ครบ 2 ปีสงครามยูเครน: ข่าวร้ายจากทุกแนวรบ

แต่ยูเครนและโลกตะวันตกเรียกมันว่าเป็น “การรุกรานของรัสเซีย ต่อประเทศเพื่อนบ้าน” อย่างเปิดเผยและไร้การยั่วยุจากฝ่ายใดทั้งสิ้น 

ตะวันตกส่งอาวุธมาช่วยยูเครน และประกาศคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจรัสเซียในหลาย ๆ รูปแบบ รัสเซียตอบโต้ด้วยการหยุดขายน้ำมันและก๊าซให้ยุโรป การเผชิญหน้าที่ตึงเครียดที่สุดหลังสงครามโลกครั้งที่สองระเบิดขึ้นทันที 

ปูตินประกาศ "ปฏิบัติการพิเศษทางทหาร" ในช่วงรุ่งสางของวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022 โดยหลายคนคาดหวังว่ามอสโกคงจะบุกยึดเมืองหลวงกรุงเคียฟของยูเครนได้ภายในไม่กี่วัน   แต่ยูเครนกลับตั้งป้อมสู้ ส่งผลให้กองทัพรัสเซียต้องล่าถอย 

แต่แม้ยูเครนจะประกาศปฏิบัติการตอบโต้เพื่อเอาดินแดนที่ถูกยึดครองคืน มาถึงวันนี้ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ 

สงครามยูเครนจึงกลายเป็นการเผชิญหน้าที่คล้ายกับจะถึงทางตัน  แต่ยูเครนประสบความล้มเหลวจากความล้มเหลวในการรุกตอบโต้มาถึงวันนี้ กองทัพรัสเซียเร่งผลิตอาวุธเพื่อรุกคืบต่อขณะที่ยูเครนขาดรี้พลและกระสุนสำหรับปืนใหญ่และระบบการป้องกันภัยทางอากาศ 

ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกีเพิ่งประกาศย้ำว่าการตัดสินใจเรื่องการจัดหาอาวุธจะต้องเป็น "ลำดับความสำคัญ" 

วันครบรอบ 2 ปีมีผู้นำชาติตะวันตกไปเยือนให้กำลังใจหลายคน  หนึ่งในนั้นคือเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน หัวหน้าคณะกรรมาธิการสหภาพยุโรป 

เธอคือหญิงเหล็กที่ยืนเคียงข้างยูเครนมาตั้งแต่ต้น และได้แสดงความชื่นชมใน “วีรกรรมที่ไม่ธรรมดา" ของยูเครน 

แต่ภาพรวมของยูเครนยังคงดูมืดมน  

สาเหตุสำคัญคือรัฐสภาสหรัฐฯ ยังรีรอเรื่องผ่านแพ็คเกจความช่วยเหลือที่สำคัญมูลค่า 6 หมื่นล้านดอลลาร์ (2.1 ล้านล้านบาท) 

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ เรียกร้องให้สมาชิกสภานิติบัญญัติของพรรครีพับลิกันเลิกสกัดกั้นมติให้ผ่านงบประมาณเพิ่มเพื่อการนี้ 

พร้อมเตือนว่า "ประวัติศาสตร์กำลังรออยู่" และ "ความล้มเหลวในการสนับสนุนยูเครนในช่วงเวลาวิกฤตินี้จะถูกบันทึกไว้ไม่ลืมเลือน” 

ณ วันนี้รัสเซียกำลังโหมรุกโจมตีอย่างหนักในภาคตะวันออกของยูเครน โดยเมืองมารีอินกาที่ถูกทำลายใกล้กับโดเนตสค์เป็นเป้าหมายหลักในช่วงนี้ หลังจากที่ยึดเมืองอาฟดิฟกาที่มีป้อมปราการแน่นหนาได้เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 

อารมณ์ของคนในเมืองหลวงเคียฟดูเคร่งขรึมแต่คนยูเครนส่วนใหญ่ยังยืนยันว่าจะไม่ยอมแพ้รัสเซีย ผู้คนบอกว่าเริ่มคุ้นเคยกับสภาพในช่วงสงครามมากขึ้น 

นักข่าวต่างชาติอ้างคำพูดของชาวเคียฟคนหนึ่งว่า “เราเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน … บัดนี้สงครามคือชีวิตของเราแล้ว” 

ชายวัย 51 ปีคนหนึ่งเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ส่ง "อาวุธเพิ่มเติมให้เราเพื่อใช้ขับไล่วิญญาณชั่วร้ายนี้ออกจากดินแดนของเรา และเริ่มสร้างยูเครนของเราขึ้นมาใหม่" 

การจะฟื้นฟูประเทศนั้นต้องใช้เงินมหาศาล  ประเมินว่ายูเครนต้องการเงินเกือบครึ่งล้านล้านดอลลาร์เพื่อสร้างเมืองต่างๆ ที่ถูกทำลายจากการรุกรานของรัสเซียขึ้นใหม่  เป็นตัวเลขที่ประมาณการล่าสุดโดยธนาคารโลก สหภาพยุโรป สหประชาชาติ และรัฐบาลยูเครน แต่ชีวิตผู้คนที่ต้องสังเวยไปกับสงครามรุนแรงกว่ามาก 

ยูเครนประเมินว่ามีพลเรือนประมาณ 50,000 คนถูกสังหารตั้งแต่สงครามเริ่มต้น 

ทั้งรัสเซียและยูเครนไม่เปิดเผยตัวเลขการเสียชีวิตและบาดเจ็บของทหาร  ในเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว

เดอะนิวยอร์กไทมส์อ้างคำพูดของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ว่าฝ่ายยูเครนมีผู้เสียชีวิต 70,000 ราย และบาดเจ็บ 100,000 ถึง 120,000 ราย 

ข้อมูลข่าวกรองของสหรัฐฯ ที่รั่วออกมาในเดือนธันวาคม ระบุว่ามีทหารรัสเซีย 315,000 นายเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บ 

อังกฤษประกาศว่าแพ็คเกจช่วยเหลือทางทหารชุดใหม่มูลค่า 245 ล้านปอนด์ (11,000 ล้านบาท) เพื่อช่วยเร่งการผลิต "กระสุนปืนใหญ่ที่จำเป็นเร่งด่วน" ให้ยูเครน  

โดยนายกรัฐมนตรี ริชิ ซูนัก ยืนกรานในแถลงการณ์ก่อนหน้านี้ว่า "เผด็จการจะไม่มีวันเกิดขึ้น เราต้องได้ ชัยชนะ" 

มอสโกได้เพิ่มการผลิตอาวุธจำนวนมากและได้รับโดรนจากอิหร่าน ขณะที่ยูเครนกล่าวหาว่ารัสเซียได้เริ่มใช้ขีปนาวุธของเกาหลีเหนือแล้ว 

เซเลนสกีกล่าวเมื่อเดือนธันวาคม กองทัพต้องการเกณฑ์ทหารเพิ่มสูงสุด 500,000 นาย  

ร่างกฎหมายเพื่อขยายการระดมพลทำให้เกิดความหวาดกลัวในหมู่ประชาชนไม่น้อย 

ไบเดนประกาศคว่ำบาตรรัสเซียเพิ่มเติมโดยให้คำมั่นว่าจะกดดันอย่างต่อเนื่องเพื่อหยุดยั้ง "เครื่องจักรสงคราม" ของปูติน  

ขณะเดียวกัน ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศส เตือนปูตินว่าอย่าย่ามใจว่า “ยุโรปกำลังจะเหนื่อยล้า” เกี่ยวกับสงคราม  และประกาศให้คำมั่นว่าฝรั่งเศสจะ “ไม่หวั่นไหว” ในการเดินหน้าสนับสนุนยูเครนต่ออย่างแน่นอน 

ปูตินบอกไม่สนใจผลกระทบที่เกิดขึ้นและยกย่องกองทหารรัสเซียว่าเป็น "วีรบุรุษของชาติที่แท้จริง" 

ปูตินใช้วิธีการปลุกระดมกระแสชาตินิยมในหมู่ชาวรัสเซียและปราบปรามผู้เห็นต่างที่รุนแรงหนักขึ้น  

ผู้เห็นต่างในรัสเซียถูกข่มขู่จนไม่กล้าแสดงออกในที่สาธารณะมากนัก 

แต่ลึก ๆ แล้วทั้งเซเลนสกีและผู้นำยุโรปก็เริ่มไม่แน่ใจว่าหากโดนัลด์ ทรัมป์ชนะเลือกตั้งในอเมริกาปลายปีนี้ สงครามยูเครนจะแปรรูปไปอย่างไร 

ทั้งปูตินและเซเลนสกีต่างก็เฝ้ารอผลการเลือกตั้งอเมริกาอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน!