จะเอาเงินของใคร...ไทยหรือเทศ

แม้การจะจัดให้มีบ่อนเสรี (Casino) อยู่ในศูนย์บันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ไม่ได้เป็นนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ และรัฐบาลก็ไม่ได้ประกาศเป็นนโยบายเร่งด่วนมาตั้งแต่ต้น แต่เมื่อคุณพ่อผู้ครอบครองนายกรัฐมนตรีแสดงปาฐกถาว่าประเทศไทยจะต้องมี Entertainment Complex ที่มีบ่อนการพนันอยู่ด้วย รัฐบาลก็ขานรับทันที ทำให้เรื่องของการมีบ่อนกลายเป็นวาระต้นๆ ของรัฐบาลที่จะต้องผลักดันให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตามช่วงเวลาที่คุณพ่อเป็นผู้กำหนด

และเพื่อลดแรงต่อต้าน ก็ต้องหาเสื้อคลุมมาปกปิดคำว่าบ่อนให้ดูดีมีคุณค่า เพราะที่ผ่านมา แม้จะคลุมด้วยคำว่า Entertainment Complex ก็ไม่รอด ประชาชนก็ยังต่อต้านเพราะรู้ทันว่าศูนย์บันเทิงที่ว่านั้น จะต้องมีบ่อนการพนันเป็นองค์ประกอบสำคัญ คราวนี้จึงมีคำว่า Man-made Tourism Destination มาเป็นเสื้อคลุมที่ฟังดูแล้วดีมาก เพราะมันสื่อให้เห็นว่าประเทศไทยต้องพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพการท่องเที่ยวเพิ่มเติมด้วยแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มนุษย์สร้างขึ้น

การท่องเที่ยวของไทยแข็งแกร่งและมีเสน่ห์ด้วยทรัพยากรการท่องเที่ยวที่หลากหลาย จนทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศเป้าหมายของการท่องเที่ยว (Tourism Destination) อันดับต้นของโลก แต่หากต้องการจะมีการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพเพิ่มเติมด้วยการสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นบ่อนการพนัน แหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้นมีหลากหลายที่ไม่ใช่อบายมุข ไม่ส่งผลกระทบเชิงลบที่ก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม แม้คนของรัฐบาลพยายามจะพูดว่าบ่อนในแห่งท่องเที่ยวที่มนุษย์จะสร้างขึ้นมานั้น จะกินพื้นที่เพียงร้อยละ 10 ของพื้นที่ทั้งหมด หวังจะใช้ตรรกะที่พิกลพิการนี้หลอกให้คนเชื่อว่า เมื่อบ่อนกินพื้นที่น้อย ก็จะสร้างผลกระทบน้อย ซึ่งมันไม่จริงเลย ธุรกิจใดๆ จะส่งผลกระทบเชิงลบทางสังคมมากน้อยเพียงใด ไม่เกี่ยวกับปริมาณของการกินพื้นที่ แต่อยู่ที่คุณสมบัติและลักษณะของธุรกิจนั้นๆ บ่อนการพนันเป็นอบายมุขที่มอมเมาประชาชน ที่ก่อให้เกิดความเสียหายทางสังคมมากมาย ดังนั้นไม่ว่าบ่อนในแหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่มนุษย์สร้างขึ้นจะกินพื้นที่เท่าไหร่ก็ตาม ประเทศไทยก็ไม่จำเป็นต้องใช้การพนันดึงดูดนักท่องเที่ยว

เมื่อมีคนแสดงความห่วงใยว่าอาจจะมีประชาชนบางคนติดการพนันจนหมดเนื้อหมดตัว ครอบครัวแตกแยก และอาจจะต้องใช้งบประมาณในการเยียวยาคนที่ติดการพนัน คนของรัฐบาลก็ออกมาบอกว่าจะมีมาตรการในการควบคุมคนที่จะเข้าไปเล่นในบ่อน จะมีการกำหนดอายุคนที่จะเข้าบ่อน และจะมีการกำหนดรายได้ของคนที่จะเข้าบ่อน ทีแรกกำหนดว่าจะต้องมีเงินฝากในธนาคาร 50 ล้านบาทขึ้นไป แต่ตอนนี้บอกว่าไม่มีข้อกำหนดดังกล่าวนี้แล้ว ทั้งนี้เพราะมีบัญชีเงินฝากที่เกิน 50 ล้านบาทขึ้นไปเพียงหมื่นเท่านั้น ถ้าหากกำหนดแบบนี้คนที่มีเงินฝากไม่ถึงก็จะไปเล่นการพนันในบ่อนที่ผิดกฎหมาย ทำให้ปราบบ่อนเถื่อนไม่ได้ อ้าว!!!!! ก็ไหนบอกว่าจะสร้างบ่อนเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาเล่นพนันในประเทศไทย ดึงเอาเงินจากต่างชาติมาเป็นรายได้จากการท่องเที่ยวของประเทศไทย แล้วทำไมจะมาห่วงว่าถ้าหากมีเงื่อนไขเรื่องเงินฝาก 50 ล้านบาท คนไทยจะเข้าไปเล่นได้น้อย จึงเปลี่ยนมาเป็นเงื่อนไขว่า ถ้าหากมีการเสียภาษีติดต่อกันมาเป็นเวลา 3 ปี ก็สามารถเข้าไปเล่นได้ทั้งนั้น แบบนี้คงไม่ใช่ตั้งบ่อนเพื่อดึงเงินต่างชาติแล้ว มันน่าจะเป็นการตั้งบ่อนเพื่อมอมเมาคนไทยให้ติดการพนันเสียมากกว่า ทำไมคิดแต่เรื่องจะได้เงิน ทำไมไม่คิดถึงผลกระทบทางสังคมที่เป็นผลเสียบ้างล่ะ

รัฐบาลควรจะเรียนบทเรียนจากอดีต ในสมัยก่อนเราก็เคยมีบ่อนที่สร้างรายได้ให้ประเทศ ในขณะเดียวกัน บ่อนที่สร้างรายได้ให้ประเทศก็ทำให้เกิดปัญหาต่างๆ มากมาย ล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 จึงโปรดเกล้าฯ ให้มีการทยอยยกเลิกบ่อนจากต่างจังหวัดก่อน แล้วจึงยกเลิกในพระนคร และการยกเลิกหมดสิ้นในรัชสมัยของล้นเกล้ารัชกาลที่ 6 แล้วประเทศไทยเราก็มีกฎหมายว่าด้วยเรื่องการพนันมาจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าจะมีความพยายามฟื้นเอาการพนันมาสร้างรายได้ให้ประเทศโดยรัฐบาลของคณะราษฎร์ แต่สุดท้ายก็ต้องปิดไป เพราะประชาชนติดการพนันจนเกิดเป็นปัญหาทางสังคม ถ้าหากรัฐบาลรู้จักเรียนรู้ผลกระทบทางสังคมที่เคยเกิดขึ้นในอดีต รัฐบาลก็ไม่ควรดำริที่จะให้มีบ่อนที่ถูกกฎหมายขึ้นมาในประเทศไทย นอกเหนือจากการจะตั้งบ่อนแล้ว รัฐบาลนี้ยังดำริที่จะให้การพนันออนไลน์ในรูปแบบต่างๆ เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายอีกด้วย ไม่รู้ว่าทำไมถึงจะต้องเอาอบายมุขมามอมเมาประชาชนขนาดนี้

หลายประเทศที่เขามีบ่อนการพนันเพื่อดูดเงินจากนักท่องเที่ยวอย่างแท้จริงนั้น เขาจะมีกำหนดชัดเจนว่าเขาไม่ให้คนของเขาเข้าบ่อน คนที่จะเข้าบ่อนได้จะต้องเป็นคนต่างชาติเท่านั้น บางประเทศอาจจะอนุญาตให้คนของตนเข้าบ่อนได้ แต่ก็ต้องมีการกำหนดรายได้ขั้นต่ำที่มากโขจึงจะเข้าได้ หรือไม่เช่นนั้น ก็ต้องเก็บค่าเข้าบ่อนในระดับสูง เพื่อให้มีเพียงเศรษฐีตัวจริงเท่านั้นที่จะเข้าไปเล่นพนันในบ่อนได้ สำหรับประเทศไทยนั้น หากจะมีการกำหนดมาตรการใดๆ ประชาชนก็ยังไม่ไว้ใจเจ้าหน้าที่ว่าจะปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดและจริงจัง เพราะทุกวันนี้ เราก็ยังมีซ่อง มีบ่อน มีการค้ายาเสพติด มีเด็กที่อายุไม่ถึงเข้าผับเข้าเธคได้ ถ้าหากเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ประชาชนไม่เชื่อว่ามาตรการต่างๆ จะสามารถควบคุมการเข้าบ่อนของคนที่ไม่สมควรจะเข้าได้ เหมือนกับเวลานี้ที่เราปราบบ่อน ปราบซ่อง ปราบยาบ้าไม่ได้

ความพยายามในระดับดันทุรังแบบนี้ และมีข่าวว่าจะมีการสร้างบ่อนมากถึง 8 หรือ 10 แห่งในประเทศไทย ถ้าหากจะมีประชาชนเคลือบแคลงระแวงสงสัยการให้ใบอนุญาตแก่เอกชนในการเปิดบ่อน จะไปโทษว่าประชาชนมีอคติไม่ได้นะ ความเคลือบแคลงที่เกิดขึ้นมาจากการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ว่าด้วยการกระทำของนักการเมืองในอดีตที่ไม่มีความโปร่งใสหลายๆ เรื่อง และพวกเขาก็คิดว่านักการเมืองที่ขี้โกงบางคน ยังไงก็คงไม่เปลี่ยนนิสัย พวกเขาก็ยังเป็นคนโคตรโกงหรือเป็นพวกโกงทั้งโคตรต่อไป เชื่อว่าเรื่องนี้ ประชาชนจำนวนมากคงไม่ปล่อยให้รัฐบาลสร้างบ่อนได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นการดูเงินไทยหรือเงินเทศ ประชาชนคนไทยไม่เอาบ่อนค่ะ.


เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความจริงเทียมทำร้ายสังคม

การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)

น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'

ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้

เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'

ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569

ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว

เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน

ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์

แด่..อาจารย์'สุธี ประศาสน์เศรษฐ'

หลังออกจากห้อง ไอซียู เมื่อเกือบ 2-3 ปีที่แล้ว...หนึ่งในผู้ที่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ให้สู้ๆ เข้าไว้ ก็คือ ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ ผู้ที่แนะนำตัวเองด้วยสำเนียงติดตลกมาทางโทรศัพท์