ไม่ทันไร...
จะใช้กฎหมายปิดปากซะแล้ว
เสียงขู่มาจากพรรคเพื่อไทย "นพดล ปัทมะ" อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ หากใครพูดเรื่อง MOU 44 ให้พรรคเพื่อไทยเสียหาย โดนแน่!
"...คนไทยไม่ว่าเสื้อสีใดรักชาติเท่ากัน อย่านำประเด็นเรื่องดินแดนมาเป็นประเด็นการเมือง บั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาล
ถ้ารักชาติจริงต้องเอาความจริงและข้อกฎหมายมาพูด
หากยังมีการปั่นกระแสโจมตี ระบุชัดเจนว่า พรรคเพื่อไทยทำให้ประเทศไทยเสียเกาะกูด คิดว่าคงต้องมีการดำเนินการตามกระบวนการกฎหมายต่อไป..."
หมดกันครับ ไหนบอกเป็นฝ่ายประชาธิปไตย เคารพในสิทธิเสรีภาพ
โดยเฉพาะเสรีภาพในการแสดงออกของประชาชน
ใช่ครับประชาชนทุกสีเสื้อรักชาติเท่ากัน แต่นักการเมืองรักชาติเท่ากันหรือเปล่าไม่ทราบ เพราะที่ทำให้ชาติเสียหายเสียเปรียบ ก็นักการเมืองทั้งนั้น
สมัยรัฐบาล "สมัคร สุนทรเวช" ไปเซ็นลงนามในแถลงการณ์ร่วม (Joint Communique) พ.ศ. ๒๕๕๑ ใช่หรือไม่
เอกสารฉบับนี้ เป็นเอกสารสำคัญที่ทำให้กัมพูชาสามารถขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกแต่เพียงฝ่ายเดียวได้เป็นผลสำเร็จ ใช่หรือไม่
“นพดล ปัทมะ” น่าจะรู้ดี
ไทยจะเสียเกาะกูดหรือไม่ ไม่ได้อยู่ที่ประชาชน แต่อยู่ที่เหลี่ยมของรัฐบาลไทยว่าสู้เหลี่ยมรัฐบาลกัมพูชาได้หรือเปล่า
"นักการเมือง" จะเป็นต้นเหตุให้ไทยเสียเกาะกูดให้กัมพูชาหรือไม่
ไม่ใช่คำพูดของประชาชน
ฉะนั้นอย่าขู่ฟ้องประชาชนที่รักและหวงแหนชาติโดยสุจริตใจ
ที่ผู้คนเขากังวลก็เพราะมีประสบการณ์ที่ไม่ดีจากรัฐบาลระบอบทักษิณ
มันเป็นข้อเท็จจริงที่ว่ารัฐบาลทักษิณมีการคอร์รัปชันอย่างมโหฬาร จนต้องหนีคดีไปต่างประเทศ
สุดท้ายกลับเข้ามาขอพระราชทานอภัยโทษ และสำนึกผิด
แต่ก็สร้างความไม่เชื่อใจใหม่ขึ้นมา คือไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ทุจริตจำนำข้าว
ยิ่งลักษณ์หนีไปอีกราย
ทิ้งภาระหนี้ให้ประชาชนต้องรับผิดชอบหลายแสนล้านบาท
มันมีที่มาที่ไป
ครั้งนี้เขากลัวว่า "ทักษิณ" ที่สนิทชิดเชื้อกับ "ฮุน เซน" ไปพูดคุยอะไรกันแล้วทำให้ไทยเสียเปรียบหรือเปล่า
จะส่งผลให้ต้องเสียเกาะกูดหรือเปล่า โดยเฉพาะการยืนยันตาม MOU 44 ที่มีภาระผูกพันในอนาคต
จบพรรคเพื่อไทย มาถึง พรรคส้ม
เป็นอะไรกันหมด
เอะอะจะฟ้องประชาชน แต่ปากบอกว่ายอมรับเสียงวิจารณ์จากประชาชน
กรณีพรรคส้ม ล้ำหน้าพรรคเพื่อไทย ไปพอควร
คือ...ผ่านขั้นตอนขู่มาแล้ว ณ วันนี้ฟ้องแน่ๆ
อ่านคำอธิบายจาก "วิโรจน์ ลักขณาอดิศร" ตัวตึงพรรคส้ม แทบจะหมดคำพูดเหมือนกัน
ร่ายยาว ๓ เหตุผล ฟ้องหมิ่นประมาทผู้ที่กล่าวหาพรรคด้วยข้อความอันเป็นเท็จ....
๑.การกล่าวหาในลักษณะที่สื่อว่าพรรคประชาชน มีส่วนเกี่ยวพันกับการก่อเหตุความรุนแรง นั้นเป็นการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ และมีความเป็นไปได้ว่าผู้ที่เผยแพร่ มีเจตนาที่จะเผยแพร่ทั้งๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นเท็จ รู้อยู่แก่ใจว่าไม่ใช่การวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต หรือมีความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงต่อความจริง ทั้งๆ ที่อยู่ในวิสัยที่สามารถตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ แต่ก็ไม่กระทำ หลักฐานอ้างอิงที่นำมาเชื่อมโยงเพื่อกล่าวหา ก็ปราศจากน้ำหนักที่มีนัยสำคัญ เป็นการเชื่อมโยงเอาเองตามอคติ
ซึ่งถือเป็น “ความมุ่งร้ายโดยเจตนา” (Actual Malice)
๒.การเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จในครั้งนี้ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพรรคประชาชนโดยลำพัง แต่ส่งผลกระทบในเชิงลบต่อสาธารณะอย่างร้ายแรง ความเคียดแค้นชิงชังที่เกิดขึ้น จากข้อความเท็จที่ใส่ร้ายว่าพรรคประชาชนเกี่ยวพันกับการก่อเหตุรุนแรง นั้นส่งผลกระทบต่อความปรองดองของประชาชน และอาจก่อให้เกิดความแตกแยก และความรุนแรงระหว่างประชาชนด้วยกันเอง การฟ้องร้องในครั้งนี้ พรรคประชาชนจึงไม่ได้ดำเนินการด้วยความโกรธ หรือต้องการที่จะตอบโต้ แต่มีเจตนาที่ต้องการจะปกป้องสาธารณะ จากผลกระทบของการเผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จในครั้งนี้
ผมเชื่อว่า หากเป็นการด่าทอต่อว่าในทางที่ทำให้พรรคเสียหาย โดยที่ไม่มีผลกระทบต่อสาธารณะ ต่อให้เป็นการด่าทอด้วยถ้อยคำผรุสวาท ผมก็เชื่อว่าพรรคประชาชนจะไม่มีทางฟ้องอย่างแน่นอนครับ
๓.การฟ้องของพรรคประชาชนในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการดำเนินคดีอาญา ไม่ได้ต้องการให้ผู้เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จต้องถูกจำคุก หรือต้องรับโทษทางอาญา แต่เป็นการฟ้องร้องในทางแพ่ง เพื่อให้ผู้กระทำได้พิสูจน์ข้อเท็จจริงในสิ่งที่ตนกล่าวอ้าง และในกรณีที่ผู้เผยแพร่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ ผู้ที่เผยแพร่ก็ควรต้องรับผิดชอบต่อสาธารณะตามสมควร โดยที่พรรคไม่ได้หวังที่จะเรียกร้องค่าเสียหายเป็นเงินทองมหาศาลจากผู้ที่กระทำแต่อย่างใด
ผมคิดว่า หากผู้ที่เผยแพร่ข้อมูลอันเป็นเท็จ ยอมรับผิด และขอโทษต่อสาธารณะ พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะไม่กระทำการในลักษณะนี้อีก ผมก็เชื่อว่าพรรคประชาชน ก็พร้อมที่จะพิจารณายุติการฟ้อง หรือถอนฟ้อง การขอโทษ ก็เพียงขอโทษต่อสาธารณะก็พอครับ ไม่จำเป็นต้องขอโทษพรรคประชาชนก็ได้ พอขอโทษต่อสาธารณะเสร็จ จะกลับมาด่าพรรคประชาชนต่อเลยก็ได้ครับ จะไม่ชอบ หรือจะเกลียดพรรคประชาชนอย่างไร พวกเราพร้อมที่จะเคารพเสรีภาพในการพูด (Freedom of Speech) ของประชาชนทุกคนอยู่แล้วครับ
หวังว่าทัศนะของผมต่อการฟ้องของพรรคประชาชน จะทำให้ทุกคนเข้าใจถึงความจำเป็นในการปกป้องสาธารณะ และมีความสบายใจมากขึ้นนะครับ...
"วิโรจน์" บอกว่า การฟ้องในครั้งนี้ไม่ใช่การฟ้องเพื่อปิดปาก แต่ประชาชนก็ปิดปากไปเรียบร้อย เพราะกลัวถูกพรรคส้มฟ้องเอา
เหตุผลทั้ง ๓ ข้อ ลองกลับไปเป็นกรณี ม.๑๑๒ "วิโรจน์" จะว่าไง
ผู้ต้องหา จำเลยคดี ม.๑๑๒ หลายคน สร้างความเกลียดชัง ใส่ความเท็จ ก่อความรุนแรง
ด่าทอด้วยถ้อยคำผรุสวาท
แสดงความอาฆาตมาดร้าย
หนักกว่าที่ชาวบ้านบอกว่า พรรคส้มเป็นพวกบีอาร์เอ็นไม่รู้กี่ร้อยกี่ล้านเท่า
ทำไมพรรคส้มถึงต้องตามประกันตัวให้คนกลุ่มนี้
ถ้าเป็นไปได้หลังจากพรรคส้มฟ้องประชาชนที่วิจารณ์ว่าเป็นพวกบีอาร์เอ็นแล้ว รบกวน "วิโรจน์" หรือใครในพรรคส้มก็ได้ ช่วยไปเป็นนายประกันให้ประชาชนคนที่ถูกพรรคส้มฟ้องด้วย
ไม่ต้องกลัวว่ามันจะพิลึกพิลั่นหรอกครับ เพราะมันเทาๆ มาตั้งแต่ตอนที่พรรคส้มคิดฟ้องประชาชนแล้ว
พรรคประชาชนฟ้องประชาชน
ขยะจริงๆ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ถึงเวลาของ 'บุญทรง'
"กูพูดไม่ได้" คนที่พูดประโยคนี้ออกจากคุกแล้วครับ และจะพ้นโทษ ๒๑ เมษายน ๒๕๗๑
เสียค่าโง่ให้กัมพูชา
ดีครับ... เอา MOU 44 เข้าไปถกในสภาฯ
ก็เลี้ยงหลานไง!
อย่าเพิ่งเบื่อ กับการเขียนถึง MOU 44 ซ้ำแล้วซ้ำอีกนะครับ เพราะผลกระทบจะมากกว่าการเสียเขาพระวิหาร
'เพ็ญแข'อธิบาย'ส้ม'
ถึงกับ...ลิ้นพัน! "คุณเพ็ญแข" หาลงทาง กลายเป็นทัวร์ลงซะงั้น
ระวังไม่มีแผ่นดินอยู่
ลุกเป็นไฟในโซเชียลครับ... กับคำพูดของ "จักรภพ เพ็ญแข"
ถึงคิว 'แพทองธาร'
งานงอก! เริ่มต้นจากข้อเขียนของ "คำนูณ สิทธิสมาน" เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า อย่าเสี่ยงจงใจขัดรัฐธรรมนูญ! MOU 44 ต้องผ่านรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญ ๖๐ มาตรา ๑๗๘