เรียนรู้จาก..ญี่ปุ่นบ้าง

มองเห็นความเดือดร้อนของพี่น้องในภาคเหนือ ที่กำลังเผชิญกับปัญหาฝนตกน้ำท่วมหนัก แล้วก็ให้รู้สึกสะท้อนใจ เพราะดูเหมือนภาพแบบนี้ เราจะเห็นทุกปี แต่กลับไม่เห็นการใช้บทเรียนในแต่ละปี มาป้องกัน หรือแก้ปัญหาเพื่้อไม่ต้องทุกข์ระทมซ้ำซาก

แรงใจ แรงสนับสนุน เพื่อไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย ก็ยังเป็นภาพเดิมๆ เพราะเราคนไทยไม่ทอดทิ้งกัน แต่อยากรู้จริงว่า เมื่อไหร่ ภาพแบบนี้จะหมดไป หรือดูมีการพัฒนามากขึ้น ทั้งรูปแบบการเตรียมตัวรับมือกับอุทกภัย และแนวทางในการไม่ต้องให้ประชาชนต้องเดือดร้อนเผชิญกับชะตากรรมแบบเดียวกันนี้อยู่ร่ำไป ด้วยข้ออ้างว่า เป็นเรื่องของธรรมชาติ

ลองเรียนรู้จากประเทศญี่ปุ่นบ้างดีไหม เพราะเขาเป็นประเทศที่รู้ตัวเองว่าในแต่ละปีจะต้องประสบกับภัยพิบัติต่างๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะประเทศของเขาตั้งอยู่บนเปลือกโลกที่ร้อนระอุ พร้อมที่จะปะทุได้ตลอดเวลา

เขารู้ว่า ปีหนึ่งๆ จะมีเหตุการณ์แผ่นดินไหวน้อยใหญ่ สลับกันไปในแต่ละพื้นที่อย่างน้อย 40 ครั้ง บางปีก็อาจจะสูงถึง 60 ครั้ง และจากการต้องเจอภัยพิบัตินี้อย่างไม่อาจปฏิเสธ กฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม และการสร้างอาคารบ้านเรือนต่างๆ ของเขาจึงเข้มงวดเคร่งครัด เพื่อตอบรับกับโจทย์ภัยพิบัติแบบไม่มีใครละเมิด หรือคิดที่จะซิกแซ็ก 

ที่น่าสนใจอย่างมากคือ วันนี้เขาได้ทำการวิจัยคิดค้น "อาหาร" ภัยพิบัติ ขึ้นมา ด้วยแนวคิดที่ว่า เมื่อเกิดภัยพิบัติแต่ละครั้งนั้น สิ่งแรกที่จะหายไปจากชีวิตประจำวัน คือ น้ำประปาและไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นหัวใจในการหล่อเลี้ยงชีวิต ดังนั้น เมนูอาหารของเขาในช่วงที่ต้องอยู่ในที่ที่ไม่มีไฟฟ้าไม่มีน้ำให้ใช้เลยนั้น จึงต้องเอื้อกับสถานการณ์ นั่นคือ เปิดกระป๋อง หีบห่อ หรือฉีกซอง ก็ต้องสามารถกินได้ทันที ไม่ว่าจะอยู่ในสภาพอากาศแบบใดก็ตาม

ข้าวปั้น ข้าวห่อ ข้าวแกงกะหรี่ เขามีหมด   หรือจะเป็นโอเด้ง ปลาย่าง ไข่ตุ๋น ก็มีให้กินได้ ที่น่าอัศจรรย์คือ แต่ละเมนูนั้น อย่างต่ำที่สุดมีอายุใช้งานถึง 5 ปี 10 ปี และ 20 ปีเลยทีเดียว เท่านั้นยังไม่พอ บางรายการอาหารนั้น เมื่อฉีกซอง อาหารที่สัมผัสกับอากาศภายนอก ก็จะอุ่น หรือร้อนเหมือนออกจากเตากันเลยทีเดียว

นี่คือการเรียนรู้จากชีวิตจริง แล้วเขาก็คิดวิจัยออกมาตอบโจทย์กับสิ่งที่ต้องเผชิญอยู่ทุกเดือนทุกปี โดยไม่เคยยอมแพ้ต่อธรรมชาติ นอกเหนือจากการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และต่อสู้กับภัยธรรมชาติด้วยเทคโนโลยีต่างๆ

แล้วประเทศไทย จะทำยังไงได้บ้างหนอ?!?.

 "ป้าเอง"   

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เตรียมตัวให้พร้อม..ช่วงเทศกาล

ไม่ได้มาชวนคุยเรื่องสุขภาพร่างกาย ที่จำเป็นต้องพร้อมถ้าจะออกเที่ยว เพราะอายุปูนนี้แล้ว เชื่อว่าทุกคนต้องใส่ใจดูแลตัวเองก่อน จึงจะตัดสินใจว่า จะก้าวเท้าออกจากบ้านเพื่อท่องเที่ยว มิเช่นนั้นไปเจ็บป่วยกลางทาง นอกจากทำให้ตัวเองเซ็งเป็ดแล้ว ยังส่งผลกระทบทำให้ก๊วนแก๊งเพื่อนๆ พลอยเดือดเนื้อร้อนใจไปด้วย

เงิน..ก้อนสุดท้าย!!

สะท้อนสะเทือนใจจริงๆ นะคะ กับเรื่องราวข่าวสารว่าด้วย ..เงิน-เงิน-เงิน..ของคนวัยเกษียณที่มลายหายไป เพราะถูกเบี้ยวถูกโกง จากนักธุรกิจประเภทเล่นแร่แปรธาตุ รวมไปถึงบรรดาสแกมเมอร์ อีกทั้งคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพทั้งหลาย

คิดถึงพ่อ ทำความดี ด้วยการบริจาคโลหิต

ทุกวันที่ 5 ธันวาคม นอกจากเป็นวันพ่อแห่งชาติแล้ว พวกเราพสกนิกรชาวไทยระลึกอยู่เสมอว่าเป็นวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ทำตัวเป็นแสงสว่าง

อ่านเรื่องนี้แล้วชอบค่ะ ..จึงอยากให้ทุกคนได้อ่านบ้าง.. มีตรอกอยู่ตรอกหนึ่ง ที่ทั้งมืดและทั้งแคบ คืนหนึ่ง มีพระรูปหนึ่งเดินผ่านเข้ามายังตรอกดังกล่าว เพื่อมุ่งหน้าไปยังอาราม

ว่าด้วยการมิกซ์แอนด์แมตช์

การที่มีผู้นำเป็นผู้หญิง ไม่ว่าในตำแหน่งอะไร เป็นคนชาติใด ใช้ภาษาไหน ..ถือเป็นเรื่้องปกติธรรมดาอย่างมากถึงมากที่สุด ที่ทุกสายตาจะคอยเฝ้าตามดู ตรวจสอบ จับจ้อง ว่าเธอจะแต่งกายด้วยชุดอะไร สวยสมคุณค่า ดูมีค่า งดงามเหมาะกับ "หัวโขน" ที่เธอใส่หรือเปล่า