"ถ้าไม่มีไฟ ที่ไหนจะมีควัน"
คำสุภาษิตไทยๆ ที่ดูจะเหมาะกับสถานการณ์ภายใน "กรมปทุมวัน" ช่วงเวลาที่มีความคลุมเครือ ในการแต่งตั้ง "นายพล" วาระเดือนเมษายน
จะมีการแต่งตั้งเก้าอี้ "รอง ผบ.ตร." แทนตำแหน่งว่างของ บิ๊กรอย-พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ที่โอนย้ายไปดำรงตำแหน่ง "เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ" หรือไม่ อย่างไร
เพราะในการประชุม ก.ตร.เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา มีการอนุมัติร่างข้อกำหนด ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และผู้ทรงคุณวุฒิ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. ...
ซึ่งจะใช้ในการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจดำรงตำแหน่งผู้บังคับการขึ้นไป สำหรับผู้ที่จะครบเกษียณอายุราชการปีนี้ ในเดือนเมษายน 2567 เท่านั้น
ส่วนวาระการขออนุมัติให้ ตร.นำข้อกำหนด ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566 มาใช้ในการแต่งตั้งโดยอนุโลม ซึ่งดูจะเกี่ยวข้องกับการแต่งตั้ง "รอง ผบ.ตร." และ "ผู้ช่วย ผบ.ตร." แทนตำแหน่งว่าง
มีการขอถอนวาระออกไป!!!
เหมือนจะบ่งบอกในการแต่งตั้ง "นายพล" วาระเดือนเมษายน จะมีเพียงการแต่งตั้งตำแหน่ง ที่ปรึกษาฯ ตำแหน่ง ผู้ทรงฯ เป็น "โบนัส" ตำรวจเหลืออายุราชการอีกไม่ถึง 6 เดือนก็จะเกษียณ ให้ได้รับ "ยศ" ได้รับ "ตำแหน่ง" สูงขึ้น
ตอบแทนความทุ่มเท ตอบแทนความเสียสละ เหล่า "นายตำรวจ" ที่ดูแลทุกข์สุขประชาชน สร้างคุณงามความดี สร้างประโยชน์ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติมานานหลายสิบปี
จนจะครบเกษียณอายุราชการ 60 ปีบริบูรณ์ ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ทว่าเมื่อมีการขยับ "บิ๊กรอย" ออกจากรั้วปทุมวัน ไปนั่งตำแหน่งใหญ่โตระดับซี 11 ทั้งที่ผ่านพ้นช่วงการแต่งตั้ง "ผบ.ตร." มาแล้ว และเหลืออีกไม่กี่เดือนก็จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. 2567
ก็ย่อมต้องมีเหตุ มีผล ในการขยับขยายเปิดลู่ เปิดเลน "รอง ผบ.ตร." เอาไว้
เพื่ออะไร??? เพื่อใคร???
ไม่ต้องเดา ไม่ต้องลุ้น เพราะตามกฎ ตามระเบียบการแต่งตั้งตำรวจระดับ "รอง ผบ.ตร." พ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน บ่งบอกไว้ชัดเจนว่าพิจารณาเรียงตามลำดับอาวุโส
เมื่อ "รอง ผบ.ตร." ว่างลง 1 ตำแหน่ง "ผู้ช่วย ผบ.ตร." อาวุโส ลำดับที่ 1 ก็ต้องขยับขึ้นอัตโนมัติ
บิ๊กจวบ-พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะอาวุโสลำดับ 1 ก็ขยับขึ้น รอง ผบ.ตร. ติดยศ พล.ต.อ. ทันที
พร้อมทั้งมีสิทธิ์ไปชิงเก้าอี้ "ผบ.ตร." ต่อจาก บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ที่จะเกษียณอายุราชการ 30 ก.ย. 2567 เฉกเช่นเดียวกับ รอง ผบ.ตร.และจเรตำรวจแห่งชาติ คนอื่นๆ
ท่ามกลางสปอตไลต์ที่สาดส่อง "บิ๊กจวบ" มีโอกาสแตะมือต่อไม้ "บิ๊กต่อ" นั่งเป็น ผบ.ตร. 1 ปี เกษียณปี 2568 เพราะตลอดชีวิตรับราชการอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือเป็นหลัก ทำให้มีสายสัมพันธ์อันดีกับอดีตนายกฯ สายเหนือ
กระนั้นก็ต้องจับตาสัปดาห์หน้าในการประชุม ก.ตร. ที่น่าจะไฟเขียววาระการขออนุมัติให้ ตร.นำข้อกำหนด ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจ พ.ศ. 2566 มาใช้ในการแต่งตั้งโดยอนุโลม
เพื่อแต่งองค์ทรงเครื่อง "บิ๊กจวบ" เตรียมพร้อมรอรับงานใหญ่ปลายปี.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
หรือทิ้งทวน?
ดูเหมือนสำนวนไทยที่ว่า "ขึ้นต้นเป็นลำไม้ไผ่ พอเหลาลงไปกลายเป็นบ้องกัญชา" กำลังถูกนำมาค่อนแคะ เหน็บแนม การแต่งตั้งโยกย้าย "ตำรวจ" ทั้งในระดับ "นายพล" และระดับ "นายพัน" ที่ผ่านมา
ตำรวจไม่เลวไปหมด
ใครจะว่า ใครจะกล่าวหา "ตำรวจ" เป็นองค์กรอาชญากรรม คนพูด คนกล่าวหาก็รู้อยู่แก่ใจ เพราะตัวเองก็เคยอาศัยชายคา อาศัยร่มเงาองค์กร "ตำรวจ" มาเกือบครึ่งค่อนชีวิต
'200 สีกากี' หนาว!
มาพร้อมกับอากาศเย็นๆ ปลายเดือนพฤศจิกายน อาการ "หนาวสะท้าน" ในแวดวง "สีกากี" ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อการแต่งตั้ง "นายพัน" วาระประจำปี 2568
ขยายเก้าอี้ 'นายพัน'
หากไม่มีเรื่อง "สาวไส้ให้กากิน" อย่างกรณี "ตำรวจ" แฉ "ตำรวจ" บางกลุ่ม บางพวก บางคน เข้าไปเกี่ยวข้องกับการรับผลประโยชน์ เกี่ยวข้องกับการรับส่วย
องค์กรอาชญากรรมหรือ?
เห็นด้วยกับท่าที ผบ.ตร.-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ที่ไม่ออกมาตอบโต้ ออกมาโต้เถียง กับข้อกล่าวหาของ "อดีตตำรวจใหญ่" ที่บอกผ่านสื่อว่า "สำนักงานตำรวจแห่งชาติ" เป็นองค์กรอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย!!!
ตั้ง 'นายพล-นายพัน'
น่าจะต้องบันทึกเป็นประวัติศาสตร์ "กรมปทุมวัน" อีกครั้ง การแต่งตั้ง "สีกากี" จะมีทั้ง "นายพล" และ "นายพัน" เกิดขึ้นภายในเดือนเดียว


