‘อาหาร’ดันซอฟต์พาวเวอร์ไทย

อาหารกับประเทศไทยนั้นถือว่าเป็นของคู่กันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หลายคนยกย่องให้อาหารไทยเป็นอาหารที่อร่อยที่สุดอันดับต้นๆ ของโลก และได้รับการยอมรับจากนักท่องเที่ยว องค์กรด้านอาหาร รวมถึงกลุ่มผู้นำจากหลากหลายพื้นที่ จนมีหลายเมนูเป็นที่รู้จักระดับโลก ด้วยเหตุนี้เองจะมองว่าอาหารไทยเป็นหนึ่งในซอฟต์พาวเวอร์ที่แข็งแรงที่สุดของประเทศก็ว่าได้ เพราะบางคนอาจจะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าประเทศไทยอยู่มุมไหนของโลก หรือไม่เคยมาประเทศไทยเลย แต่ก็รับรู้เมนูอาหารไทยได้

จึงเป็นมุมมองสำคัญที่ประเทศไทยจะหยิบยกเรื่องอาหารไทยมาเป็นหนึ่งการเดินหน้าเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ โดยที่ผ่านมาก็มีหลายหน่วยงานเดินงานไปบ้างแล้ว เพราะเป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของรัฐบาลแพทองธาร โดยในภาคอุตสาหกรรมเองก็ได้ดำเนินนโยบายภายใต้กลไก OFOS (One Family One Soft Power) หรือ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ สาขาอาหาร ผ่านโครงการพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชน อาหารถิ่นอาหารไทย (Local Chef Restaurant) เน้นการสร้างอาชีพและรายได้ในท้องถิ่นผ่านวัฒนธรรมอาหารถิ่น พัฒนาบุคลากรธุรกิจร้านอาหารและต่อยอดสู่ธุรกิจอื่นๆ แบบมืออาชีพ

โดย ณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีกลไกสำคัญคือ OFOS (One Family One Soft Power) หรือ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งมีเป้าหมาย 14 สาขา เพื่อสร้างแรงงานทักษะสูง และยกระดับศักยภาพแรงงานด้านความสร้างสรรค์ให้สูงขึ้น สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ และสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ดังกล่าวได้สั่งการให้กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือดีพร้อม เร่งดำเนินการตามยุทธศาสตร์การพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ไทย เพื่อขับเคลื่อนและผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) ใน 2 สาขาคือ อาหารและแฟชั่น ผ่านโครงการและแผนงานต่างๆ ให้เกิดเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น อันจะเป็นเครื่องมือสำคัญที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจของประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ด้าน ณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีดีพร้อม กล่าวว่า แนวทางการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์การพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์ไทยสาขาอาหาร หนึ่งในนั้นคือโครงการพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชน อาหารถิ่นอาหารไทย ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่เน้นการสร้างอาชีพและรายได้ในท้องถิ่นผ่านวัฒนธรรมอาหารถิ่น สำหรับดึงดูดนักท่องเที่ยวที่มาท่องเที่ยวเชิงอาหารและวัฒนธรรม ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งเป็นการพัฒนาบุคลากรในการทำธุรกิจร้านอาหาร และพัฒนาต่อยอดสู่ธุรกิจอื่นๆ แบบมืออาชีพ 

รวมถึงพัฒนาขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจร้านอาหารให้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมให้สามารถพึ่งพาตนเอง โดยได้รังสรรค์เมนูอาหารที่พร้อมผลักดันให้เกิดเป็นเมนูอาหารพลังสร้างสรรค์ หรือซอฟต์พาวเวอร์ จำนวน 42 เมนู อาทิ ยำชะครามกุ้งสด แกงรัญจวนปลากะพง จากจังหวัดสมุทรสงคราม ไก่ย่างเขาสวนกวาง แกงคั่วเห็ดเพาะ จากจังหวัดขอนแก่น ผัดหมี่โคราช จากจังหวัดนครราชสีมา และเมี่ยงบัวหลวง จากจังหวัดปทุมธานี ซึ่งโครงการดังกล่าวถือได้ว่าเป็นส่วนสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้องถิ่นให้เติบโตและเข้มแข็ง

ทั้งนี้ ดีพร้อมตั้งเป้าหมายในการพัฒนาร้านอาหารเชฟชุมชน อาหารถิ่นอาหารไทย จำนวน 540 ร้าน 2,160 คน ภายในระยะเวลา 4 ปี โดยในปี 2567 ได้พัฒนาไปแล้วจำนวน 40 ร้าน 160 คน ครอบคลุมพื้นที่ภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และในปี 2568 มีเป้าหมายดำเนินการอย่างต่อเนื่อง จำนวน 100 ร้าน 400 คน ครอบคลุมทั่วประเทศ และคาดว่าจะเกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมูลค่าไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท 

 ซอฟต์พาวเวอร์ไม่ใช่แค่ทำให้ดังอยู่แค่ในประเทศเท่านั้น เป้าหมายที่สำคัญอีกหนึ่งด้านคือเป็นอัตลักษณ์ให้กับประเทศในการสื่อสารและสร้างการรับรู้ให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เกิดเป็นภาพจำและดึงดูดให้มีการเข้ามาเที่ยว ลงทุน หรือใช้สินค้าของไทยที่ส่งออกมากยิ่งขึ้น และการเลือกอาหารเป็นซอฟต์พาวเวอร์นั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสม เพราะจะเข้าถึงผู้คนได้ง่ายและหลากหลายที่สุด.

 

ณัฐวัฒน์ หาญกล้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สูงวัยใช้เน็ตโตพุ่งกว่า3เท่า

เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทอย่างมากในชีวิตของผู้คน เรียกได้ว่าทุกเพศทุกวัยก็ไลฟ์สไตล์ที่มีโลกดิลิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง ก่อนหน้าหลายคนอาจจะมองว่าสูงวัยอาจจะไม่ทันโลก ตามเทรนด์ไม่ทัน

เร่งสปีดSMEไทยด้วยนวัตกรรม

เอสเอ็มอีไทยถือเป็นกำลังสำคัญของระบบเศรษฐกิจประเทศ แต่ในขณะเดียวกันกลับต้องเผชิญความท้าทายรอบด้าน ทั้งต้นทุนที่สูงขึ้น การแข่งขันที่รุนแรง และข้อจำกัดในการเข้าถึงเทคโนโลยีและองค์ความรู้ ซึ่ง กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ

ผนึกพลังพัฒนากำลังคน

ท่ามกลางแรงกดดันจากเศรษฐกิจโลก เทคโนโลยีที่เปลี่ยนเร็ว และการแข่งขันด้านต้นทุนที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ คำถามสำคัญของอุตสาหกรรมไทยไม่ใช่เพียง “จะผลิตอย่างไรให้ได้มากขึ้น” แต่คือ “จะสร้างคนและองค์ความรู้แบบใดให้ยืนระยะในเวทีสากลได้จริง”

ปีใหม่เป้าลดอุบัติเหตุ 5%

ช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน

เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่

ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน

องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน

ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)