
คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ก็มีมติประกาศทบทวนค่าไฟฟ้าผันแปร (ค่าเอฟที) และการเรียกเก็บค่าไฟฟ้างวด ม.ค.-เม.ย.2567 ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ตามมติ ครม.ที่ประกาศไว้ว่าต้องต่ำกว่า 4.20 บาทต่อหน่วย แต่ยืนยันว่าค่าไฟฟ้าระยะต่อไปไม่น่าจะต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วย ตามความต้องการของภาคเอกชน เพราะโครงสร้างปัจจุบันทำให้ต้นทุนไฟฟ้างวดนี้อยู่ที่หน่วยละ 4.30 บาทแล้ว
จากที่ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ปรับปรุงโครงสร้างตามมาตรการปรับราคาก๊าซธรรมชาติเข้าและออกจากโรงแยกก๊าซธรรมชาติ โดยกำหนดให้ต้นทุนค่าก๊าซของอุตสาหกรรมปิโตรเคมีจะต้องเข้ามาร่วมคำนวณและรับภาระค่า Pool Gas เช่นเดียวกับโรงไฟฟ้า ทำให้สามารถประกาศเอฟทีใหม่ของงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2567
ลดลงจาก 89.55 สตางค์ต่อหน่วย เหลือ 39.72 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้ค่าไฟฟ้าเฉลี่ยอยู่ที่ 4.18 บาทต่อหน่วย ทั้งนี้รวมไปถึงอีกหลายมาตรการเข้ามาช่วยปรับลดค่าเอฟทีลง เช่น การปรับปรุงราคาประมาณการ Spot LNG ใหม่, กฟผ.รับภาระเงินคงค้างสะสมสำหรับงวดเดือน ม.ค.-เม.ย.2567 แทนประชาชน และการเรียกเก็บ Shortfall จาก ปตท.จำนวน 4,300 ล้านบาท มาช่วยลดค่าเอฟทีลงด้วย
ค่าไฟเพิ่มขึ้นหรือถูกลง ปัจจัยหลักเกิดจากวิกฤตราคาพลังงานโลกและปริมาณก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่มีราคาถูกกว่าลดลง ทำให้ต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวแบบสัญญาตลาดจร (Spot LNG) ซึ่งมีราคาสูงเข้ามาเสริม โดย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ย้ำว่า ตลอดทั้งปี 2567 จะเดินหน้าเกี่ยวกับนโยบายรื้อ ลด ปลด สร้าง ด้านพลังงานเป็นหลัก เนื่องจากรูปแบบที่ใช้ในปัจจุบันมีการใช้มายาวนาน โดยมีเป้าหมายเพื่อปรับปรุงให้เกิดความเป็นธรรมกับประชาชนผู้ใช้ไฟ
สำหรับค่าไฟในงวดถัดไป ตลอดทั้งปี 2567 ที่หลายคนยังคงอยากรู้กันว่าจะยังคงอยู่ในระดับนี้ต่อไปได้หรือไม่ คมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ระบุว่า “ค่าไฟฟ้าที่ทางภาคเอกชนและประชาชนต้องการให้ต่ำกว่า 4 บาทนั้นเป็นไปได้ยาก เนื่องจากขณะนี้มีการรื้อโครงสร้างก๊าซฯ ทุกแนวทางแล้ว หากพิจารณาจากต้นทุนปัจจุบันจนถึงแนวโน้มตลอดทั้งปี 2567 คาดจะสามารถตรึงค่าไฟฟ้าให้อยู่ที่ 4.20 บาทต่อหน่วย เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่อยู่ในอัตรา 4.18 บาทต่อหน่วยเล็กน้อย โดยจะขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ที่จะเข้ามาสนับสนุนด้วย เนื่องจากงวดหน้าไม่มีชอร์ตฟอลแล้ว และก๊าซธรรมชาติจากแหล่งเอราวัณจะสามารถเข้ามาในระบบครบ 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตหรือไม่ และก๊าซจากแหล่งพม่ายังมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงราคานำเข้าก๊าซธรรมชาติ (LNG Spot) อยู่ในระดับ 10 เหรียญสหรัฐต่อล้านบีทียู”
ประเด็นกำลังการผลิตก๊าซในอ่าวไทย โดยเฉพาะแหล่งก๊าซธรรมชาติเอราวัณที่จะต้องผลิตให้ได้ตามสัญญา 800 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ทางสำนักงาน กกพ.ได้ให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ เพราะมีส่วนเข้ามาช่วยต้นทุนค่าไฟอย่างมาก หากสามารถผลิตได้ตามเป้าหมายจะส่งผลให้การนำเข้าก๊าซธรรมชาติลดลงได้ เพราะได้ใช้ทรัพยากรในประเทศในราคาที่ถูกกว่า
ดังนั้น การปรับโครงสร้างราคาและต้นทุนก๊าซทั้งระบบตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานประกาศรื้อ ลด ปลด สร้าง โครงสร้างพลังงานทั้งระบบ เป็นการทำงานร่วมกับ กกพ., สำนักงาน กกพ. ซึ่งทางเลขาธิการสำนักงาน กกพ.ได้ส่งสัญญาณที่ดีเกี่ยวกับการปรับโครงสร้างก๊าซ โดยได้เริ่มมีการศึกษาแล้ว ประกอบกับมติ ครม.ยังระบุชัดเจนว่าโครงสร้างราคาและต้นทุนก๊าซที่ปรับไปในงวด ม.ค.-เม.ย.2567 ให้อิงราคาโครงสร้างเดิมไปก่อน จนกว่าจะมีผลการศึกษาถึงแนวทางที่เหมาะสมจึงจะมีการเปลี่ยนแปลงและประกาศใช้อย่างเป็นทางการ
ไม่ว่าจะเปลี่ยนแปลงอะไร สิ่งสำคัญคือต้องยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก.
บุญช่วย ค้ายาดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ
ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย
ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

