ศก.รัฐบาลมาดามแพจะรอดไหม?

ผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพล เมื่อ 2 วันก่อนนี้ มีการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในหัวข้อ “รัฐบาลนายกฯ อุ๊งอิ๊ง ไปไหวไหม” พบว่ามีคนเชื่อว่ารัฐนาวาของ มาดามแพ จะยืนหยัดจนครบเทอมเพียงแค่ 41% เท่านั้น โดยมองเรื่องจุดชี้เป็นชี้ตาย ปัญหาปากท้อง จะเป็นตัวชี้ขาดว่ารัฐบาลจะอยู่รอดหรือไม่รอด

ต้องยอมรับจริงๆ ว่ารัฐบาลเพื่อไทยที่เคยโดดเด่นในเรื่องการบริหารเศรษฐกิจมาโดยตลอดกำลังจะเสียเครคิต เนื่องจากว่า ตลอดระยะเวลา 1 ปีกว่า การบริหารทางด้านเศรษฐกิจยังไม่ได้มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ที่สามารถวัดผลได้ และยังห่างไกลจากเป้าหมายที่วางไว้ว่า จะต้องทำให้จีดีพีของประเทศกลับมายืนที่ 5% ให้ได้ ซึ่งในขณะนี้ มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตเพียงแค่ 2.4-2.7% เท่านั้น

นี่เป็นการบ้านชิ้นใหญ่ของรัฐบาลมาดามแพที่กำลังต้องเผชิญ ซึ่งที่ผ่านมา รัฐบาลมีโครงการใหญ่ใช้เงินไปกว่า 1.4 แสนล้าน เอาเงินหมื่นไปแจกกลุ่มเปราะบาง แต่ดูเหมือนว่ามาตรการนี้เหมือนกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ซึ่งความคาดหวังให้เงินหมื่นไปเพิ่มกำลังซื้อและทำให้เงินที่อัดฉีดไปหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยได้ผลมากนัก บรรยากาศที่ได้สัมผัสกับพ่อค้าแม่ค้าก็ยังดูไม่คึกคักเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งเพราะการแจกเป็นเงินสด ทำให้ส่วนใหญ่คนที่ได้รับเงิน จะนำไปชำระหนี้กันเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลให้เม็ดเงินไปกระจุกตัว และไม่ส่งเสริมให้การเกิดใช้จ่ายหรือการลงทุนเท่าที่ควร

ประเด็นนี้ทางฝ่ายค้านเองอย่าง “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อจากพรรคประชาชน ก็ออกมาระบุว่า รัฐบาลเพื่อไทยไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจดีได้ตามที่สัญญาเอาไว้ ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังไม่ผลักดันงานทางด้านเศรษฐกิจอย่างเต็มที่ มีการตั้งคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจขึ้นมาแต่ก็ไม่มีการเริ่มประชุมอะไรเลย แถมนโยบายที่มีก็ยังเป็นนโยบายเดิมๆ ที่ดำเนินการมาตั้งแต่รัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน

ปัญหาเศรษฐกิจกลายเป็นประเด็นเร่งด่วนที่นายกฯ แพทองธาร ชินวัตร จะต้องรีบปลุกให้ฟื้นกลับคืนมาให้ได้ ตอนนี้ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอกค่อนข้างมาก เนื่องจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลางที่ทำให้ราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงปัญหา Soft landing ในสหรัฐ ที่ดูเหมือนเศรษฐกิจจะเริ่มตกลง สังเกตได้จาก การลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งตอนนี้เริ่มเห็นภาพชัด ไปทั่วโลก

 สิ่งที่ยังเป็นเรื่องดีของรัฐบาลอยู่บ้าน คือ ตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุน ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาถึง 7.2 แสนล้านบาท และถึงสิ้นปีอาจจะพุ่งสูงถึง 9 แสนล้านบาท ซึ่งรัฐบาลก็เพิ่มมีคำสั่งแต่งตั้ง คณะกรรมการเซมิคอนดักเตอร์ และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูงแห่งชาติ (บอร์ด) เพื่อดึงเงินลงทุนมามากขึ้น เพราะถือว่าธุรกิจนี้เป็นนิวเอส-เคิร์ฟตัวใหม่ที่รัฐบาลตั้งความหวังเอาไว้ รวมถึงธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ และอีกมากมาย

แต่ปัญหาทางเศรษฐกิจยังคงมีอีกมากมาย โดยเฉพาะปัญหาหนี้ครัวเรือนของไทย ที่ยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลต่อกำลังซื้อของครอบครัวอย่างมาก ไม่นับรวมปัญหาเรื่องการว่างงานจากบางธุรกิจที่แข่งขันไม่ได้ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงของตลาด อย่างเรื่องรถยนต์สันดาป และเครื่องสินค้าราคาถูกจากจีนเข้าถล่มตลาด ซึ่งยังต้องมีการแก้ไขต่อไป

และเมื่อวันก่อนนี่เอง นายกฯ ก็เปิดทำเนียบรับคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เพื่อหารือการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งในครั้งนี้ภาคเอกชนมีการยื่นหนังสือปกขาวที่ภาคเอกชนได้รวบรวมปัญหาและข้อเสนอต่างๆ ที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ทั้งระยะสั้น กลาง ยาว ซึ่งครอบคลุมทั้งภาคผลิต ภาคการค้า/บริการ ภาคเกษตร ภาคท่องเที่ยว และอื่นๆ โดยประเด็นที่ภาคเอกชนต้องการให้รัฐเร่งผลักดันคือ การบริหารจัดการน้ำ ลดปัญหาและความเสียหายจากน้ำท่วมและแล้งซ้ำซ้อน

คงต้องจับตาว่า รัฐบาลมาดามแพ จะตอบสนองต่อปัญหา และนำพาเศรษฐกิจไทยฟื้นขึ้นมาอย่างที่ตั้งใจไว้หรือไม่.

 

ลลิตเทพ ทรัพย์เมือง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

แจกเงินหวังคะแนน

เก็บตกการประชุม ครม.ในสัปดาห์นี้ ตอนแรกก็รอลุ้นโครงการแจกเงินหมื่นเฟส 2 ที่ช่วงเช้า นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ออกมาให้ข่าวว่า จะให้ที่ประชุมอนุมัติในวันนี้ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นรอเก้อ เพราะ ครม.ไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ เนื่องจากยังติดขัดปัญหาบางประการ

เทรนด์Pet Parentบูมไม่หยุด

คงต้องยอมรับว่า Pet Parent ยังคงเป็นกระแสนิยมในปัจจุบัน สะท้อนแนวโน้มและรูปแบบการเลี้ยงสัตว์ของคนรุ่นใหม่ที่ให้ความสำคัญกับสัตว์เลี้ยงสมือนคนในครอบครัว ยิ่งกว่านั้น

ปี 67 ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยหืดจับ!!

ปี 2567 เป็นอีกปีที่มีความท้าทายอย่างมากสำหรับ “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ที่ยังคงเผชิญความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจทั้งภายในและนอกประเทศ ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนเป็นปัจจัยที่กดดันการเติบโตของธุรกิจ ซึ่ง KKP Research

ชีววิทยาดันอุตสาหกรรม

ต้องยอมรับว่าภาคอุตสาหกรรมในปัจจุบันจะต้องเดินหน้าไปพร้อมกับการพัฒนาด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพระสิ่งเหล่านี้นอกจากจะเข้ามาสนับสนุนความต้องการของกลุ่มลูกค้าแล้ว

อสังหาฯปี68ฟื้นตัวแบบช้าๆ

หลังจากผ่านพ้นวิกฤตโควิด-19 หลายๆ ฝ่ายต่างก็คาดหวังว่าเศรษฐกิจจะขยับเติบโตขึ้น แต่ในทางตรงข้าม แม้ว่าจะมีการเติบโต แต่ก็เติบโตแบบเชื่องช้า แถมปัญหาที่สะสมก็เริ่มทวีความรุนแรงมากขึ้น

ผ่าแผนรับมือรถติดสร้างสายสีส้ม

จากการที่รถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ในฐานะผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย เตรียมจัดการจราจรเพื่อดำเนินงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม