
เดินขบวนอย่างเต็มกำลัง สำหรับการปรับโครงสร้างของธุรกิจไทยให้กลายเป็นธุรกิจที่ดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคม หรือที่เรียกว่าธุรกิจสีเขียว โดยมีเป้าหมายในการลดการปล่อยคาร์บอนที่สร้างปัญหาโลกร้อนลง ซึ่งเป้าหมายคือการทำให้การปล่อยคาร์บอนมีค่าเป็นกลางในปี 2593 และคาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนกว่าแสนล้านบาทในการบริหารจัดการเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
โดยที่ผ่านมา สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA) ได้จัดสัมมนา “60 YEARS OF EXCELLENCE” เปิดเวทีสัมมนาในหัวข้อ “The Future of Sustainability Growth” ภาคธุรกิจเอกชนไทยเดินหน้าปรับโครงสร้างการผลิต เปลี่ยนการใช้พลังงานจากฟอสซิลไปสู่พลังงานทางเลือกและพลังงานหมุนเวียน รวมทั้งปรับกระบวนการทำงานของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) เข้าสู่ภาคธุรกิจสีเขียว
โดยมีเป้าหมายในการที่จะขับเคลื่อนการเติบโตขององค์กรให้มีรายได้อย่างยั่งยืน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2) ตามข้อตกลงการลดก๊าซเรือนกระจกในการประชุมการลดภาวะโลกร้อนตามข้อตกลงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งในงานนี้มีเอกชนหลายรายตบเท้าเข้ามาประกาศแผนการดำเนินงาน และเป้าหมายการทำงานขององค์กรในการเดินหน้าสู่การลดการปล่อยคาร์บอน อาทิ นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ลิมิเต็ด ได้เปิดเผยถึงแนวทางการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ว่า ต้องยอมรับว่าภาคอสังหาฯ เป็นภาคธุรกิจที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสูง คิดเป็นสัดส่วนถึง 60% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั้งโลก ดังนั้นแนวทางการพัฒนาอสังหาฯ เพื่อลดก๊าซเรือนกระจก ซึ่งบริษัทเริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการพัฒนาโครงการ และร่วมมือกับพันธมิตรและคู่ค้า ซึ่งใช้เวลา 2-3 ปีในการพัฒนาวัสดุก่อสร้างที่ใช้คาร์บอนต่ำ ในการทำให้โครงการวัน แบงค็อก เป็นโครงการที่พัฒนาโดยมีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ
ด้านนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กลุ่มบริษัทบางจากให้ความสำคัญเรื่องความยั่งยืน โดยการพัฒนาโครงสร้างการบริหารจัดการขององค์กรมาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีแนวทางที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนองค์กรสู่การเป็นองค์กรที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาองค์กรในกรอบของ ESG ที่มีการเริ่มต้นแผนมาตั้งแต่ปี 2559 และมีการตรวจสอบกระบวนการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร เพื่อใช้เป็นฐานในการคิดคำนวณและออกแบบแนวทาง จากนั้นวางแผนในการลดก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี และใช้งบลงทุนมากกว่า 60,000 ล้านบาท เพื่อปรับกระบวนการผลิตภายใน รวมถึงการลงทุนในพลังงานทางเลือก เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กร
สำหรับ แนวทางสำคัญในการปรับลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกนั้นในส่วนของบางจากคือ การปรับกระบวนการผลิต การใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น เราพัฒนาประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน โดยมีการวางเป้าหมายในการลดคาร์บอนเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ.2608 ตามเป้าหมายของประเทศ โดยจะทยอยลดลง 10%, 30%, 40%, 50% จนเป็นศูนย์ตามลำดับ ซึ่งในกระบวนการดังกล่าวได้นำเทคโนโลยีมาใช้ รวมถึงการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานของบริษัทในการลดก๊าซเรือนกระจกไปด้วยกัน
และด้านนายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่เอสซีจี กล่าวว่า ธุรกิจของเอสซีจี ทั้งการผลิตปูนซีเมนต์ วัสดุก่อสร้าง ปิโตรเคมี และบรรจุภัณฑ์ เป็นอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นจำนวนมาก ดังนั้นเราจึงเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องมีการปรับตัวและพัฒนากระบวนการผลิตของเราให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และเติบโตอย่างยั่งยืนไปพร้อมกันด้วย ซึ่งสิ่งที่เอสซีจีกำลังทำอยู่คือ ปรับกระบวนการผลิต เริ่มต้นจากการใช้พลังงานในการผลิตสินค้าของกลุ่มเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอย่างเป็นขั้นเป็นตอน เริ่มต้นจากเป้าหมายในการลดลง 25% จนเข้าสู่ระดับกลาง และเป็นศูนย์ในที่สุด
ต้องยอมรับจริงๆ ว่าการปรับตัวสู่กระบวนการที่ดูแลสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญ และหากภาคธุรกิจในปัจจุบันยังไม่มีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจน อาจจะตกขบวนได้ และสร้างผลเสียให้กับการทำธุรกิจในอนาคต.
ณัฐวัฒน์ หาญกล้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ
ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย
ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า


