
ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net เสียวสันหลังวาบ! "เศรษฐา ทวีสิน" นายกรัฐมนตรี เกือบต้องบินกลับไทยด่วน ระหว่างร่วมการประชุม Nikkei Forum Future of Asia ครั้งที่ 29 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ฉิวเฉียดชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด ตุลาการเสียงข้างมาก 5 ต่อ 4 ไม่สั่งให้นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่ หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติเสียงข้างมาก 6 ต่อ 3 รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภา 40 คน ขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ จากกรณีนำความกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน ผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งๆ ที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ถึงเวลานี้ยังได้ไปต่อ แต่ก็อยู่แบบหายใจไม่ทั่วท้อง ไม่รู้ว่าจะตกเก้าอี้วันไหน
๐ คงต้องรอดูว่าสุดท้ายเสี่ยนิดจะมีชะตากรรมซ้ำรอยกับ 3 อดีตนายกฯ มั้ย รายแรก "สมัคร สุนทรเวช" อยู่ในตำแหน่ง 223 วัน หรือกว่า 7 เดือน คราวนั้นก็เริ่มต้นด้วยสมาชิกวุฒิสภา นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สว.สรรหา ในขณะนั้น เป็นหัวหอก นำ สว. รวม 29 คน ยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยประเด็นผลประโยชน์ทับซ้อน จากการจัดรายการ “ชิมไปบ่นไป” และรายการ “ยกโขยงหกโมงเช้า” ในที่สุด 9 ก.ย.2551 ศาลชี้ว่าเป็นลูกจ้างเอกชน ทำให้ความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 182 วรรคหนึ่ง (7) และมาตรา 267 ประกอบ 182 วรรคสาม และมาตรา 91 ส่วนรายที่สอง "สมชาย วงศ์สวัสดิ์" แม้ไม่ถูกร้องถอดถอนโดยตรง แต่ถือว่าหลุดตำแหน่งนายกฯ ทางอ้อมจากคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ โดย 2 ธ.ค.2551 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ยุบพรรคพลังประชาชน และตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 5 ปี ทำให้นายสมชายในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยปริยาย นับว่าเป็นนายกฯ อาภัพที่สุด อยู่แค่ 75 วัน ไม่เคยได้นั่งเก้าอี้นายกฯ บนตึกไทยคู่ฟ้าสักครั้ง ขณะที่รายที่สาม "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" ถึงจะประกาศยุบสภาแล้ว แต่ยังอยู่ทำหน้าที่นายกฯ รักษาการ กระทั่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งในวันที่ 7 พ.ค.2557 จากกรณีย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ โดยมิชอบ
๐ มติของศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เขย่าแค่เศรษฐา แต่สั่นสะเทือนถึง "นายใหญ่" เป็นการส่งสัญญาณสั่งสอนนักโทษเทวดาที่นับวันยิ่งเหิมเกริม แค่พักโทษยังไม่พ้นโทษยังทำได้ถึงขนาดนี้ ในคำร้องที่ 40 สว. ยื่นต่อประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ระบุชัดเจนถึงสถานะเศรษฐาในฐานะนอมินีของนายใหญ่ "ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งมีนายพิชิต ชื่นบาน ผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นหัวหน้าทนายความประจำตัว จำนวนไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง ก่อนการเสนอทูลเกล้าฯ ถวาย แต่งตั้งผู้ถูกร้องที่ 2 เป็นรัฐมนตรี จึงเชื่อได้ว่า ผู้ถูกร้องที่ 1 อาจมีเจตนาไม่สุจริตเรื่องและบิดเบือนข้อเท็จจริงในการให้ข้อมูลแก่สังคมและประชาชนและประกอบกับการที่ ผู้ถูกร้องที่ 1 ได้เข้าพบนายทักษิณ ชินวัตร ดังกล่าวมาข้างต้นไม่น้อยกว่า 3 ครั้ง โดยมีข้อสังเกต การพบครั้งที่ 3 ในวันที่ 12 เมษายน 2567 ก่อนวันที่ 27 เมษายน 2567 จึงอาจเป็นสาเหตุทำให้ผู้ถูกร้องที่ 1 ต้องการเอื้อประโยชน์ให้แก่นายทักษิณ ชินวัตร และผู้ถูกร้องที่ 2 หรือไม่ เพราะหลังจากนั้น ผู้ถูกร้องที่ 1 จึงเสนอทูลเกล้าฯ ถวาย แต่งตั้งผู้ถูกร้องที่ 2 เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2567" ถึงแม้วาระของวุฒิสภาชุดที่ 12 จะครบวาระไปเมื่อ 10 พ.ค.2567 แต่ไม่สิ้นฤทธิ์ตามไปแล้ว ในเมื่อโหวตให้เศรษฐานั่งเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 ได้ ย่อมผลักให้ร่วงจากตำแหน่งได้เช่นกัน.
ลี้คิมฮวง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


