“ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” จับตาการเมืองเดือนสิงหาคม ที่มีหลายประเด็นใหญ่ที่จะส่งผลต่อการเมืองไทยอย่างมีนัยสำคัญ หลังดุลการเมืองเปลี่ยนแปลงจากพรรคสีส้ม สีแดง โดยมีสีน้ำเงินเข้ามาเบียดแทรก
เริ่มตั้งแต่คดียุบพรรคก้าวไกลซึ่งศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย กรณีถูกกล่าวหาล้มล้าง หรือเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบการปกครอง ในวันที่ 7 ส.ค.นี้ ต้องรอลุ้นความเห็นของ "สุรพล นิติไกรพจน์" นักกฎหมายมหาชน ที่มาเป็นพยานพรรคส้ม จะช่วยพลิกเกมหรือไม่
ส่วนในวันที่ 14 ส.ค. ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยคดีที่ "40 สว." ยื่นฟ้อง เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี กรณีแต่งตั้งพิชิต ชื่นบาน อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
หากผลเป็นบวก เศรษฐา ไม่รอด เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องเข็นแคนดิเดตที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็น “แพทองธาร ชินวัตร” ที่เดิมคุณแม่ยังไม่ไฟเขียว หรือ “ชัยเกษม นิติสิริ” ที่ติดปัญหาเรื่องสุขภาพ อาจจะต้องมีคนใดคนหนึ่งที่พร้อมแล้ว เพราะเชื่อว่า “นายใหญ่” จะไม่ยอมมอบตำแหน่งนายกฯ ให้พรรคอื่นๆ อย่างแน่นอน เพราะมิเช่นนั้นพรรคเพื่อไทยก็จะไม่เหลือเครดิตไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน
ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ที่มีชื่อขึ้นมาเสียบ เอาเข้าจริงก็แค่กระแสปั่นเท่านั้น เพราะเจ้าตัวเองรู้ว่ามีของในมือเพียง 71 เสียง จะไปสู้กว่า 140 เสียงได้อย่างไร เพราะยอมตกกระไดพลอยโจน ก็สุ่มเสี่ยงกับการถูกบีบถูกกดดันตลอดเวลา สู้เป็นนั่งร้านสบายในตำแหน่ง มท. 1 ตลอด 4 ปี จะสบายใจ และขี่แกนนำรัฐบาลได้สนุกกว่า จริงมั้ย
นอกจากคดีการเมืองแล้ว ยังมีเรื่องการพ้นโทษของ ทักษิณ ชินวัตร ในวันที่ 22 ส.ค.นี้ ซึ่งต้องจับตาว่า หลังจากนั้น “นายใหญ่” จะกลับมาพลิกเกมให้พรรคสีแดงกลับมามีแต้มบวกได้หรือไม่ หลังที่ผ่านมาล้มละลายทางความเชื่อถือไปหมดแล้ว
ต่อด้วย เทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.พรรคปชป. ได้ออกมาวิเคราะห์นิด้าโพลว่า ทำไม “ทักษิณ” เป็นผู้มีบารมีนอกพรรค มากกว่า “เนวิน-ธนาธร” ว่า คุณทักษิณ ชินวัตร กับพรรคเพื่อไทย พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 67.40 ระบุว่า มีบารมีทางการเมืองต่อพรรคเพื่อไทยมาก ซึ่งต้องยอมรับว่าคุณทักษิณเป็นเจ้าของพรรคตัวจริง เป็นผู้นำจิตวิญญาณของสมาชิกพรรค แม้ว่าคุณทักษิณจะไม่ได้เป็นผู้บริหารโดยตรง แต่ได้ส่งลูกสาวคือคุณอุ๊งอิ๊ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร มาเป็นหัวหน้าพรรค ควบคุมการบริหารพรรค เป็นตัวแทนเชิดให้กับคุณทักษิณ ซึ่งคุณทักษิณสามารถควบคุมและบริหารพรรคผ่านคุณอุ๊งอิ๊งอย่างเบ็ดเสร็จ
คุณเนวิน ชิดชอบ กับพรรคภูมิใจไทย พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 45.81 ระบุว่า มีบารมีทางการเมืองต่อพรรคภูมิใจไทยมาก แม้ว่าคุณเนวินจะวางมือทางการเมืองไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่เบื้องหลังพรรคภูมิใจไทย ประกาศปั้นคุณอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ ส่งคนในตระกูลชิดชอบมาทำหน้าที่แม่บ้านในตำแหน่งเลขาธิการพรรค ตั้งแต่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ จนมาถึงนายไชยชนก ชิดชอบ ซึ่งเป็นลูกชาย และยังส่งน้องชายอีกคน คือ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยเดินเกมการเมืองภายใต้การวางแผนของคุณเนวิน ซึ่งเป็นกุนซือคนสำคัญทำหน้าที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ได้ออกหน้าผ่านสื่อเลย
คุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับพรรคก้าวไกล พบว่า ตัวอย่างร้อยละ 40.99 ระบุว่า มีบารมีทางการเมืองต่อพรรคก้าวไกลมาก คุณธนาธรเป็นผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ได้ปลูกฝังอุดมการณ์ไว้กับพรรค เมื่อพรรคถูกยุบเปลี่ยนมาเป็นพรรคก้าวไกล อุดมการณ์ก็ยังสืบทอดกันมา ประกอบกับคุณธนาธรยังหนุนช่วยเหลือพรรค ทั้งทางด้านความคิดและเงินทุนแบบลับๆ แต่ไม่มีคนสายตรงจากครอบครัวมาควบคุมพรรค มีแต่เพื่อนผู้ร่วมอุดมการณ์กลุ่มหนึ่งมาควบคุมพรรค จึงทำให้เป็นผู้มีบารมีนอกพรรค น้อยกว่าคุณทักษิณและคุณเนวิน
อย่างไรก็ตาม มีสื่อมวลชนเจอ เนวิน ที่เมืองบุรีรัมย์ ระหว่างใส่เสื้อ "ฅนบุรีรัมย์" ไม่ยอมปริปากให้ความเห็นทางการเมือง บอกเพียงว่า “น้ำเงินมาตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว” แหม ช่างสอดคล้องกับ สว.สายสีน้ำเงินที่คุมสภาสูง และส่งผลให้ดุลการเมืองของพรรคภูมิใจไทยสูงปรี๊ดติดลมบนอยู่ใช่หรือไม่.
คางแดง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ความคิด เมื่อวันอังคาร ที่ทำเนียบรัฐบาลไม่มีการประชุม ครม.ตามปกติ โดยรัฐบาลรอการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา วันที่ 12-13 ก.ย.นี้ และจะประชุม ครม.นัดแรกวันที่ 17 ก.ย. ขณะที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเข้าทำเนียบฯ
บันทึกหน้า 4
“ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด” ต้องจับตานโยบายของรัฐบาล นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่จะแถลงต่อรัฐสภาในวันที่ 12 และ 13 กันยายนนี้ มีนโยบายเร่งด่วนทั้งหมด 10 ประการ
บันทึกหน้า 4
เข้าสู่สัปดาห์ของการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของ รัฐบาลมาดามแพ กำหนดไว้ระหว่างวันที่ 12-13 กันยายน มีนโยบายเร่งด่วนทั้งหมด 10 ประการ แต่ที่ต้องจับตาเป็นพิเศษคือ นโยบายที่ 4 รัฐบาลจะสร้างรายได้ใหม่ของรัฐด้วยการนำเศรษฐกิจนอกระบบภาษี
บันทึกหน้า 4
ไม่ทันเริ่มบริหารบ้านเมือง แห่ตั้งฉายากันแล้ว จะเหนียมทำไม ก็แค่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย แปรสถานะเป็นหัวหน้า "ครม.ครอบครัว" เห็นกันอยู่เต็มสองตานามสกุลบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายโชว์หรา ชัดสุดต้องยกให้ชื่อนี้ "แพทองธาร ชินวัตร"
บันทึกหน้า 4
ในที่สุดวันพุธที่ 4 กันยายน 2567 ราชกิจจานุเบกษาก็เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดที่ 64 แล้ว โดยประกาศลงในเล่ม 141 ตอนพิเศษ 240 ง เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2567 แต่ประชาชนก็ได้แต่มึน เพราะใน ข้อมูลสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) กลับให้รายละเอียดของ ครม.แพทองธาร 1 เริ่มนับตั้งแต่ 3 กันยายน 2566 งานนี้ไม่รู้หมายความว่าอย่างไร ...๐
บันทึกหน้า 4
โผ ครม.อิ๊งค์ 1 นิ่งแล้ว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะสามารถลงนามรายชื่อ ครม.ทั้งหมดเพื่อเตรียมนำขึ้นทูลเกล้าฯ ถวายได้ในวันอังคาร แต่กว่าจะนิ่งได้ ต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติกันอย่างเข้มงวด โดย นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา