สังคมอีแอบ

สำหรับแนวคิดจะทำสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ มีการศึกษาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว แต่มีอันต้องพับไปก่อนเพราะขับเคลื่อนประเด็นทางสังคมแล้วหลายเรื่อง ทั้งกัญชาเสรี กระท่อมเสรี ไฟเขียวทำแท้ง ขืนดันเรื่องเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์อีก รัฐบาลอาจสั่นคลอนได้

กระทั่งมาถึงรัฐบาลเพื่อไทย ยุค “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นนายกรัฐมนตรี ตอนนี้สัญญาณดีมาก รัฐบาลต้องการที่จะทำ เพื่อมุ่งหวังประโยชน์ในด้านเศรษฐกิจของประเทศ

ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า “เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ไม่ใช่มีแต่เพียงกาสิโนที่ถูกกฎหมาย แต่ยังรวมส่วนอื่นๆ ไว้ในที่เดียวกัน มีทั้งโรงแรม 5 ดาว ศูนย์ประชุม ห้างสรรพสินค้า ศูนย์สุขภาพ สนามกีฬา สระว่ายน้ำ สวนสนุก และอื่นๆ อีกมากมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ส่วนอื่นที่ว่ามานั้นคือส่วนประกอบ เพราะหัวใจหลักคือ บ่อนการพนัน นั่นเอง!!!

แถมยังแว่วว่ามีนายทุนพร้อมจะลงทุนแล้วอีกต่างหาก ผิดกับโครงการแลนด์บริดจ์ที่นายกฯ เศรษฐาพยายามตะลอนทัวร์ไปทั่วโลกเพื่อเสนอไอเดีย แต่กลับไม่มีสัญญาณขานรับ

จึงไม่แปลกที่ “เศรษฐา” มีแพสชันกับกาสิโนคอมเพล็กซ์เป็นอย่างมาก

นายกฯ ถึงขนาดให้สัมภาษณ์ว่า “ถึงเวลาที่สังคมเราจะต้องมาดูกันเรื่องของสังคมอีแอบ ซึ่งเรื่องนี้ก็มีอยู่แล้ว เอามากำกับดูแลให้เหมาะสมเพื่อฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายปกครองจะได้ดูแลให้ถูกต้อง

อันที่จริงฝ่ายต่างๆ คัดค้านก็ควรรับฟัง อีแอบหรือไม่ ไม่รู้ แต่ที่รู้คือผู้คนในสังคมกำลังลังเลไม่แน่ใจว่า “จะได้คุ้มเสีย” หรือไม่ โดยเฉพาะอนาคตเยาวชนของชาติ ลูกชาวบ้านตาดำๆ ที่ยังต้องอาศัยและเติบโตในบ้านนี้เมืองนี้จะเป็นอย่างไร เมื่อสิ่งมึนเมาทั้งหลายเข้าถึงได้ง่ายเพียงนี้

รัฐบาลมองแต่ความสำเร็จด้านตัวเลข ผลตอบแทน เห็นสิงคโปร์เป็นตัวอย่างก็จะเอาอย่างเขาบ้าง แต่ลืมไปเลยว่าคนของเรากับคนของเขาแตกต่างกันมาก เมื่อมี “บ่อน” แล้ว เจ้าหน้าที่รัฐ คุณตำรวจจะเอาจริงเอาจังในการบังคับใช้กฎหมาย กฎระเบียบหรือไม่ เชื่อว่าคนไทยเกินล้านไม่มั่นใจแน่นอน

ฝากไว้ให้คิด หากรัฐบาลสานให้เกิดขึ้นจริงเป็นผลงานมาสเตอร์พีซ ก็อาจเป็นมรดกบาปที่รัฐบาลนายกฯ เศรษฐาฝากไว้ให้ดูต่างหน้า...อ้อ ว่าแต่เอาเวลาไปจัดการปัญหายาเสพติดให้ดีก่อนไหม.

 

มินนี่ เม้าธ์

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

อำลา‘ก.ท่องเที่ยวฯ’

เป็นช่วงเวลาของการอำลาตำแหน่งและการย้ายกระทรวงของบรรดารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บางคนต้องออกไปถาวร หรือบางคนแค่ย้ายกระทรวง ทำให้ช่วงนี้เห็นบรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของบรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่จัดงานอำลาให้กับเจ้ากระทรวงของตัวเอง

ไม่ได้หมายถึงเรื่องใด

ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นั้นเป็นที่วิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ อ. ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์

สายล่อฟ้า

ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐา1/1 เกิดเหตุตามหลังมากกมาย ที่กล่าวขานกันมากก็กรณี “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ลาออกจากการเป็นรมว.ต่างประเทศ เรียกว่าทุกสายตาคอการเมืองพุ่งเป้าไปที่นั่น

“วันสบายๆ”

การเมืองช่วงนี้ร้อนแรงไม่แพ้กับอากาศจริงๆ เพราะนอกจากจะร้อนแล้วยังระอุไปทั่ว ทั้งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงรายชื่อรัฐมนตรี ทั้งพ้นความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีชื่อที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายชื่อ

นิ่งแบบนี้มีลุ้น

ช่วงตั้ง ครม.เศรษฐา 1 ใหม่ๆ หลายคนคาดการณ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน คงนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ทำเนียบรัฐบาลไม่นาน เพราะถนัดงานกระทรวงมากกว่า

หนีแสงซะงั้น

ปกติไม่ใช่คนเดินหนีไมโครโฟน แต่เป็นประเภทวิ่งเข้าใส่ นักข่าวมีแรงถามแค่ไหน จะยืนตอบให้ทุกประเด็น สำหรับ สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม