
ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipos.net ไร้สัญญาณตอบรับจาก กกต. ผ่านมาสัปดาห์กว่า หลังการเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ระดับประเทศ 26 มิ.ย. ประธาน กกต. ยังอึกๆ อักๆ ขยับไทม์ไลน์เดิม 3 ก.ค. ทำให้หลายฝ่ายคาดว่าน่าจะประกาศรับรอง สว.ชุดใหม่สัปดาห์หน้า ผู้สมัครสอบตกแห่ร้องรายวัน สอดรับกับ "สมชาย แสวงการ" ทำหน้าที่เปิดโปงขบวนการฮั้วรายวันพร้อมโชว์หลักฐานต่อเนื่อง พร้อมมากสุดต้องยกให้ "สภาสีน้ำเงิน" วางตัวประมุขสภาสูงไว้เสร็จสรรพ หนึ่งในแคนดิเดต "บิ๊กเกรียง" พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ อดีตผู้ช่วย ผบ.ทบ. เพื่อน "เสี่ยหนู" ผู้ได้คะแนนสุงสุดของกลุ่มบริหารราชการแผ่นดินและความมั่นคง 74 คะแนน ล่าสุดถูกสื่อซักแม้ไม่ตอบชัดแต่ก็ไม่ปฏิเสธหากได้รับการเสนอชื่อเป็นประธาน สว. แต่อีกคนที่เวลานี้มาแรงกว่า "มงคล สุระสัจจะ" อดีตอธิบดีกรมการปกครองและอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ได้รับเลือกจากกลุ่มเดียวกับบิ๊กเกรียง โดยได้ 67 คะแนน มาเป็นลำดับ 3 ถึงคะแนนจะน้อยกว่า
แต่ชื่อชั้นไม่เป็นรอง รู้กันดีว่าเป็นสายตรงบ้านใหญ่บุรีรัมย์ จะว่าไปก่อนลงชิง สว. ทั้งคู่ก็นั่งทำงานใกล้ๆ ในกระทรวงคลองหลอด บิ๊กเกรียงอยู่ในฐานะประธานที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ส่วนมงคลทำหน้าที่ประธานคณะทำงาน รมช.มหาดไทย (นายทรงศักดิ์ ทองศรี) สุดท้ายหวยจะออกที่ใคร "ครูใหญ่" ก็วิน-วินอยู่ดี
๐ ไปไกลกว่าเรื่องหยุดปฏิบัติหน้าที่ หลายฝ่ายรุมไล่บี้ "ชาญ พวงเพ็ชร์" ว่าที่นายก อบจ.ปทุมธานี ไขก๊อก ฟังชัดๆ ไม่ใช่โชว์สปิริต แต่รับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น เพราะถ้ามีสปิริตจริงคงไม่สมัครตั้งแต่แรก ในเมื่อรู้ทนโท่ว่าตัวเองติดคดีทุจริตถุงยังชีพ ที่สำคัญศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 ประทับรับฟ้องแล้ว ซึ่งต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ จริงอยู่ว่าคดียังไม่ถึงที่สุด ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และใช้ช่องนี้ทำให้ไม่ขาดคุณสมบัติในการสมัคร แต่ปัญหาข้างหน้าเห็นตำตาว่าถ้าได้รับเลือกก็ทำงานไม่ได้ จะทำเป็นพาซื่อ ตะแบงเอาสีข้างเข้าถูอย่างที่บรรดาแกนนำเพื่อไทยพูดไม่อายปาก คิดว่าเคลียร์ตั้งแต่วันอังคารหลัง "เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา" ย้ำชัดต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีหน่วยงานใดมาชี้ จนถึงวันนี้หัวหอกเพื่อแม้วกลับทำหูทวนลมอ้างต้องให้ศาลสั่ง เก่งกฎหมายขึ้นมาทันควัน ไม่ยักเหมือนเรื่องอื่นเห็นขยันส่งถามกฤษฎีกาตลอด
๐ ลองย้อนไปดูรายละเอียดของบันทึกกฤษฎีกาเรื่องเสร็จที่ 1486/2565 ที่กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นทำหนังสือเวียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด เมื่อ 10 เม.ย.2567 เกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติกรณีคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดผู้บริหารท้องถิ่น แล้วศาลได้มีคำสั่งประทับรับฟ้อง แต่คดียังไม่ถึงที่สุด โดยบันทึกดังกล่าวลงนามโดย "ปกรณ์ นิลประพันธ์" ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า "การที่มาตรา 93 ประกอบมาตรา 81 กำหนดให้ผู้ดำรงตำแหน่งต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ เจตนารมณ์ประการหนึ่งก็เพราะว่า ในกรณีที่ศาลพิพากษาว่าผู้นั้นกระทำความผิดจะมีผลทำให้บุคคลนั้นหมดสิทธิที่จะสมัครรับเลือกตั้งหรือเข้าดำรงตำแหน่งนั้นอีกต่อไป การให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ไว้จึงเป็นการยุติความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นในภายหลัง ดังนั้นไม่ว่าผู้ถูกกล่าวหาจะพ้นจากตำแหน่งและกลับมาดำรงตำแหน่งเดิมใหม่ในอีกวาระหนึ่ง จึงมิได้ทำให้การต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามผลของกฎหมายเปลี่ยนแปลงไป" นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า "ผู้กำกับดูแลไม่ต้องมีคำสั่งให้ผู้บริหารท้องถิ่นผู้ถูกกล่าวหาหยุดปฏิบัติหน้าที่อีก แต่ผู้กำกับดูแลยังคงมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลให้มีการหยุดปฏิบัติหน้าที่ตามผลของกฎหมายอย่างเคร่งครัด" เท่ากับว่าผู้กำกับดูแลในที่นี้หมายถึงผู้ว่าฯ ปทุมธานี ไม่จำเป็นต้องออกคำสั่งใดๆ แต่จะออกแรงก็ต่อเมื่อนายชาญฝ่าฝืนกฎหมายทำหน้าที่นายก ซึ่ง "มท.หนู" ประกาศแล้วอย่าให้ถึงมือ มีหน้าที่สั่งปลดลูกเดียว ได้แต่หวังว่าเรื่องนี้อย่าจบแค่ตัวผู้สมัคร แต่พรรคที่ส่งลงต้องรับผิดชอบมากกว่าด้วยซ้ำ ไม่ใช่ปล่อยพ่อบ้านเพื่อไทยพูดวนไปวนมาซ้ำๆ ทำเป็นไม่รู้กฎหมาย.
ลี้คิมฮวง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


