'บังเอิญ'

ช่วงตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ทางการไทยเอาจริงเอาจังกับเรื่องปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทั้งตัดไฟ ตัดเน็ต ตัดการส่งน้ำมันของไทยไปเมียนมา เพื่อกดดันแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ออกไป รวมถึงฝ่ายความมั่นคงของไทยก็เร่งจัดการตามแนวชายแดนไทยเพื่อให้แก๊งอาชญากรรมเหล่านี้หมดไปด้วย

จะเห็นว่าช่วงนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เริ่มมีหนาวกับมาตรการของไทยที่พยายามจะตัดไฟ อินเทอร์เน็ต หรือน้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้เห็นว่าประเทศไทยเอาจริงกับเรื่องนี้ที่สุด เพราะเรียกได้ว่าปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่รบกวนคนไทย หรือเป็นปัญหาที่ทำให้คนไทยเดือดร้อนมาอย่างยาวนานต้องหมดไป 

โดยการดำเนินงานจะเห็นได้ว่าภาครัฐก็เร่งดำเนินการ ทุกฝ่ายช่วยกันอย่างเต็มที่ และทางคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ก็ได้ลงพื้นที่ประเด็นแนวนโยบายป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ ปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์ และปัญหายาเสพติดตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ด้วยเช่นกัน

โดยทางคณะ กมธ.ได้เดินทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยานนานาชาติแม่สอด ซึ่งจังหวะนั้น มานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะรองประธาน กมธ. ก็ได้กล่าวเล่นๆ กับผู้สื่อข่าวที่ติดตามไปทำข่าวด้วยว่า ไหนเที่ยวบินแม่สอดบอกว่ามีคนจีนเยอะ ไม่เห็นมีคนจีนสักคน เมื่อพูดจบคณะของ หลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงและสาธารณะ สาธารณรัฐประชาชนจีน ก็ได้เดินขึ้นเครื่องบินพร้อมกับคณะคนจีนและตำรวจสากลกว่าครึ่งลำ

แต่เรื่องยังไม่จบ เพราะเกิดความบังเอิญขึ้นอีกเมื่อคณะของหลิว จงอี้ รับประทานอาหารที่ร้านเดียวกับ กมธ.ความมั่นคงฯ และยังบังเอิญอีกครั้งเมื่อทาง กมธ.ความมั่นคงฯ พักโรงแรมเดียวกันกับคณะของหลิว จงอี้ แต่ทั้งนี้ก็ไม่ได้มีการพูดคุยกัน

แหม่ๆ ทั้ง กมธ.ความมั่นคงฯ สภาผู้แทนฯ ของไทยลงพื้นที่ แถมบังเอิญเจอกับคณะฝ่ายความมั่นคงของจีน บอกเลยว่าแบบนี้แก๊งคอลเซ็นเตอร์หมดแน่นอน.

 

เจ้าพระพาย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

“ศรีสะเกษยั่งยืน”

จังหวัดศรีสะเกษถือเป็นยุทธศาสต์สำคัญทางการเมือง หากพรรคใดช่วงชิงได้ ก็มีโอกาสจะขยายความนิยมครองพื้นที่ในดินแดนอีสานใต้

"กีกี้" เป็นเหตุวุ่นวายทั้งสภา

กลายเป็นประเด็นร้อนฮือฮากลางวงประชุมขึ้นมาทันที เมื่อ”วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เปิดประเด็นร้อนระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2568 โดยเปรียบ

“ไม่เป็นความจริง”

เริ่มวันแรกของการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เชื่อว่าทุกฝ่ายต้องมีความตื่นเต้นกันเป็นปกติ แต่จากที่ดูบรรยากาศในศึกซักฟอกครั้งนี้ หลายคนมองว่าไม่เหมือนกับปีก่อนๆ บรรยากาศดูไม่ค่อยเข้มข้น แต่ก็มีความพยายามสร้างบรรยากาศให้ดูฮึกเหิม

มุ่งมั่นเพื่อบ้านโป่ง

ก่อนถึงวันเปิดศึกโหมโรงเวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่เริ่มขึ้นวันแรก 24 มีนาคม ที่ทั้งฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านต่างเตรียมตัว เตรียมข้อมูลขึ้นจ้อบนเวที และคาดว่าจะดุเด็ดเผ็ดมันไม่น้อย แต่ขณะเดียวกันในการขับเคลื่อนงานในสภาเพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชนยังเดินหน้าต่อ

เดี๋ยวโดนปลด

ต้องบอกว่า ลดโทนดุดันกว่าตอนเป็น สส.ไปเยอะ สำหรับ เสี่ยยุ-จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและอดีต สส.กทม. เขตคลองสามวา พรรคเพื่อไทย

“ควงตะหลิว”

นานๆหน “เสี่ยหนู” อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย (มท.1) ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) จะว่างเว้นจากกงานประจำในหน้าที่ราชการและงานด้านการเมือง และได้พำนักหยุดอยู่บ้านในช่วงวันเสาร์ ที่ผ่านมา