
การอภิปรายไม่ไว้วางใจจบลงไปแล้ว การลงคะแนนไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจก็จบไปแล้ว หลายท่านบอกว่าผิดหวังกับการอภิปรายครั้งนี้ หลายท่านก็ร่ายยาวว่าผิดหวังกับนายกรัฐมนตรีบ้าง ผิดหวังกับหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านบ้าง ผิดหวังกับ สส.พรรครัฐบาลบ้าง ผิดหวังกับ สส.พรรคฝ่ายค้านบ้าง อันที่จริงก็ไม่เห็นจะต้องผิดหวังอะไรเลย เพราะการอภิปรายครั้งนี้เมื่อพิจารณารายละเอียดแล้ว เราก็ไม่น่าจะหวังอะไรได้ทั้งสิ้น
เราไม่ควรจะหวังอะไรกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านในครั้งนี้ อย่าหวังว่าพวกเขาจะอภิปรายจนทำให้นายกรัฐมนตรีเสียหายได้ อย่าหวังว่าพวกเขาจะสามารถทำอะไรรัฐบาลได้ ด้วยเหตุผลหลายประการ
- ถ้าหากเขาคิดจะเป็นฝ่ายค้านที่มีคุณภาพในการทำหน้าที่ เขาน่าจะขยับคัดค้าน ทักท้วงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของรัฐบาลตั้งหลายเรื่อง แต่พวกเขาก็ไม่ทำอะไรเลย พวกเขาไม่เคยตั้งกระทู้ให้นายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ มาตอบกระทู้ นายกรัฐมนตรีไม่เข้าสภา ไม่มาชี้แจงบางเรื่อง พวกเขาก็ไม่เคยคิดที่จะกดดันอย่างจริงจัง
- หลายคนคงจำได้ดีว่านายใหญ่ของพรรครัฐบาลและผู้นำจิตวิญญาณของพรรคฝ่ายค้าน เขาเคยเจอกันที่ฮ่องกง เขาคุยอะไรยังไงกันบ้างเราก็ไม่อาจจะรู้ได้ แม้เขาจะบอกว่าเขาคุยกันเรื่องเลี้ยงลูกเลี้ยงหลาน ใครเชื่อบ้าง ในการยื่นอภิปรายครั้งนี้ นายใหญ่ยังถามพรรคฝ่ายค้านเลยว่า “ถามเจ้าของพรรคตัวจริงแล้วยัง” พูดแบบนี้แล้ว เราจะหวังอะไรกับการอภิปรายครั้งนี้ เราก็อดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่า เขาเป็นพรรคฝ่ายค้าน หรือเป็นพรรครอเสียบ การพูดคุยระหว่างนายใหญ่และผู้นำทางจิตวิญญาณเขาคุยอะไรกัน
- เรามองไม่เห็นขุนพลระดับดาวสภาของพรรคฝ่ายค้าน เราเคยเห็นแต่การใช้วาทกรรมที่ฟังดูสวยหรูหาแก่นสารไม่ได้ รวมทั้งบางครั้งก็ยังมีข้อมูลเท็จ ข้อกล่าวหาผิดที่ ดังนั้นเราจึงไม่ควรหวังว่าจะมี สส.พรรคฝ่ายค้านที่จะสามารถอภิปรายแบบที่สามารถทำให้รัฐบาลเกิดความเสียหาย จนถึงขนาดอยู่ต่อไปไม่ได้
- เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ถ้าหากเราจะมองว่าการอภิปรายครั้งนี้มันก็แค่ปาหี่ทางการเมืองเท่านั้น
สำหรับนายกรัฐมนตรี ท่านก็ไม่ควรจะหวังว่าเธอจะสามารถชี้แจงอะไรได้ เพราะที่ผ่านมาเธอไม่ได้แสดงความสามารถอะไรเลยที่จะทำให้เราหวังว่าเธอจะชี้แจงได้อย่างชาญฉลาด ฉะฉาน ตรงประเด็น ตลอดระยะที่เธอดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เราก็เห็นภาพเธออ่านโพยจาก iPad จนชินตา ขนาดอ่านจากโพยเธอยังอ่านผิด ทุกครั้งที่เธอโดนคำถามสดนอกโพย เราก็เห็นแล้วว่าเธอไม่สามารถตอบคำถามแบบนั้นได้ เธอมักจะพูดว่า “เรื่องนี้ต้องคุยกัน” หรือไม่เธอก็จะบอกว่า “เรื่องนี้ ถามรัฐมนตรี...ดีกว่าไหมคะ” หรือบางครั้งเธอก็จะไม่พูดอะไรเลย ได้แต่ยิ้ม แล้วเดินหนีนักข่าวไป เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ท่านจะหวังอะไรจากการชี้แจงของนายกฯ คนนี้ ที่เราได้เห็นคือ
- การอ่านโพยตอบ ถ้าหากเธอโชคดี เก็งข้อสอบถูกต้อง มีคนเตรียมโพยให้
- เมื่อเจอคำถามที่ไม่มีโพย เธอก็พูดจาเรื่อยเปื่อยไปแบบไม่รู้เรื่อง
- หลายอย่างเธอตอบแบบทำให้เราเห็นว่าตรรกะของเธอใช้ไม่ได้จริงไหม
- หลายอย่างที่เธอตอบนั้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเธออับปัญญา ไม่รู้เรื่องที่ถูกถามเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ หรือเรื่องการแก้ปัญหาต่างๆ
- เธอมีท่าทียียวน หยิ่งยโสอวดดี ไม่สนใจว่าใครจะพูดจะจาจะว่าอะไรเธอ
- เธอแสดงอาการของคนไม่มีมารยาทหลายเรื่อง แสดงให้เห็นความไม่มีวุฒิภาวะ
- สรุป สิ่งที่เราได้เห็นก็คือ ที่เราคิดว่าเธอไม่รู้ ไม่ฉลาด ไม่สามารถ ไม่เหมาะสมกับการดำรงตำแหน่งนั้น มันเป็นความจริงที่ทำให้เราไม่ควรจะคาดหวังอะไรจากเธอ
สำหรับ สส.ฝั่งรัฐบาล เราก็ไม่ควรจะคาดหวังอะไร เพราะที่ผ่านมาพวกเขาทำหน้าที่เป็นนายแบกบ้าง เป็นองครักษ์บ้าง เป็นพรายกระซิบบ้าง เป็น Wall paper บ้าง โดยการกระทำของพวกเขานั้นเป็นการอวยคุณหนูแบบไม่ลืมหูลืมตา พูดจาเยินยอคุณหนูแบบสวนทางกับความเป็นจริง โดยไม่รู้สึกละอายอะไรทั้งนั้น หากจะมีใครกล่าวหาว่าเขา “สอพลอตอแหล” ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะกล้าเถียงหรือไม่ ดังนั้นเราอย่าได้หวังว่าพวกเขาจะนั่งฟังข้อกล่าวหาของฝ่ายค้านด้วยความตั้งใจ หรือฟังคำชี้แจงของนายกรัฐมนตรี แล้วพิจารณาว่าจะสนับสนุนนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ดังนั้นเราก็ไม่ควรจะหวังอะไรจากคนพวกนี้เลย
- พวกเขาก็คงทำหน้าที่หาข้อมูลป้อนให้คุณหนูใช้เป็นโพยในการตอบ
- พวกเขาก็คงจะตั้งหน้าตั้งตาประท้วงเมื่อเขาเห็นว่าข้อกล่าวหาหนักหน่วงเกินกว่าที่คุณหนูจะสามารถชี้แจงได้
- เราก็คงจะได้เห็นการเล่นสำบัดสำนวนเสียดสี ประชดประชันกันไปมา จนทำให้การอภิปรายติดๆ ขัดๆ ไม่สามารถเดินหน้าได้อย่างราบรื่น
สส.ฝ่ายค้านก็คงจะไม่แตกต่างกัน เพราะ สส.กลุ่มนี้เป็นนักประดิษฐ์วาทกรรมอยู่แล้ว ดังนั้นเราจึงไม่อาจจะหวังการอภิปรายที่มีคุณภาพ สิ่งที่เราจะได้เห็นก็คือ
- วาทกรรมที่สวยหรูแต่ไร้แก่นสารเสียมากกว่า
- การกล่าวหาที่อาจจะไม่มีน้ำหนักเพียงพอที่จะเล่นงานนายกรัฐมนตรีได้
- การพูดจานอกเรื่อง (และก็เป็นจริงดังว่า เพราะพวกเขาแทนที่จะอภิปรายนายกรัฐมนตรี และคนในครอบครัวตามญัตติที่ยื่นไป เขากลับอภิปรายอดีตนายกรัฐมนตรีลุงตู่
- การประท้วงของพวกเขาก็คงไม่แตกต่าง หรือไม่น้อยหน้า สส.ฝ่ายรัฐบาลแน่นอน
ทั้งหมดนี้ มันบอกกับเราว่าอย่าหวังอะไรกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ จะได้ไม่ต้องผิดหวัง เพราะพวกเขาที่เป็นผู้ทรงเกียรติในสภา ไม่มีอะไรให้เราหวังได้อยู่แล้ว ตั้งแต่ที่พวกเขายกมือสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนี้ ดังนั้นการอภิปรายในครั้งนี้ประชาชนคงไม่ได้อะไรที่มีคุณค่าเท่าใดนัก สิ่งที่น่าสนใจมากกว่าก็คือ การลงคะแนนไว้ใจหรือไม่ไว้ใจนายกรัฐมนตรี และเมื่อเราเห็นผลการลงคะแนนออกมา เราก็ไม่ต้องผิดหวัง เพราะเรารู้อยู่ตั้งแต่ก่อนที่จะมีการอภิปรายแล้ว สิ่งที่เราอาจจะรู้สึกคือ ความสมเพชเวทนา คนที่มีสมอง มีวิจารณญาณที่ดี แต่จำใจต้องยกมือไว้วางใจนายกรัฐมนตรี โดยไม่ได้สามารถจะทำตามความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองได้ เมื่อฉากทัศน์การเมืองของประเทศไทยเป็นเช่นนี้แล้ว เราจะจัดให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจไปทำไม ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยในการติดตามชมการอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ความจริงเทียมทำร้ายสังคม
การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)
น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'
ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้
เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'
ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569
ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว
เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน
ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์
แด่..อาจารย์'สุธี ประศาสน์เศรษฐ'
หลังออกจากห้อง ไอซียู เมื่อเกือบ 2-3 ปีที่แล้ว...หนึ่งในผู้ที่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ให้สู้ๆ เข้าไว้ ก็คือ ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ ผู้ที่แนะนำตัวเองด้วยสำเนียงติดตลกมาทางโทรศัพท์


