จะกี่กลุ่มค้าน...รัฐบาลไม่สนใจ

เห็นดีเห็นงามที่จะให้ประเทศไทยมี Casino ที่ถูกกฎหมาย หลายคนจึงตั้งข้อสงสัยว่าพรรคอนุรักษนิยมอย่างพรรคภูมิใจไทย พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคชาติไทยพัฒนา เห็นด้วยกับพระราชบัญญัติฉบับนี้ด้วยใช่ไหม และพรรคที่คนอยากรู้มากที่สุดก็คือ พรรคประชาชาติที่ สส.ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม ก็เห็นด้วยกับพระราชบัญญัติดังกล่าวด้วยหรือไม่

ความพยายามที่จะเร่งรัดให้พระราชบัญญัตินี้ผ่านสภา ทีแรกมีการกำหนดว่าจะนำเข้าสู่สภาในวันที่ 9 เมษายน ต่อมาท่านประธานสภาฯ ซึ่งเป็นมุสลิมให้ข่าวว่าจะมีการเลื่อนเอาพระราชบัญญัติดังกล่าวนี้บรรจุเป็นวาระในวันที่ 3 เมษายน แต่ต่อมาก็มีการประกาศว่าจะเลื่อนไปวันที่ 9 เมษายนดังเดิม ที่เป็นเช่นนี้ ไม่รู้เป็นเพราะว่ามีประชาชนจำนวนมากออกมาชุมนุมประกาศไม่เอา Casino หน้ารัฐสภาในวันนั้นหรือไม่ อันที่จริงแล้ว เรื่องการนำเอาพระราชบัญญัติ Entertainment Complex บรรจุเป็นวาระในการประชุมสภานั้น ท่านประธานสภาฯ ที่เป็นมุสลิม ท่านไม่น่าจะทำเอง ท่านน่าจะมอบหมายให้รองประธานสภาฯ คนใดคนหนึ่งที่ไม่ได้เป็นมุสลิมเป็นผู้ดำเนินการน่าจะดูดีกว่า เพราะไม่ได้มีกฎหมายกำหนดไว้ว่าการบรรจุวาระการประชุมสภานั้นจะต้องทำโดยประธานสภาฯ คนเดียวเท่านั้น รองประธานสภาฯ ไม่สามารถทำหน้าที่แทนได้

อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่รัฐบาลประกาศที่จะออกพระราชบัญญัติ Entertainment Complex ที่จะต้องมี Casino อยู่ด้วยนั้น ประชาชนส่วนมากก็มองออกแล้วว่าเป็นการออกกฎหมายเพื่อให้เปิดบ่อนการพนันเสรีอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพราะธุรกิจอื่นๆ ที่จะอยู่ในพื้นที่ Entertainment Complex นั้น หากมีผู้ประกอบการรายใดต้องการจะทำ ก็สามารถทำได้ภายใต้กฎหมายฉบับอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ร้านอาหาร ศูนย์การค้า สวนสนุก โรงหนัง โรงละคร สนามกีฬา สระว่ายน้ำ หรือแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ที่มนุษย์จะสร้างขึ้นมาเพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ที่ส่วนใหญ่มาเที่ยวประเทศไทยด้วยเหตุผลอื่นๆ ที่เป็นเสน่ห์ของประเทศไทย โดยไม่ได้สนใจหรือตั้งใจที่จะมาเล่นการพนัน ดังนั้น การออกพระราชบัญญัตินี้จึงเป็นความตั้งใจของพรรคเพื่อไทยที่ต้องการให้สามารถเปิดบ่อนการพนันได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย เมื่อประชาชนส่วนใหญ่มองเจตนาของพรรคเพื่อไทยออกอย่างชัดเจนเช่นนี้ พวกเขาจึงออกมาต่อต้านการตั้ง Casino ใน Entertainment Complex กันหลายกลุ่มหลายคณะ ด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน มีทั้งการออกหนังสือเป็นจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาล การยื่นหนังสือให้แก่รัฐบาล การโพสต์ข้อความใน Social Media และการลงถนนกันเป็นจำนวนมาก

การต่อต้านคัดค้านในครั้งนี้มีหลายกลุ่ม มีทั้งองค์กรศาสนา พุธ คริสต์ อิสลาม ทั้งนักวิชาการ โดยเฉพาะคณาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ คุณหมอระดับอาจารย์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประชาชนนักเคลื่อนไหวทางการเมือง Digital Influencers ที่เป็นมือ Keyboard ใน Social media นอกจากจะมีหลายกลุ่มหลายพวกแล้ว พวกท่านเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีต้นทุนทางสังคมสูง เป็นคนที่น่าเชื่อถือ และเป็นผู้ที่มีภาพลักษณ์ชื่อเสียงเป็นคนดีที่รักชาติ มีบทบาทหน้าที่ในการพัฒนาประเทศชาติและปกป้องประเทศชาติในรูปแบบต่างๆ ทั้งในอดีตและปัจจุบัน นอกจากพวกท่านทั้งหลายเหล่านั้นจะเป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือแล้ว ในการเขียนหนังสือ หรือการพูดจาอะไร ก็เป็นเหตุเป็นผล มีเนื้อหาสาระที่หนักแน่นน่าเชื่อถือ แบบชนิดเถียงไม่ขึ้น ถ้าหากรัฐบาลจะดันทุรังให้สภาผู้แทนฯ ผ่านพระราชบัญญัตินี้ให้ได้ ก็เท่ากับทำหน้าซื่อตาใส ไม่ยอมรับรู้เสียงคัดค้านใดๆ

เหตุผลที่สำคัญในการคัดค้านมีทั้งด้านการเมือง ด้านเศรษฐกิจ ด้านการท่องเที่ยว ด้านอาชญากรรม และด้านผลกระทบทางสังคม ทุกประเด็นล้วนเป็นความจริง และมีเหตุผลสนับสนุนอย่างหนักแน่น

• เรื่องนี้ไม่ได้เป็นนโยบายในการหาเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นพรรคแกนนำอย่างพรรคเพื่อไทย หรือพรรคร่วมอื่นๆ เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังที่นายใหญ่ สทร.แสดงปาฐกถา แสดงวิสัยทัศน์ประเทศไทยที่ Nation จึงทำให้เชื่อได้ว่าเป็นการทำตามใบสั่งของนายใหญ่ที่อาจจะมีวาระซ่อนเร้น
• ทางด้านเศรษฐศาสตร์จะเป็นการได้ไม่คุ้มเสีย รายได้ที่เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวที่เข้ามาเล่นการพนัน และภาษีที่เก็บได้เพิ่มขึ้น จะไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายในการแก้ปัญหาอาชญากรรมและปัญหาสังคม
• สำหรับด้านการท่องเที่ยว ประเทศไทยมีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวดีมากอยู่แล้ว ด้วยทรัพยากรการท่องเที่ยวอื่นๆ ที่ไม่จำเป็นต้องเป็นอบายมุขที่จะสร้างปัญหาให้ประเทศ และถ้าหากจะเพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น ก็มีสิ่งอื่นๆ อีกมากมายที่ไม่จำเป็นต้องเป็นบ่อนพนันที่เป็นอบายมุข
• การมีบ่อนการพนันที่ถูกกฎหมายจะก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม ทั้งเรื่องการทวงหนี้โหด เรื่องการค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ และการฟอกเงินของคนโกงทั้งนักการเมือง ข้าราชการ และเอกชน
• ทางด้านสังคม จะมีคนที่เสียการพนันจนหมดเนื้อหมดตัว ครอบครัวจะแตกแยก จะมีการฆ่าตัวตาย จะมีคนติดพนันถึงขั้นเป็นผู้ป่วยทางจิต ต้องใช้เงินในการเยียวยา

เสียงคัดค้านเหล่านี้ดังกระหึ่มอยู่ในสื่อทั้ง offline และ online แต่เสียงอึงมี่เหล่านี้ ดูเหมือนพรรคเพื่อไทยไม่นำพา จะต้องผลักดันเอาให้ได้ แล้วจะไม่ให้ประชาชนสงสัยว่านายใหญ่ที่เป็นผู้บัญชาให้ผ่านพระราชบัญญัตินี้มีวาระซ่อนเร้นที่เป็นผลประโยชน์ส่วนตนได้อย่างไร ถ้าหากคิดว่าตัวเองใหญ่ค้ำฟ้า และดูแคลนพลังประชาชน ก็ลองดูก็แล้วกัน อย่าคิดว่ามีคนลงถนนไม่มากจะทำอะไรรัฐบาลที่ทำลายประเทศไม่ได้ Save Thailand กันนะคะ.