทนี้-แนวนี้บ้างบนจอเงิน-จอแก้ว เพื่อที่จะได้อวดคนภาคอื่นเขา ปักษ์ใต้บ้านเรา ไม่ได้มีแต่ทะเล ภูเขา ระเบิด..

วัฒนธรรม-ประเพณีก็มีเสน่ห์ที่น่าค้นหานะ..จะบอกให้!

แต่พอเรื่อง 3-4-5 ก็ค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อยถึงปานกลาง ไม่ใช่หนังไม่ดี หากแต่เป็นเพราะไม่ถูกกับจริตของตัวเองเสียมากกว่า จนเมื่อมาได้ดู “เหมรฺย” ล่าสุด..

เออ..คิดได้ไง กับการนำเอาลีลา-ท่วงท่าร่ายรำมโนราห์มาแปลงให้ดูน่าสยองขวัญ-ขนหัวลุก?

ต้องบอก..หนังดี-สนุกพอได้ ถ้าเป็นคนใต้ เห็นจะเสียดายถ้ายังไม่ได้เข้าไปนั่งดูในโรง ไม่ใช่แค่หนังผี แต่ขี้เกียจโม้ ยังมีอะไรอีกเยอะ..เชื่อสิ!

เอ้า..แล้วนั่นไม่เชื่อไม่ได้ เพราะคนพูด-คนให้ข่าวเป็นถึงอธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) คุณภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ โดย “ผู้จัดการออนไลน์” รายงานว่า..

 “คุณภูสิตเปิดเผยว่า กรมได้มอบนโยบายให้ทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในประเทศต่างๆ ทำการสำรวจลู่ทางและโอกาสการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศที่ประจำอยู่

และให้รายงานผลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้รับรายงานจาก น.ส.กัลยา ลีวงศ์เจริญ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา (ส่วนที่ 2)

ถึงผลการสำรวจตลาดภาพยนตร์ของไทยในตลาดไต้หวัน และโอกาสในการขยายตลาดภาพยนตร์ไทยเข้าสู่ตลาดไต้หวัน ทั้งการเข้าไปร่วมลงทุน และช่องทางในการนำภาพยนตร์ไทยไปเปิดตัว

โดยทูตพาณิชย์ได้รายงานตลาดภาพยนตร์ไทยในไต้หวันตั้งแต่ ม.ค.-26 พ.ย.2566 พบว่ามีเข้าฉายรวม 10 เรื่อง ทำรายได้รวม 28.46 ล้านบาท

ถือว่าฟื้นตัวกลับมาใกล้กับภาวะปกติก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยภาพยนตร์ที่ทำรายได้มากที่สุด คือ บ้านเช่าบูชายัญ 16.55 ล้านบาท รองลงมาคือ สุขสันต์วันกลับบ้าน 9.25 ล้านบาท

เรื่อง Mae Nak Reborn 3.01 ล้านบาท รักแรกโคตรลืมยาก 1.66 ล้านบาท หุ่นพยนต์ 1.13 ล้านบาท ดับแสงรวี 5.97 แสนบาท อีหนู อันตราย 5.40 แสนบาท บุพเพสันนิวาส 2 ทำรายได้ 5.04 แสนบาท

แอน 1.13 แสนบาท และอานนท์เป็นนักเรียนดีเด่น 8.7 หมื่นบาท

จากสถิติข้างต้นจะเห็นได้ว่าหนังผีเป็นแนวภาพยนตร์จากไทยซึ่งเป็นที่ถูกใจตลาดไต้หวันเป็นอย่างมาก

โดยชาวไต้หวันส่วนใหญ่เชื่อว่าไสยศาสตร์และปรากฏการณ์สยองขวัญในแบบของหนังผีไทยมีความแตกต่างและน่ากลัวในตัวของมันเอง ทำให้เพิ่มความลี้ลับแก่หนังผีไทยมากขึ้น

ส่งผลให้ภาพยนตร์ประเภทนี้ของไทยค่อนข้างเป็นที่โปรดปรานของกลุ่มผู้ชมที่ต้องการความตื่นเต้นและหวาดกลัว โดยหนังไทยที่ฉายในไต้หวันปี 2566 จำนวน 10 เรื่อง

เป็นหนังผีถึง 5 เรื่อง และภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้มากที่สุดจากการเข้าฉายในไต้หวัน 3 อันดับแรกในปี 2566 ต่างก็เป็นหนังผีทั้งสิ้น”

เอาล่ะ..โปรเจ็กต์ “บ้านผีปอบ” ที่ผู้กำกับบางท่านกำลังเตรียมปัดฝุ่นขึ้นมาทำใหม่คงจะได้เห็นเป็นจริง-เป็นจังก็คราวนี้

ส่วนผู้กำกับท่านอื่นๆ ถ้าอยากจะเปลื้องหนี้-ได้ลืมตาอ้าปากก็อย่ามัวอืดอาดยืดยาด รีบหาพล็อต-หาเรื่องผีๆ มาทำกันเร็ว อย่างคุณเอกชัยก็ต้องเร่งตีเหล็กขณะร้อน

ทำ “เหมรฺย” ภาค 2 ด่วนเลย!.

 

สันต์ สะตอแมน

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประชาธิปไตยจอมปลอม

“หาดใหญ่ยังห่างไกลความปกติ.. ขยะเป็นล้านตันไม่ใช่เรื่องที่จัดการง่าย และเรายังลุยต่อกับอีกหลายหน่วยงานในทุกๆ วันค่ะ”

ร่างทรงชาวบ้าน

ว้าวว..ลูกชาย “เจ๊แดง” นั่งแคนดิเดตนายกฯ เบอร์ 1 เพื่อไทย! เสียงเพื่อนบนโต๊ะกินข้าวคนหนึ่งอุทานลั่น ทำเอาเพื่อนๆ ร่วมโต๊ะหันมองหน้าด้วยความพร้อมเพรียง ก่อนที่อีกคนจะเอ่ยถาม..

‘ขอเวลาอีกไม่นาน’!

คั่นสงครามด้วยข่าวบันเทิง!.. เริ่มที่เจ้าพ่อโหนกระแส “คุณหนุ่ม-กรรชัย กำเนิดพลอย” โพสต์ถึงใครก็ไม่รู้.. “ก่อนจะดูถูกคนอื่น ล้างมือล้างตีนตัวเองก่อนดีมั้ย ตีนยังดำอยู่เลย”

‘เด็กเสียนิสัย’?

“สงคราม” ..สนุกแต่เฉพาะในหนังฮอลลีวูด.. นอกจาก “ของจริง” ไม่ใช่เรื่องเล่น-เรื่องสนุก หรือเรื่องที่จะคุยโม้ โอ้อวด เพราะสนามสงคราม คือ “สนามแห่งความเป็น-ความตาย” ของชีวิต (จริง) เหล่าทหารกล้า!

‘ดิสนีย์แลนด์’..ฝันเก้อ?

แก้วตา...หันมาฟังพี่จะบอก เจ้าจงตั้งใจฟังไว้ให้ดี.. คืองี้..เหตุที่คณะกรรมการบริหารพรรคประชาชน และคณะกรรมการคัดสรรผู้สมัคร มีมติไม่ส่งคุณธิษะณา ชุณหะวัณ หรือ “แก้วตา” ลงสมัคร สส.กรุงเทพฯ ต่อนั้น..

เหลือไว้ความทรงจำ

สงครามมาพร้อมกับ “ซีเกมส์” แต่ด้วย “ซีเกมส์” เป็นการแข่งขันกีฬาของมวลมนุษยชาติที่จัดกันมาต่อเนื่องจนถึงครั้งที่ 33 ในปีนี้-2568