จากดรามาเมนู “แกงไตปลา" ของไทยที่ถูกจัดอันดับให้เป็นเมนูยอดแย่ที่สุดในโลก จากเว็บไซต์หนึ่งของต่างประเทศ ที่จัดข้อมูลอาหารจากทั่วโลก 100 เมนู ซึ่งหลังการจัดอันดับดังกล่าวเผยแพร่ออกมา ก็กลายเป็นประเด็นดรามาทันที
จนมีการติดแฮชแท็กที่เป็นวาระแห่งชาติว่า #saveแกงไตปลา เพราะสำหรับคนไทย โดยเฉพาะคนภาคใต้ เมนูแกงไตปลาถือเป็นเมนูอร่อยคู่ครัว รสเด็ด รสแซ่บที่สุด
และสำหรับเมนูแกงไตปลานี้เป็นเมนูโปรดของหลายคน รวมถึงคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลนี้ เช่น “รัฐมนตรีปุ๋ง” สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่ชื่นชอบแกงไตปลามาก ล่าสุดเลยสั่งแกงไตปลาร้านดัง มาทานกับข้าวสวยร้อนๆช่วยเติมพลังในการทำงาน
พร้อมโชว์ภาพผ่านโซเชียลกันไปเลยว่ารับประทานแกงไตปลาอร่อยเด็ด โดยเจ้าตัวบอกด้วยว่า “ มื้อเที่ยงวันนี้เติมพลังด้วยแกงไตปลา จากร้านเยี่ยมใต้ ซึ่งแกงไตปลา เป็นอาหารที่มีรสชาติเป็นเอกลักษณ์ ที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร รสชาติเผ็ดจัดจ้านครบรสเลย ยิ่งถ้าได้ทานกับข้าวสวยร้อนๆ พร้อมไข่เจียว หรือ ขนมจีนและผักสดๆ ยิ่งจะช่วยเพิ่มความอร่อยมากขึ้นไปอีก”
ขณะเดียวกันผู้นำประเทศอย่าง นายกฯนิด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ก่อนหน้านี้เจ้าตัวออกมาบอกถึงความอร่อยของแกงไตปลาหลังมีดรามา ว่า “เรื่องนี้เป็นเรื่องของลิ้นใครลิ้นมัน และรสชาติอาจจะแรงเกินไป ต่างชาติอาจจะไม่คุ้นชิน เพราะแกงไตปลาหากทำไม่เผ็ดก็ไม่ใช่แกงไตปลา”
และล่าสุดนายกฯนิด บินไปตรวจราชการภาคใต้ อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช วันที่ 6-8 เมษายน ยังโพสต์เชิญชวนชาวใต้ให้แนะนำร้านเด็ดแกงไตปลาให้หน่อย เพื่อจะได้ไปลองลิ้มรส โดยนายกฯระบุว่า
“แกงไตปลาที่สมุย และ ที่นครฯ ร้านไหนเด็ดแนะนำด้วยครับ ผมจะไปติดตามเรื่องน้ำประปาขาดแคลน และปัญหาขยะล้นเกาะที่สมุย ต่อด้วยเรื่องสินค้าเกษตรและยางพาราที่นครศรีธรรมราช อยากหาร้านแกงไตปลาอร่อย ๆ ทาน จะได้ช่วยกันรีวิวให้ TasteAtlas ทราบว่าแกงไตปลา และอาหารใต้ คืออาหารยอดนิยม และยอดเยี่ยมของบ้านเรา” พร้อมติดแฮชแท็ก #Saveแกงไตปลา
งานนี้แกงไตปลาของไทยได้รับการันตีความอร่อยจากทั้ง “นายกฯนิด และ รมต.ปุ๋ง” รับรองใครชิมไม่ผิดหวัง ส่วนที่ภาคใต้ร้านไหนอร่อยเด็ด ช่วยกันชี้เป้าให้นายกฯนิดไปชิมทีจ้า
บรรจง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อำลา‘ก.ท่องเที่ยวฯ’
เป็นช่วงเวลาของการอำลาตำแหน่งและการย้ายกระทรวงของบรรดารัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่บางคนต้องออกไปถาวร หรือบางคนแค่ย้ายกระทรวง ทำให้ช่วงนี้เห็นบรรยากาศอบอวลไปด้วยความอบอุ่นของบรรดาข้าราชการกระทรวงต่างๆ ที่จัดงานอำลาให้กับเจ้ากระทรวงของตัวเอง
ไม่ได้หมายถึงเรื่องใด
ช่วงปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา นั้นเป็นที่วิพาษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เมื่อ อ. ธงทอง จันทรางศุ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี อดีตรองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ ศาสตราภิชานประจำคณะนิติศาสตร์
สายล่อฟ้า
ปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐา1/1 เกิดเหตุตามหลังมากกมาย ที่กล่าวขานกันมากก็กรณี “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ลาออกจากการเป็นรมว.ต่างประเทศ เรียกว่าทุกสายตาคอการเมืองพุ่งเป้าไปที่นั่น
“วันสบายๆ”
การเมืองช่วงนี้ร้อนแรงไม่แพ้กับอากาศจริงๆ เพราะนอกจากจะร้อนแล้วยังระอุไปทั่ว ทั้งประเทศไทย เมื่อวันที่ 28 เม.ย. ที่ผ่านมา ได้มีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถึงรายชื่อรัฐมนตรี ทั้งพ้นความเป็นรัฐมนตรีและแต่งตั้งรัฐมนตรี โดยมีชื่อที่คุ้นหน้าคุ้นตากันหลายชื่อ
นิ่งแบบนี้มีลุ้น
ช่วงตั้ง ครม.เศรษฐา 1 ใหม่ๆ หลายคนคาดการณ์ สมศักดิ์ เทพสุทิน คงนั่งเป็นรองนายกรัฐมนตรีอยู่ทำเนียบรัฐบาลไม่นาน เพราะถนัดงานกระทรวงมากกว่า
หนีแสงซะงั้น
ปกติไม่ใช่คนเดินหนีไมโครโฟน แต่เป็นประเภทวิ่งเข้าใส่ นักข่าวมีแรงถามแค่ไหน จะยืนตอบให้ทุกประเด็น สำหรับ สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม