บันทึกหน้า 4

"ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด" โพสต์อย่างไรให้ถูกด่าทั้งเมือง คงต้องยกให้ "อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เมื่อโพสต์ภาพลงอินสตาแกรมที่ใช้ชื่อว่า ingshin21 เป็นภาพ "ทักษิณ" นั่งอยู่ริมสระน้ำภายในบ้าน โดยนายทักษิณอยู่ในชุดเสื้อผ้าที่ออกจากโรงพยาบาลในช่วงเช้า พร้อมด้วยอุปกรณ์พยุงคอและเฝือกอ่อนที่แขนขวา

หลังจากนั้นทัวร์ลงภาพดังกล่าวทันที นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กเทพไท–คุยการเมือง ระบุว่า หลักการสืบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง ตำรวจจะสืบจากศพ ผมจะสืบจากภาพ เมื่อพิจารณาจากรูปที่คุณอุ๊งอิ๊งโพสต์แล้ว พบว่า 1.หน้าตาอิ่มเอิบ 2.อ้วนท้วนสมบูรณ์ ลงพุง 3.ไม่มีร่องรอยอาการป่วยให้เห็นเลย 4.ผ่านการดูแลสุขภาพอย่างดี ผิวพรรณ หน้าตา 5.มีการเสริมสวย ทรงผม ย้อมผมดำสนิท 6.เฝือกอ่อนคล้องแขนไม่สมจริง มือกำ แบ ได้สะดวก

7.เฝือกด้ามคอ เหมือนอุปกรณ์ประกอบการแสดง 8.คนผ่านอาการป่วยหนัก จะไม่กล้าออกรับอากาศนอกบ้านเสี่ยงฝุ่น PM 2.5 9.ขาทั้ง 2 ข้าง มีกล้ามเนื้อ ผ่านฟิตเนสมาเป็นประจำ 10.การแต่งกาย เสื้อผ้า กางเกง รองเท้า แบรนด์เนม พิถีพิถันมาก ไม่ใช่คนป่วยหนัก ฯลฯ

เช่นเดียวกับ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ลงทุนน้อยจัง ภาพที่ลูกสาวนายทักษิณปล่อยมา ไม่เป็นประโยชน์ใดๆ เลย ที่บ่งบอกว่านายทักษิณเจ็บป่วยร้ายแรง ต้องนอนโรงพยาบาลตำรวจถึง 6 เดือน ในภาพมีเพียงปลอกคออ่อน (soft collar) และสายคล้องไหล่และยึดแขน (arm sling) ยิ่งตอกย้ำว่าเจ็บเล็กๆ น้อยๆ ไม่มีความจำเป็นต้องนอนโรงพยาบาลเลย ทำไมลงทุนน้อยจัง อุตส่าห์แต่งเรื่องว่าเป็นโรคหัวใจ ปอด ความดัน และกระดูกหลังเสื่อม แต่เอาองค์ประกอบของคอและไหล่มาแต่ง ซึ่งมันคนละเรื่อง และไม่ได้ช่วยบอกว่าป่วยหนัก

ถ้าลงทุนมากกว่านี้สักหน่อย เช่น เหมารถพยาบาล ยอมเสียเวลาไปนอนโรงพยาบาลเอกชนอีกสักระยะ แล้วไปพักฟื้นที่บ้าน น่าจะดูเนียนกว่านี้ การลงทุนแต่งแบบนี้ คนที่เดือดร้อนคือราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งภาพมันฟ้อง และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กำลังตรวจสอบด้วย คราวหลังควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญและลงทุนมากกว่านี้สักหน่อยนะ จะเนียนกว่านี้

ด้าน นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การที่นายทักษิณมีภาพแค่เพียงใส่เฝือก แค่เพียงเหมือนกับคอซ้น ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสของการรักษาตัวของนายทักษิณ ซึ่งความสงสัยแบบนี้มันทำลายกระบวนการยุติธรรม ทำลายความน่าเชื่อถือของเรือนจำ ของกระบวนการยุติธรรม

นายพิชิต ไชยมงคล แกนนำเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย (คปท.) โพสต์เฟซบุ๊กว่า หลักฐานบุคคลยืนยันชัดเจนว่า นายทักษิณไม่ได้ป่วยหนัก วิกฤต ตลอด 180 วัน ตามที่กล่าวอ้าง กรมราชทัณฑ์ คณะแพทย์ รมต.ยุติธรรม นายกรัฐมนตรี พวกคุณจะรับผิดชอบอย่างไรกับการป่วยทิพย์ครั้งนี้ 

               อย่างไรก็ตาม ทราบมาว่า ทักษิณคาดว่าจะต้องรับโทษแล้ว แต่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการครั้งนี้อาจเจอคุก 

ล่าสุด นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ว่าได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว หลังมีการร้องเรียนให้ตรวจสอบอธิบดีกรมราชทัณฑ์และผู้อำนวยการโรงพยาบาลตำรวจและฝ่ายการเมืองผู้เกี่ยวข้องในกรณีพิจารณาอนุญาตให้นายทักษิณไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลภายนอกเรือนจำ ว่ามีพฤติการณ์เอื้อประโยชน์และกระทำการฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมหรือไม่ 

สุดท้ายคงต้องดูว่า คนที่ช่วยเหลือนักโทษเทวดาจะต้องรับชะตากรรมอย่างเช่นคนในระบอบทักษิณที่ต้องสังเวย ติดคุกและหนีคดีอยู่ต่างแดนแทนคนตระกูลชินหรือไม่ ซึ่งบทเรียนในอดีตมีให้เห็นมาแล้ว ฉะนั้นขอปิดท้ายด้วย "กัมมุนา วัตตติโลโก" หรือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม.

 

ช่างสงสัย 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

เกิดแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทย (พท.) ภายหลังโปรดเกล้าฯ ครม.เศรษฐา 2 ที่มีชื่อ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร เป็น รมว.การต่างประเทศ ตำแหน่งเดียว ถูกริบตำแหน่งรองนายกฯ

บันทึกหน้า 4

ควันหลงการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 เกิดดรามามากมาย โดยเฉพาะจากคนที่ผิดหวัง ไม่ว่าจะเป็น นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ที่พ้นกระทรวงสาธารณสุข กลับไปทำงาน สส. รวมถึงกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร ที่หลุดจากตำแหน่งรองนายกฯ

บันทึกหน้า 4

บันทึกในวันอากาศร้อนไม่เท่ากับอุณหภูมิทางการเมืองฮอตปรอทแตก เพราะทันที..ที่ราชกิจจานุเบกษาประกาศรายชื่อ ครม.เศรษฐา 2

บันทึกหน้า 4

งามไส้อีกแล้ว! นักโทษตรวจโผ ครม. "เศรษฐา 2" เร่งด่วนขนาดนายกฯ ควงภูมิธรรม แจ้นกินข้าวเที่ยงกับ "นายใหญ่" ที่โรงแรมย่านสุขุมวิท คราวนี้ต่างจากครั้งมุดบ้านจันทร์ส่องหล้ารดน้ำสงกรานต์

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับความพยายามของ “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสียจริงๆ เพราะ อุตส่าห์สร้างภาพ “ผนังทองแดงกำแพงเหล็ก” โดยให้บรรดารัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลมายืนร่วมด้วย

กองเชียร์ไม่เยอะ

กระแสข่าวเตรียมปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เล่นเอารัฐมนตรีว้าวุ่นแล้ว ไม่พอยังลามไปถึงการยกเครื่อง การทำงานของทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย