
ปี 2568 เศรษฐกิจไทยยังเติบโตภายใต้ปัจจัยท้าทายทั้งในและนอกประเทศ ซึ่งหลายปัจจัยกดดันการเติบโตของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ “เอสเอ็มอี” ที่การเติบโตถูกกดดันมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ที่ผ่านมาอาจได้เห็นภาพผู้ประกอบการขนาดเล็ก โดยเฉพาะกลุ่มเอสเอ็มอี บาดเจ็บล้มตายไปพอสมควร ส่วนหนึ่งสะท้อนจากสถานการณ์หนี้ในกลุ่มเอสเอ็มอีที่ยังเป็นประเด็นน่าจับตามอง
ทั้งนี้ ธนาคารโลก (World Bank) ได้ออกมาประเมินแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปี 2568 อยู่ที่ 2.9% ด้วยปัจจัยหนุนจากการฟื้นตัวของการลงทุนที่เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
ซึ่งมาจากการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณและการดำเนินโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันการท่องเที่ยวและการบริโภคภาคเอกชนยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจ แม้ว่าจะมีแนวโน้มชะลอตัวลงบ้างก็ตาม โดยคาดว่าการท่องเที่ยวจะกลับเข้าสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 ได้ภายในกลางปี 2568 ส่วนการบริโภคภาคเอกชนจะได้รับแรงกระตุ้นจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะโครงการเงินอุดหนุน (ดิจิทัลวอลเล็ต)
ขณะที่ปี 2569 World Bank คาดว่าเศรษฐกิจไทยจะชะลอตัวลงเล็กน้อย โดยมีอัตราการขยายตัวอยู่ที่ราว 2.7% และคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเติบโตแตะระดับศักยภาพได้ภายในปี 2571
ทั้งนี้ World Bank ชี้ว่า การปรับโครงสร้างด้านความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจ ถือเป็นกุญแจสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ซึ่งคาดการณ์นี้ชี้ว่า หากรัฐบาลไม่มีการปฏิรูปนโยบายอย่างเร่งด่วน อัตราการเติบโตของประเทศจะชะลอลงอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าอัตราการเติบโตมีศักยภาพจะลดลงประมาณ 0.5% จากค่าเฉลี่ยที่ 3.2% ในช่วงปี 2554-2564 เหลือเพียง 2.7% ในช่วงปี 2565-2573 ด้วยอัตราการเติบโตในระดับนี้ ประเทศไทยอาจไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย “การเป็นประเทศที่มีรายได้สูง ภายในปี 2580 ได้”
ดังนั้น การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจึงเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้ประเทศไทย สามารถดึงดูดการลงทุนและยกระดับเข้าสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลกที่เน้นนวัตกรรมและผลิตผลมากขึ้น โดย World Bank มีข้อเสนอแนะ ได้แก่ เพิ่มการแข่งขันในตลาดภายในประเทศ ผ่านการดำเนินนโยบายที่ช่วยลดอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะในภาคบริการ ปรับปรุงกรอบการกำกับดูแล และเพิ่มความยืดหยุ่นของตลาดแรงงาน รวมถึง สนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เพื่อเพิ่มผลิตภาพการผลิต
โดยบทบาทของนวัตกรรมท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลง จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้แก่เอสเอ็มอี และสตาร์ทอัป เพราะการที่ประเทศไทยจะบรรลุเป้าหมายด้านรายได้และยกระดับมาตรฐานการครองชีพได้นั้น จำเป็นต้องสร้างความร่วมมือในการเพิ่มผลิตภาพของภาคเอกชน โดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอี ด้วยการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้มากขึ้น เพราะการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีเกิดขึ้นเร็วขึ้นเรื่อยๆ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงที่ช่องว่างทางเทคโนโลยีระหว่างประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาจะกว้างขึ้น รวมถึงเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศยังเป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญสำหรับธุรกิจในประเทศไทย การปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายนี้จำเป็นต้องอาศัยเทคนิคการผลิตที่สะอาดและยั่งยืนมากขึ้น ดังนั้นธุรกิจต่างๆ ของไทยจำเป็นต้องปรับตัวให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงต่อการถูกตัดออกจากห่วงโซ่มูลค่าโลก
World Bank มองว่า การดำเนินมาตรการเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป แม้จะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ถือเป็นโอกาสที่ประเทศไทยจำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์ บริการ และวิธีการดำเนินงานใหม่ๆ ที่ไม่เพียงแต่ช่วยรับมือกับผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเท่านั้น แต่ยังต้องตอบสนองต่อความต้องการทั้งในปัจจุบันและอนาคต เช่น การดูแลประชากรสูงอายุ การให้บริการสุขภาพ การศึกษา โลจิสติกส์และการเดินทาง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันจำนวนผู้ประกอบการเอสเอ็มอีของไทยที่ลงทุนในนวัตกรรมและการยกระดับเทคโนโลยียังมีไม่เพียงพอ ขณะเดียวกันจำนวนผู้ประกอบการที่พยายามบุกเบิกตลาดยังคงมีน้อย โดยเฉพาะในภาคดิจิทัล ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการเพิ่มผลิตภาพและขับเคลื่อนนวัตกรรม.
ครองขวัญ รอดหมวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่
ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน
องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)
แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส
‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม
ดันไทย-ญี่ปุ่นปักธงอุตสาหกรรม
ในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถของประเทศในการปรับตัวและสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นมูลค่าสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด
ถอดบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้
จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ส่งผลให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งวางมาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน ทั้งการฟื้นฟูถนน–สะพานที่ถูกตัดขาด การขุดลอกคูคลอง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

