“คืนสิทธิ”

จบไปแล้วกับการพิจารณากฎหมายอีก 1 ร่าง เพราะในวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา การประชุมสภาผู้แทนราษฎรมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... หรือร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม ผ่านการเห็นชอบในวาระที่ 2-3 ของสภาแล้ว

ซึ่งภายหลังที่ประชุมสภาฯ เสร็จสิ้น “บรู๊ค” ดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ได้แท็กทีมรองหัวหน้า กมธ. ลงมาแถลงที่ห้องแถลงข่าวในอาคารรัฐสภา ด้วยอารมณ์ที่ดีใจ พร้อมด้วยรอยยิ้มตลอดการสัมภาษณ์

มีประโยคหนึ่งของ “บรู๊ค” ที่กินใจ และชาวโซเชียลต่างชื่นชมไปพร้อมๆ กัน นั่นคือประโยคที่ว่า “กฎหมายฉบับนี้เราไม่ได้แก้ไขเพื่อให้สิทธิกับคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรืออย่างที่หลายคนบอกว่ากฎหมายฉบับนี้แก้ไขเพื่อกลุ่ม LGBTQ แต่กฎหมายฉบับนี้เขียนมาเพื่อคนไทยทุกคน เราต้องการคืนสิทธิให้ LGBTQ ที่เลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้ตามสิทธิและเสรีภาพของรัฐธรรมนูญ”

ภายหลังการแถลงข่าวเสร็จสิ้นได้ถ่ายรูปพร้อมกับทำท่ารูปหัวใจไขว้สุดน่ารัก และการที่ “ดนุพร” ได้พูดประโยคนี้ออกมา ทำให้รู้สึกถึงการมีอยู่ของสิทธิจริงๆ จึงทำให้ชาวโซเชียลชื่นชมการทำงานของทั้ง “บรู๊ค” และกรรมาธิการทุกท่านไม่ว่าเป็นตัวแทนจากพรรคอะไร รวมถึงตัวแทนจากภาคประชาชนด้วยเช่นกัน

งานนี้เรียกว่า บรู๊คทำหน้าที่แบบสุดทุ่มตัว เพราะกว่าจะมาสู่หน้างานได้ เขาก็ทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง “พี่บรู๊คทำหน้าที่ประธานได้ดีมาก เพราะในที่ประชุมจะมีตัวแทนภาคประชาชน ที่บางคนได้รับผลกระทบจริงๆ มีความรู้สึกพรั่งพรูออกมา ทุกครั้งพี่บรู๊คจะนิ่งที่สุด และเขามีความเข้าใจจริงๆ” นี้คือเสียงสะท้อนที่บอกมาในระหว่างการทำงานของเขา

เรียกได้ว่า ต้องชื่นชมกันทั้ง “ดนุพร” และกรรมาธิการทุกคน ที่ได้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่เพื่อให้กฎหมายออกมาได้อย่างดีที่สุด และหวังว่ากฎหมายฉบับนี้จะใช้ในเร็ววัน.

 

เจ้าพระพาย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อำลา‘ก.ท่องเที่ยวฯ’

เป็นช่วงเวลาของการอำลาตำแหน่งและการย้ายกระทรวงของบรรดารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บางคนต้องออกไปถาวร หรือบางคนแค่ย้ายกระทรวง ทำให้ช่วงนี้เห็นบรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของบรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่จัดงานอำลาให้กับเจ้ากระทรวงของตัวเอง

ไม่ได้หมายถึงเรื่องใด

ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นั้นเป็นที่วิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ อ. ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์

สายล่อฟ้า

ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐา1/1 เกิดเหตุตามหลังมากกมาย ที่กล่าวขานกันมากก็กรณี “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ลาออกจากการเป็นรมว.ต่างประเทศ เรียกว่าทุกสายตาคอการเมืองพุ่งเป้าไปที่นั่น

“วันสบายๆ”

การเมืองช่วงนี้ร้อนแรงไม่แพ้กับอากาศจริงๆ เพราะนอกจากจะร้อนแล้วยังระอุไปทั่ว ทั้งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงรายชื่อรัฐมนตรี ทั้งพ้นความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีชื่อที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายชื่อ

นิ่งแบบนี้มีลุ้น

ช่วงตั้ง ครม.เศรษฐา 1 ใหม่ๆ หลายคนคาดการณ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน คงนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ทำเนียบรัฐบาลไม่นาน เพราะถนัดงานกระทรวงมากกว่า

หนีแสงซะงั้น

ปกติไม่ใช่คนเดินหนีไมโครโฟน แต่เป็นประเภทวิ่งเข้าใส่ นักข่าวมีแรงถามแค่ไหน จะยืนตอบให้ทุกประเด็น สำหรับ สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม