แค่หลุดปากเรื่องไต้หวัน มหาเศรษฐี แห่ง Nvidia ก็เดือดร้อนหนัก!

ไม่แต่จะวิจารณ์ว่านายหวงพูดจาละเมิดอธิปไตยของจีนเท่านั้น ยังมีกระแสเรียกร้องในโซเชียลมีเดียจีนให้ “คว่ำบาตร” บริษัทระดับโลกนี้ด้วย

หวงไปเยือนไต้หวันครั้งล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้

เรื่องของเรื่องเกิดขึ้นขณะเขาไปเดินเที่ยวตลาดกลางคืนในไทเป แล้วถูกถามในการสัมภาษณ์อย่างกะทันหันที่ออกอากาศเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมในโทรทัศน์จีนที่นั่น

นักข่าวถามว่า สำหรับเขาไต้หวันมีความสำคัญอย่างไร

หวงตอบว่า "ไต้หวันเป็นหนึ่งในประเทศที่สำคัญที่สุดในโลก เป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์”

จะเป็นเรื่องพลั้งปากหรือจงใจไม่มีใครรู้ แต่พอหลุดไปออกทีวีไต้หวันเท่านั้นก็เป็นเรื่องเลย

นายหวงวัย 61 ปี เกิดที่ไต้หวัน และย้ายไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเมื่ออายุ 9 ขวบ สร้างเนื้อสร้างตัวจนเป็นนักธุรกิจด้านเทคโนโลยีระดับโลก

พอไปเยือนไต้หวันก็ได้รับการต้อนรับเหมือนเป็นดาราเพลงป๊อป

แฟนๆ แห่กันมาขอลายเซ็น และถ่ายรูปเซลฟีด้วยอย่างล้นหลาม

บทความในเว็บไซต์ Guancha.cn ของแผ่นดินใหญ่ออกมาซัดเขาทันทีว่า การพูดจาแบบนั้นเป็นการแสดงอาการ “กร่างเกินเหตุ”

ตอนหนึ่งของบทความนั้นบอกว่า “Nvidia เป็นบริษัทเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและพร้อมจะขยายตลาดบนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งไปกว่าความรู้สึกของผู้คน 1.4 พันล้านคน และบริษัทบนแผ่นดินใหญ่จะไม่ทำงานร่วมกับองค์กรใดๆ ที่สนับสนุน 'เอกราชของไต้หวัน' ”

ว่าแล้วก็เรียกร้องให้นายหวงออกแถลงการณ์ชี้แจง “เพื่อนร่วมชาติและเพื่อนร่วมงานในแผ่นดินใหญ่” ให้กระจ่างว่าเขาพูดผิดหรือไม่

พอบทความนี้ออกมาก็มีปฏิกิริยาอย่างร้อนแรงในโซเชียลมีเดียชื่อดังของจีนคือ Weibo

ความเห็นมีตั้งแต่ต่อต้านไปถึงคว่ำบาตร เช่น

 “เราควรแบนผลิตภัณฑ์ของ Nvidia ทั้งหมดและทุกกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับบริษัทนี้”

อีกความเห็นหนึ่งบอกว่า

 “นักธุรกิจจะสนใจแต่ผลกำไรเท่านั้น คุณไม่มีทางรู้เลยว่าผลกำไรพวกนี้ไปซ่อนอยู่ที่ไหน”

แต่ก็มีข้อความเตือนว่า “ตอนนี้เราอาจทำร้ายตัวเองหากเราคว่ำบาตร Nvidia เพราะเราจำเป็นต้องพึ่งพาชิปของพวกเขา เราจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้น ไม่เช่นนั้นเราจะเผชิญกับภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก”

ที่บริษัทนี้ดังเพราะ Nvidia เพิ่งแซงหน้า Apple ในฐานะเป็นบริษัทที่มีมูลค่าสูงสุดอันดับ 2 ของโลก

Nvidia จึงกลายเป็นเหยื่อของความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างจีนและสหรัฐฯ            

จีนแผ่นดินใหญ่ยังคงเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดในเอเชียสำหรับ Nvidia เพราะสร้างรายได้มากกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ทั่วโลกให้แก่บริษัทในช่วงหลายปีที่ผ่านมา

แต่รัฐบาลสหรัฐฯ ได้เพิ่มมาตรการเข้มงวดเพื่อจำกัดการส่งออกชิปไปยังประเทศจีนตั้งแต่เดือนตุลาคม

นั่นคือการปิดกั้นการเข้าถึงหน่วยประมวลผลกราฟิกของแผ่นดินใหญ่ที่ Nvidia ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับลูกค้าชาวจีน

เมื่อเดือนมกราคมนายหวงไปเยือนแผ่นดินใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบ 4 ปี

เป็นการแสดงไมตรีจิตต่อพนักงานของนักออกแบบชิปและลูกค้าในประเทศจีนทั้งปวง

ตอนนั้นสถานีโทรทัศน์ CCTV ของรัฐบาลจีนวิเคราะห์ว่าเป็นการ “สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลของนายหวงต่อความเป็นไปได้ที่จะสูญเสียตลาดจีน”

 “ภาคปัญญาประดิษฐ์ของจีนเติบโตอย่างรวดเร็วและเป็นผู้นำของโลกไปพร้อมกับสหรัฐอเมริกา … Nvidia รู้ว่ามีอะไรอยู่ในความเสี่ยง” CCTV วิเคราะห์

Nvidia ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 5 มิถุนายนที่ผ่านมา โดยการประเมินมูลค่าของผู้ผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์รายนี้ทะลุระดับ 3 ล้านล้านดอลลาร์ และแซงหน้า Apple จนกลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก

เขาพยายามจะแสดงให้คนจีนเห็นว่า เขาไม่ใช่นักธุรกิจหน้าเลือดที่หวังจะทำกำไรอย่างเดียว

ในปี 2008 Nvidia บริจาคเงินเพื่อเริ่มห้องเรียนในโรงเรียน Beijing Haidian Foreign Language Shi Yan เพื่อรองรับนักเรียนระดับประถมศึกษาและมัธยมศึกษา จำนวน 101 คน จากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวที่เมืองเวินชวน

ในปี 2022 Huang บริจาคเงิน 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐให้แก่มหาวิทยาลัย Oregon State ซึ่งเป็นสถานศึกษาเก่าของเขา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการบริจาค 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพื่อสร้างสถาบันซูเปอร์คอมพิวเตอร์ในวิทยาเขต

พอเจอกับกรณีไปให้สัมภาษณ์ที่ไต้หวันล่าสุด และมีเสียงแสดงความรังเกียจเขาที่ไม่สนใจประเด็นการเมือง มุ่งจะขายของให้ตลาดจีนอย่างเดียว เขาก็คงจะต้องปรับท่าทีครั้งใหญ่

เพราะวันนี้ สี จิ้นผิง จะไม่ยอมให้ใครมาทำมาหากินในตลาดจีนโดยไม่เดินแนวทาง “จีนเดียว” ของเขาเป็นอันขาด

เพราะมันคือ “เส้นสีแดงที่ห้ามผ่าน” สำหรับทุกคนทุกประเทศที่ต้องการจะคบหาปักกิ่ง

อภิมหาเศรษฐีอย่างนายหวงที่มีเชื้อจีน แต่วางตัวแบบมะกันก็ไม่ได้รับการยกเว้นแต่อย่างใด!