ฆ่าไม่ตาย
ยักไหล่แล้วไปต่อ
รวมไปถึง พาดพิงศาลรัฐธรรมนูญว่า "เสนียด"
นั่นคือปฏิกิริยาหลัง พรรคประชาชน ได้รับการสนับสนุนอย่างล้นหลามจากด้อมส้ม
แต่...จะบอกว่ายังไม่จบครับ
ผลของนโยบายแก้ ม.๑๑๒ ของพรรคก้าวไกล ที่นำไปสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญว่า เป็นการล้มล้างการปกครอง ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ ๓/๒๕๖๗
และเป็นสารตั้งต้นนำไปสู่การยุบพรรคก้าวไกล
ยังเหลือกรณี ๔๔ สส.อดีตพรรคก้าวไกล เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒
คำร้องการยื่นร่างกฎหมายแก้ ม.๑๑๒ เข้าข่ายฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามมาตรา ๒๓๕ ของรัฐธรรมนูญหรือไม่อยู่ในมือ ป.ป.ช.แล้ว
ที่น่าหวาดเสียวสำหรับชาวด้อมส้มคือ มีชื่อของ "ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ" และ "ศิริกัญญา ตันสกุล" อยู่ใน ๔๔ คนที่ว่าด้วย
เมื่อคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลคือสารตั้งต้นของการร้อง ป.ป.ช.เอาผิด ๔๔ สส. ในขณะที่รัฐธรรมนูญบัญญัติว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญนั้นมีผลผูกพันทุกองค์กรตามรัฐธรรมนูญ โอกาสที่ ๔๔ สส.จะหลุดจากเก้าอี้ก็มีอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
แม้มีความพยายามจะอธิบายจาก "มุนินทร์ พงศาปาน" อดีตคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ขวัญใจแม่ยกส้ม ว่าไม่ได้เป็นการฝ่าฝืนประมวลจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะการเสนอแก้กฎหมายเป็นการกระทำในทางนิติบัญญัติ
"ต้องไม่ลืมว่าการที่ศาลอ้างเหตุแห่งการสั่งยุบพรรค ไม่ได้วินิจฉัยโดยอ้างจากเหตุของการเสนอแก้กฎหมายอย่างเดียว แต่ยังอ้างถึงการกระทำของ สส.ในหลายการกระทำและในหลายวาระด้วยกัน
เพราะฉะนั้นแล้ว การเสนอแก้กฎหมายโดยลำพังตัวมันเอง เป็นการทำหน้าที่ในฐานะฝ่ายนิติบัญญัติ
ต่อให้กฎหมายที่เสนอมันอาจจะทำให้เกิดข้อโต้แย้งหรือหมิ่นเหม่ต่อศีลธรรม มันก็ยังไม่ใช่การกระทำผิดกระทำชั่วใดๆ เพราะการเสนอกฎหมาย เป็นเพียงการโยนคำถามให้ผู้แทนประชาชนร่วมกันถกเถียงและหาทางออก
ถ้าเราไปจำกัดว่าเรื่องใดเสนอได้หรือไม่ได้ ก็จะเป็นการไปจำกัดอำนาจของฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญไม่ได้บอกเช่นนี้"
ถูกต้องครับ!
การยุบพรรคก้าวไกลมาจากพฤติกรรมโดยรวมของ สส.พรรค ที่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
แต่การนำการเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ ม.๑๑๒ ไปเทียบกับกฎหมายอื่น ดูจะตื้นเขินไปหน่อยในแง่การวิจารณ์ร่างกฎหมาย
ยกตัวอย่างการเสนอกฎหมายทำแท้ง หรือกฎหมายกาสิโน ที่รัฐบาลพยายามผลักดัน ซึ่งแน่นอนว่าจะมีการถกเถียงกันเรื่องความหมิ่นเหม่ต่อศีลธรรม
แต่...ประมวลจริยธรรม นั้นมันมีความหมายมากกว่าศีลธรรม การทำชั่ว
หรือการกระทำที่ผิดหลักศาสนา
ข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. ๒๕๖๓ หมวด ๑ ว่าด้วยเรื่อง อุดมคติของการเป็นสมาชิกและกรรมาธิการ อธิบายความต่างเอาไว้ชัดเจน
ข้อ ๖ ระบุว่า สมาชิก (ส.ส.) และกรรมาธิการต้องจงรักภักดีและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
ข้อ ๗ สมาชิก (ส.ส.) และกรรมาธิการต้องรักษาไว้และปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยเคร่งครัด
ฉะนั้น...จึงเห็นได้ว่า กรณี ๔๔ สส.อดีตพรรคก้าวไกล ยื่นแก้ ม.๑๑๒ ที่มีลักษณะเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อาจเข้าข่าย ผิดประมวลจริยธรรมของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและกรรมาธิการ พ.ศ. ๒๕๖๓ ได้เช่นกัน
เมื่อกลับไปดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญคดียุบพรรคก้าวไกล มีส่วนที่พูดถึงการเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ ม.๑๑๒ อยู่หลายตอนเช่นกัน
"...ถือได้ว่าพรรคผู้ถูกร้องที่ ๒ ได้ร่วมกับผู้ถูกร้องที่ ๑ เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ฉบับที่ พ.ศ. ... แก้ไขเกี่ยวกับความผิดหมิ่นประมาทเมื่อวันที่ ๒๕ มี.ค. ๒๕๖๔ ที่ยื่นต่อประธานสภาผู้แทนราษฎร อีกทั้งเนื้อหาของร่างกฎหมายที่ผู้ถูกร้องทั้งสองเสนอเป็นพฤติการณ์ที่แสดงออกถึงเจตนาของผู้ถูกร้องทั้งสอง ที่ต้องการลดทอนการคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ลง โดยผ่านร่างกฎหมาย และอาศัยกระบวนการนิติบัญญัติเพื่อสร้างความชอบธรรมโดยซ่อนเร้น โดยใช้วิธีการผ่านกระบวนการทางรัฐสภา..."
"...การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองใช้การเสนอแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เพื่อลดสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้นโยบายพรรคการเมืองโดยนำสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาเพื่อหวังผลคะแนนเสียงทางการเมือง และประโยชน์ในการชนะการเลือกตั้ง มุ่งหมายให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะคู่ขัดแย้งกับประชาชน ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์ต้องเข้าไปเป็นฝักฝ่ายต่อสู้แข่งขัน รณรงค์ทางการเมือง อันอาจนำมาซึ่งการโจมตี ติเตียน โดยไม่คำนึงถึงหลักการพื้นฐานสำคัญของการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งมีหลักสำคัญว่าพระมหากษัตริย์ต้องดำรงสถานะอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางทางการเมือง
การที่ผู้ถูกร้องทั้งสองเสนอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ และใช้เป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้งดังกล่าว มีเจตนาเซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเหตุให้ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง นำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด ขอโต้แย้งของผู้ถูกร้องทั้งสองจึงฟังไม่ขึ้น..."
คำวินิจฉัยของศาล มิได้ใช้คำว่า "หรือ" แต่ใช้คำว่า "และ"
จึงไม่ใช่อย่างใดอย่างหนึ่ง
แต่หมายถึงพฤติกรรมทั้งหมด
การเสนอแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ และใช้เป็นนโยบายพรรคในการหาเสียงเลือกตั้ง เป็นเจตนาเซาะกร่อน บ่อนทำลายสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นเหตุให้ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง และนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุดเช่นกัน
การสรุปว่า การยื่นแก้ ม.๑๑๒ ที่มีความหมายเท่ากับยกเลิก คือการยื่นผ่านกระบวนการนิติบัญญัติธรรมดา จึงไม่อาจฟังได้
แต่ "มุนินทร์ พงศาปาน" พูดเกินเลยหลักกฎหมาย ด้อยค่ากระบวนการเอาผิด ๔๔ สส.ไว้ล่วงหน้า
“...แต่ว่าบ้านเรามันก็ไม่แน่ เพราะอย่างที่หลายคนบอก คือหลายเรื่องอาจจะเป็นมูลเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่ ก็มีคนสงสัย ตั้งคำถามลักษณะแบบนี้มาตลอด
เพราะบางทีในทางกฎหมายมันดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่สุดท้าย มันก็เกิดผลบางอย่างทางกฎหมายขึ้นมา คนก็สงสัยว่า ทำไมหลักการตามกฎหมายมันเป็นไปไม่ได้ แต่ในความเป็นจริงมันกลับเป็นไปได้
คนก็เลยบอกว่าเป็นเพราะเป็นเรื่องทางการเมืองหรือไม่ ซึ่งเราก็บอกอะไรไม่ได้ แต่หากมองในเชิงกฎหมาย มันไม่มีทางที่จะเป็นเรื่องที่จะบอกว่าเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงได้เลย...”
ใช้ใจมากกว่าสมอง ผลมันก็ออกมาแบบนี้
คดีนี้หาก ป.ป.ช.ชี้มูลคดี ก็ต้องส่งศาลฎีกา
ศาลฎีกาจะวินิจฉัยออกมาอย่างไรก็ว่าไปตามนั้น
แต่โดยหลักคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพันรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระและหน่วยงานของรัฐ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ชะตากรรม 'นายกฯ ชินวัตร'
วันนี้ (๑๒ ธันวาคม) นายกฯ อิ๊งค์ แถลงผลงาน อยากรู้ว่าผลงานมีอะไรบ้าง เชิญเฝ้าหน้าจอสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที หรือช่อง ๑๑ นั่นแหละครับ
ในวันที่ 'ส้ม' โหยหาเพื่อน
ไอ้เสือถอย! ไปไม่ถึงสุดซอยครับ "หัวเขียง" ยอมเลี้ยวกลับเสียก่อน
ง่ายๆ แค่เลิกโกง
อาจถึงขั้นเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาลกันเลยทีเดียวครับ... หากพรรคเพื่อไทย จะเอาให้ได้ กับร่างแก้ไขพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม ด้วยการจับยัดเข้าสภาฯ ก็สามารถยึดอำนาจกองทัพได้สำเร็จครับ
'อุ๊งอิ๊ง' แถลงผลงาน
ล้างตารอไว้นะครับ นายกฯ แพทองธาร นัดไว้แล้ววันที่ ๑๒ ธันวาคม มีข่าวใหญ่
หรืออยากฟังเพลงมาร์ช
เขาว่าเป็นร่างกฎหมายป้องกันรัฐประหาร ข่าววานนี้ (๖ ธันวาคม) สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เผยแพร่การรับฟังความเห็นร่าง พ.ร.บ.ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา ๗๗ ในร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม (ฉบับที่...)
รัฐบาลถังแตก?
ตกใจกันทั้งประเทศ...! วันอังคาร (๓ ธันวาคม) ที่ผ่านมา "พิชัย ชุณหวชิร" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ไปพูดในงาน Sustainability Forum 2025: Synergizing for Driving Business กล่าวในหัวข้อ "Financial Policies for Sustainable Economy" แนวทางในการปรับปรุงการจัดเก็บภาษีเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ ๓ ข้อ