กร่าง...เกรี้ยวกราด...ฤากลัว

พวกหิวแสง หาเรื่องนายใหญ่ของเขา ยิ่งทำให้เขาได้ใจ ทำสิ่งที่ต้องการจะทำไปเรื่อยๆ โดยที่เจ้าตัวบอกว่าตัวเขาเองเป็น สทร. ที่แปลว่า “เสือกทุกเรื่อง” โดยที่เขาน่าจะรู้ว่าหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำนั้นมันไม่ถูกต้อง แต่เขาก็แสดงความ “กร่าง” ด้วยการไม่สนใจคำวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ไม่สนใจว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันจะถูกหรือจะผิด ถ้าหากเขาต้องการจะทำ เขาก็ทำ อะไรที่เขาอยากได้ เขาต้องได้ เป็นความกร่างที่แสดงว่าเขาพร้อมที่จะบดขยี้กระบวนการยุติธรรมของประเทศไทย

การออกมาทำสิ่งที่เขาไม่ควรทำโดยไม่สนใจกฎหมาย ไม่สนใจบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ รวมทั้งไม่เห็นหัวประชาชน คงเป็นเพราะเขามั่นใจว่า ไม่ว่าเขาจะทำผิดอะไร จะไม่มีใครทำอะไรเขาได้ เพราะจะมีคนจำนวนมากในหลายภาคส่วน พร้อมที่จะเอื้ออำนวยให้เขาได้ทำสิ่งที่เขาต้องการจะทำ เหตุการณ์ที่คำร้องต่างๆ ถูกตีตก ยิ่งทำให้เขาย่ามใจว่าในประเทศไทยแห่งนี้ เขาจะทำอะไรก็ได้ ทีแรกก็กระมิดกระเมี้ยนทำ เหมือนหยั่งดูว่า ถ้าหากเขาทำสิ่งที่ไม่เหมาะไม่ควร หรือแม้แต่ทำสิ่งที่หลายคนมองว่าผิดกฎหมาย จะมีใครทำอะไรเขาได้บ้าง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาทำสิ่งที่วิญญูชนจำนวนมากมองว่าน่าจะไม่ถูกต้อง เขาก็รอดมาได้ คราวนี้เขาจึงทำทุกอย่างที่อยากทำอย่างโจ่งแจ้ง แบบไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เสียงวิพากษ์วิจารณ์ทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะเขาบอกว่า ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องมาสนใจติดตามเขา ต่างคนต่างอยู่กันไป แบบนี้ไม่เรียกว่าเขากำลัง “กร่าง” จะให้เรียกว่าไง

ความเป็นคนที่อัตตาสูง เชื่อมั่นในอำนาจและบารมีของเขา ที่เขาคิดว่าอยู่เหนือคนทั้งประเทศ ทำให้เขาไม่สนใจข้อท้วงติงใดๆ ทั้งนั้น นอกจากจะแสดงความ “กร่าง” เหนือคนอื่น เหนือกฎหมาย เหนือกระบวนการยุติธรรมแล้ว การพูดจาของเขาในหลายๆ ที่ โดยเฉพาะบนเวทีหาเสียงทางการเมือง เขาไม่เพียงแต่แสดงความ “กร่าง” เท่านั้น เขายังแสดงความ “เกรี้ยวกราด” อีกด้วย เขาแสดงอาการของคน “เกรี้ยวกราด” ทั้งการตำหนิพรรคร่วมรัฐบาลด้วยข้อความที่รุนแรง เย้ยหยัน เหมือนรู้ว่าจะพูดจาต่อว่าต่อขานพรรคร่วมอย่างไร แกนนำของพรรคร่วมเหล่านั้นก็คงไม่มีใครกล้าหือ เพราะยังคงอยากได้ตำแหน่งในรัฐบาลอยู่ และพวกเขาก็ไม่เกรงใจประชาชนในการที่จะแสดงละครแบบ “ตบจูบ” เกรี้ยวกราดใส่กันในวันหนึ่ง วันรุ่งขึ้นก็พร้อมที่จะกินข้าวด้วยกัน ตีกอล์ฟด้วยกัน ละครการเมืองของพวกเขาทำให้ประชาชนรู้สึกหดหู่และสมเพชการกระทำที่ไร้ศักดิ์ศรีของพวกเขา เพื่ออำนาจและตำแหน่ง พวกเขาพร้อมที่จะแสดงละครให้ประชาชนดู แล้วหวังว่าประชาชนจะเชื่อสิ่งที่เขาต้องการให้ประชาชนเชื่อ ประชาชนที่กินหญ้าเป็นอาหารก็คงจะเชื่อ แต่ประชาชนที่กินข้าวหอมมะลิคงไม่เชื่อ

นอกจากเขาจะเกรี้ยวกราดใส่พรรคร่วมรัฐบาลแล้ว เขายังหาเสียงด้วยความดุดัน ไม่เพียงแต่จะด้อยค่าคู่ต่อสู้แล้ว เขายังด่ากราดมาที่ประชาชนที่ไม่ชอบเขา วิพากษ์วิจารณ์เขา รวมทั้งยื่นคำร้องเอาผิดเขา โดยที่เขาบอกว่าใครเล่นงานเขา เขาก็จะเล่นงานบ้าง ได้ข่าวว่าเขากำลังจะให้ฝ่ายกฎหมายของเขาฟ้องคนที่ยื่นคำร้องให้มีการเอาผิดเขา เขาลืมไปว่า การ สทร.ของเขานั้น มันคือการกระทำทางการเมือง มันคือการกระทำของบุคคลที่เป็นสาธารณะที่ประชาชนมีสิทธิที่จะวิพากษ์วิจารณ์ หรือยื่นคำร้องได้ ถ้าหากเห็นว่าสิ่งที่เขาทำนั้น ไม่น่าจะถูกต้อง ส่วนจะผิดจะถูกอย่างไรนั้น หน่วยงานที่ทำหน้าที่รักษากฎหมายก็จะทำงานไต่สวน ถ้าหากผิดก็ต้องบอกว่าผิด ถ้าหากไม่ผิด คำร้องไม่มีมูล ก็ยกฟ้องไป ถ้าหากการกระทำของเขาเป็นบทบาททางการเมืองที่เกี่ยวข้องกับสาธารณชน เขาก็ต้องยอมรับ ไม่ควรจะแสดงอาการเกรี้ยวกราดใส่คนที่ทำหน้าที่ของการเป็นพลเมืองที่รักชาติรักแผ่นดิน

หลายคนสงสัยว่า ที่ออกตัวแรง ออกมายืนแถวหน้าของการแสดงบทบาททางการเมืองแบบ “กร่าง” และมีอาการ “เกรี้ยวกราด” เช่นนี้ เกิดขึ้นเพราะ “กลัว” หรือเปล่า เพราะหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาทำนั้นมันทิ้งร่องรอยไว้ให้หลายฝ่ายตื่นตัวและขยับที่จะดำเนินการตรวจสอบ และเป็นที่รู้กันว่าการตรวจสอบในช่วงเวลานี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบสามารถเรียกหาเอกสารต่างๆ ที่นักการเมืองและข้าราชการที่ช่วยให้เขาไม่ต้องนอนคุกแม้แต่วันเดียว หลีกเลี่ยงที่จะส่งมอบให้หน่วยงานใดๆ โดยอ้างว่าเป็นสิทธิของผู้ป่วยที่ไม่ต้องการเปิดเผยอาการเจ็บป่วยและการรักษาของแพทย์ แต่เวลานี้คงจะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้ว เพราะหน่วยงานที่เรียกหาข้อมูลนั้นเป็นหน่วยงานที่มีอำนาจจะเรียกหาเอกสารเหล่านั้น กฎหมายว่าด้วยการรักษาความลับของผู้ป่วยไม่อาจจะนำมาใช้เป็นข้ออ้างในการไม่ยอมส่งให้หน่วยงานที่มีหน้าที่สอบสวน

เวลานี้ หลายหน่วยงานที่เขาขยับในการสอบสวนเรื่องนักโทษเทวดาห้อง VVIP ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเขาขยับกันแล้ว

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนขยับที่จะดำเนินการสอบสวน และดูเหมือนว่าเรื่องการป่วยทิพย์น่าจะมีมูล การขยับดังกล่าวนี้ ย่อมทำให้นักโทษเทวดาเกิดความกลัว เพราะประชาชนจำนวนหนึ่งที่มองว่าเขาโกงการติดคุก โกงกระบวนการยุติธรรม จะพากันพูดคุยเรื่องนี้บนพื้นที่ Social media ที่มีพลังให้หน่วยงานที่มีหน้าที่ทั้งหลายไม่อาจจะใส่เกียร์ว่างได้

ป.ป.ช.ขยับที่จะเดินหน้าในการสอบสวน เพราะเห็นว่าข้อกล่าวหามีมูล และ ป.ป.ช.สอบสวนทางด้านจริยธรรมที่ผลของการตัดสินร้ายแรงกว่าการทำผิดกฎหมาย เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วนักโทษเทวดาและข้าราชการที่เกี่ยวข้องจะไม่กลัวก็คงไม่ได้แล้ว ขณะนี้มี 12 รายชื่อ แต่หลายคนคาดว่านักการเมืองอีก 2 คนน่าจะต้องโดนด้วย

แพทยสภาขยับบนพื้นฐานของการสอบสวนจรรยาแพทย์ของคณะแพทย์ที่ทำหน้าที่ในการรักษา ในการสอบสวนของแพทยสภามีทั้งการเรียกหาเอกสาร เป็นการขอเอกสารการรักษาที่ละเอียดยิบ ทั้งเรื่องอาการ เรื่องการตรวจรักษา เรื่องการให้ความเห็น โดยให้เวลาถึงวันที่ 15 มกราคม 2568 นี้เท่านั้น การขอเอกสารเพื่อสอบสวนจรรยาแพทย์เช่นนี้ คณะแพทย์ที่มีชื่อเป็นผู้ตรวจรักษาและเขียนรายงานคงเลี่ยง ที่จะไม่ตอบไม่ได้

โดยสรุปแล้ว การสอบสวนเวลานี้มีทั้งการเรียกหาเอกสาร เรียกหาพยานบุคคล และพยานบางคนก็ได้ให้การแล้ว ถ้าหากใครติดตามข่าวก็จะเห็นว่าการเดินหน้าขยับของหน่วยงานต่างๆ ในเวลานี้ไม่เป็นผลดีแก่คนที่โกงการติดคุก ดังนั้นในเวลานี้เขาอาจจะมีความ “กลัว” เกิดขึ้น กลัวที่จะต้องกลับเข้าคุก แต่คงไม่กลัวที่คนในตำแหน่งต่างๆ ที่ช่วยให้เขาไม่ต้องนอนคุก อาจจะต้องเข้าไปติดคุกแทน เพราะเหตุการณ์มันเป็นเช่นนี้มาหลายเรื่องแล้ว คนที่ช่วยให้เขาโกง ติดคุกกันหลายสิบคน แต่ตัวเขาตัวการต้นเรื่องการโกงกลับรอดคุก เป็นไปได้ไหมว่า อารมณ์ “เกรี้ยวกราด” และท่าทีของความ “กร่าง” ที่เกิดขึ้นเวลานี้อาจจะมีพื้นฐานมาจากความ “กลัว”.