
ผู้เขียนมัวแต่สนใจไปลุ้นตลาดหุ้นที่เริ่มขยับแนวคึกคักตั้งแต่คุณแพทองธาร ชินวัตร มาเป็นนายกรัฐมนตรี จึงลืมใส่ใจสถานการณ์น้ำ เพราะมั่นใจว่าถึงอย่างไร ก็ยังไม่ใช่วาระของปีมหาอุทกภัย
เพียงแต่ปีนี้ฝนจะทำให้เกิดวินาศภัย-อุทกภัยได้เป็นจุดๆ หรือเป็นพื้นที่ๆ ตามคำทำนายก่อนหน้านี้ เรื่องความแรงของอุบัติเหตุหรือวินาศภัยที่รอเกิดรุนแรง-เกินคาดคิด-อาเพศทุกทาง ทั้งดิน-น้ำ-ลมอากาศ-ไฟ
ซึ่งคราวนี้ เหตุทางน้ำ ที่กำลังกระหน่ำเชียงราย-เชียงใหม่-แม่ฮ่องสอน-พะเยา-น่าน-แม่สอด จ.ตาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ.แม่สายและอ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย เจอหนัก-สาหัส
ทั้งนี้เป็นด้วยน้ำจากอิทธิพลหางพายุหรือขอบพายุคือ ยางิ ผสมโรงกับร่องมรสุมแถมด้วย อาเพศไม่อยากได้ก็ไหลมา คือ น้ำจากประเทศเพื่อนบ้าน
เหตุที่เกิดขึ้นนี้ทำให้เดือดร้อนเสียหายใหญ่โตจากน้ำในระดับ อุทกภัยวินาศ แต่เกณฑ์ทางโหราศาสตร์อุตุนิยมวิทยายังไม่ใช่ มหาอุทกภัย
เพราะ หากเป็นมหาอุทกภัย ต้องเป็นระดับปี 2554 สมัยคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ที่คราวนั้นน้ำ เหมือนข้าศึกตีโอบล้อมเมืองมาทุกทาง เดือดร้อนเป็นวงกว้างและรุนแรงกินระยะเวลาหลายเดือนจนติดลำดับความเสียหายระดับโลก
คราวนั้นมหาอุทกภัยครั้งร้ายแรงที่สุดทั้งในแง่ของปริมาณน้ำและจำนวนผู้ได้รับผลร้ายส่งผลกระทบต่อบริเวณลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และลุ่มแม่น้ำโขง เริ่มตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2554 และสิ้นสุดเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ.2555 มีราษฎรได้รับผลกระทบกว่า 12.8 ล้านคน ธนาคารโลกประเมินมูลค่าความเสียหายสูงถึง 1.44 ล้านล้านบาท
นึกถึงคราวใดผู้เขียนยังสยอง โชคดีที่น้ำไม่รุกหนักถึงสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ถนนวิภาวดีรังสิต ที่ทำงานของผู้เขียน เพราะไปหยุดอยู่แถวไทยรัฐ และบ้านที่อยู่แถบริมคลองประปาก็ได้รับการคุ้มครองให้แคล้วคลาดๆ
เหตุครั้งนั้นเป็นแรงใจให้สนใจค้นคว้าโหราศาสตร์อุตุนิยมวิทยา เพราะอย่างน้อยก็พอจะได้กลิ่นลางร้ายล่วงหน้าบ้าง
หรือหากสมัยล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 1 พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช เมื่อธันวาคม 2328 หลังสร้างเมืองไม่กี่ปี คราวนั้นน้ำท่วมใหญ่ปีมะเส็งที่สนามหลวงลึก 8 ศอก 10 นิ้ว ขุนนางต้องลอยเทียบเรือเข้าเฝ้าที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท แทนพระที่นั่งจักรพรรดิพิมานที่ถูกท่วมสูง 4 ศอก 8 นิ้ว แถมข้าวยากหมากแพงต้องเอาข้าวในฉางหลวงมาแจกราษฎร
หรือปี 2485 เริ่มปลายกันยายนที่น้ำท่วมใหญ่อีกครั้งในประวัติศาสตร์ กรุงเทพฯ ต้องใช้เรือเป็นพาหนะ พระบรมรูปทรงม้าน้ำท่วมสูง 1.50 เมตร ใช้เป็นที่แข่งเรือได้ และท่วมยาวนาน 3 เดือน ฯลฯ
จึงเมื่อย้อนดูลีลาการเดินของดาวแล้ว ปีนี้เกณฑ์โหราศาสตร์อุตุนิยมวิทยาไม่มีสิ่งบ่งบอกขนาดนั้น
แต่สิ่งที่เกรงจะเกิดเหตุอาเพศ-แบบไม่คาดฝัน-เป็นอุบัติภัยใหญ่ เช่นที่เกิดภาคเหนือขณะนี้เป็นอาการตก-ท่วมแปลกๆ เป็นจุดๆ หรือตกแช่ (ทางโหรพระราหูกาลกิณีจรของเมือง 8-เดินในราศีมีนธาตุน้ำทับพระพุธ ๔ และพระศุกร์ ๖ ดวงเดิม)
ผู้ที่อธิบายปรากฏการณ์ได้ชัดคือ รศ.ดร.เสรี ศุภราทิตย์ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องน้ำและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เรียก ระเบิดฝน หรือ Rain Bomb
ซึ่งปรากฏการณ์นี้ จะทำให้เกิดอุทกภัย และวินาศภัยเป็นจุดๆ เพราะเคยบอกแล้วว่า เกณฑ์อุบัติเหตุร้ายแรงทุกทาง-ดิน-น้ำ-ลมอากาศ-ไฟ-ตาย-เจ็บ-เสียหายหมู่ในวงกว้างกำลังจะรอเกิดในเมือง เช่นที่เคยเกิดฝนตกโคลนถล่มที่ภูเก็ต เมื่อ 22 สิงหาคม 2567 แบบไม่คาดคิด ตายไป 9 คน เป็นเพียงแค่หนังตัวอย่างเท่านั้น
ในเมื่อภัยทางน้ำขนาดใหญ่ในลักษณะนี้ก็โผล่มาที่หลายจังหวัดภาคเหนือแล้ว สิ่งที่คาดว่าจะเกิดต่อจากนี้คือ
1.อุทกภัยที่จะเกิดเป็นพื้นที่ๆ ยังรอเกิดแบบแปลกๆ คาดไม่ถึง
1.1 ลีลาการมาของฝนรอบนี้จะเริ่มตั้งแต่ 17 กันยายน 2567 เป็นต้นไป
1.2 เกณฑ์ฟ้ารั่วหรือเมืองอุดมสมบูรณ์ไปด้วยน้ำรอบนี้ คือระหว่าง 19 กันยายน-ประมาณ 26 กันยายน 2567 (พระอาทิตย์จร 1 และพระพุธจร 4 และพระศุกร์จร 6 ตัวการฝนรวมกลุ่มกันราศีกันย์และได้รับแสงจากพฤหัสบดีจร 5 ที่เดินในราศีพฤษภ) ในระดับ Rain Bomb
รอบนี้ กทม.มีโอกาสเจอด้วย แบบแปลกๆ เช่นฝนเก้าร้อยเก้าสิบเก้า (999) หรือฝนพันเอ็ดปี (1,001)
หลังจากนั้นฝนจะค่อยๆ เคลื่อนลงไปทางใต้
2.ทางดิน ยังต้องเฝ้าระวังอาการ โคลนถล่ม-แผ่นดินสะเทือนไปตลอดหน้าฝน เหมือนเคยเกิดที่ อ.เมือง และ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เมื่อ 11 กันยายน 2543 ตายไป 10 คน หรือเกิดที่ อ.วังชิ้น จ.แพร่ เมื่อ 4 พฤษภาคม 2544 ตายไป 43 คน ฯลฯ
3.ทางลมพายุลูกแรกที่จะเข้าเมืองปีนี้ น่าจะ ใหญ่เอาเรื่อง อย่างต่ำก็น่าจะ ระดับดีเปรสชันขึ้นไปไม่ใช่หางพายุ หรือหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง และ รอบนี้น่าจะมาแบบแปลกๆ อาเพศด้วย
พายุนี้คาดว่าจะเข้า ประมาณ 19 ตุลาคม 2567 ก่อนหรือหลังเจ็ดวัน (พระอังคารจร 3 เดินในราศีกรกฎถึงพระเสาร์จร 7 ที่เดินในราศีกุมภ์และพระอังคารจร 3 ร่วมธาตุพระราหูจร 8 ที่เดินในราศีมีน) ลูกนี้น่าจะเข้าทางใต้
ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ก็เพื่อลองวิชาโหราศาสตร์-คลำทางไปเรื่อย
ดีที่สุดคือ เงี่ยหูฟังการพยากรณ์และคำเตือนจากมืออาชีพที่มีเครื่องไม้เครื่องมือ-คนพร้อมสรรพที่จะคาดการณ์-รับมือ คือ กรมอุตุนิยมวิทยา.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลยกเว้น 'ค่าไฟ' พ.ย. 420 ล้าน เยียวยาน้ำท่วมสงขลา
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า การเยียวยาและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะในจังหวัดสงขลา เดินหน้าไปอย่างมาก โดยปัจจุบันสามารถนำประชาชนกลับบ้านไปได้กว่า 90%
มูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มอบเงินให้สภากาชาดไทย ช่วยน้ำท่วมภาคใต้
รศ.นายแพทย์พินิจ กุลละวณิชย์ ประธานกรรมการมูลนิธิคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มอบเงินบริจาคจำนวน 306,000 บาท (สามแสนหกพันบาทถ้วน) ให้นายเตช บุนนาค เลขาธิการ สภากาชาดไทย รับมอบ เพื่อ “รวมน้ำใจ ช่วยภัยน้ำท่วมภาคใต้ กับสภากาชาดไทย” ช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยา พี่น้องผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมภาคใต้
อวยไส้แตก! สิ่งที่เท้งทำตอนน้ำท่วม ถ้าได้บริหารประเทศ จะตอบโต้สถานการณ์น้ำท่วมได้
ตอนน้ำท่วมแม่สาย เชียงราย ปีก่อน เท้งมาแบบคนที่ตาใสเลย นับ 1 จับต้นชนปลายไม่ถูก แต่มีความตั้งใจ มาแต่ตัวจริงๆ ไม่มีแม้อุปกรณ์ล้างบ้าน ตั้ง
อุตุฯ เตือนใต้ฝนตกหนักถึงหนักมาก เหนือ-อีสาน-กลางอุณหภูมิลดลง
กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้าว่า ภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส พังงา ภูเก็ต ตรัง และสตูล
สส.ศาสตรา สะท้อนปัญหาน้ำท่วมหาดใหญ่ จี้รัฐบาลเร่งแก้ขยะเน่าเหม็นแล้ว เงินเยียวยายังล่าช้า
สส.สงขลา เข้าสภาฯ สะท้อนปัญหาชาวหาดใหญ่ เรียกร้องรัฐบาล เร่งจ่ายเงิน 9,000 บาทให้เร็วเหมือนวันแรก จี้ เก็บขยะเน่าเสีย วอน ออกมาตรการช่วยเหลือภาคอุตสาหกรรม สร้างความเชื่อมั่นให้นักท่องเที่ยว
วิริยะประกันภัย ผุดมาตรการเร่งช่วยเหลือลูกค้าจากเหตุวิกฤตอุทกภัยภาคใต้
วิริยะประกันภัย เดินหน้ามาตรการรับมือวิกฤตอุทกภัยภาคใต้ จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการเฉพาะกิจรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง พร้อมปฏิบัติการ FIRST AID ระดมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหาย


