ขับรถเร็วแชมป์อุบัติเหตุ

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นช่วงเวลาที่มีประชาชนจำนวนมากใช้รถใช้ถนนในการเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ทำให้มีปริมาณการจราจรหนาแน่นในเส้นทาง กระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงในฐานะผู้รับผิดชอบกำกับดูแลทางหลวง พร้อมดูแลอำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับประชาชนผู้ใช้เส้นทาง ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมด้านการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยช่วงเทศกาลสงกรานต์ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย. รวมทั้งสิ้น 7 วัน โดยได้ตั้งจุดบริการจำนวน 423 แห่งทั่วประเทศ

ล่าสุด ชาครีย์ บำรุงวงศ์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการความปลอดภัยคมนาคม ได้เปิดเผยถึงผลการปฏิบัติงานป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2568 วันที่ 5 ของช่วงควบคุมเข้มข้น โดยศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2568 ว่า รัฐบาลได้ดำเนินการรณรงค์ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2568 ภายใต้ชื่อ “ขับขี่ปลอดภัย เมืองไทยไร้อุบัติเหตุ”

จากข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ.2568 โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนน ประจำวันที่ 15 เมษายน 2568 พบว่าเกิดอุบัติเหตุ 214 ครั้ง ผู้บาดเจ็บ 209 คน ผู้เสียชีวิต 27 ราย สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ขับรถเร็ว ร้อยละ 36.92 ดื่มแล้วขับ 31.31 และทัศนวิสัยไม่ดี ร้อยละ 20.09

ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 85.32 ส่วนใหญ่เกิดบนเส้นทางตรง ร้อยละ 87.38 ถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 36.45 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 33.18 ถนนกรมทางหลวงชนบท ร้อยละ 14.95 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เวลา 18.01-21.00 น. ร้อยละ 22.90 เวลา 15.01-18.00 น. ร้อยละ 20.56 และเวลา 00.01-03.00 น. ร้อยละ 13.55 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 20-29 ปี ร้อยละ 20.34 จัดตั้งจุดตรวจหลัก 1,764 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 51,039 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ (10 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ (13 คน)

ขณะที่ จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ พิษณุโลก (3 ราย) โดยสรุปอุบัติเหตุทางถนนสะสมในช่วง 5 วันของการรณรงค์ (11 เมษายน-15 เมษายน 2568) เกิดอุบัติเหตุรวม 1,216 ครั้ง ผู้บาดเจ็บรวม 1,208 คน ผู้เสียชีวิต รวม 171 ราย จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิต (ตายเป็นศูนย์) มี 21 จังหวัด จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ พัทลุง (44 ครั้ง) จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสะสมสูงสุด ได้แก่ ลำปาง (47 คน) จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร (15 ราย)

นอกจากนี้ยังพบว่าช่วง เทศกาลสงกรานต์ในปีนี้ ประชาชนมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางมาใช้การขนส่งสาธารณะมากขึ้น โดยประชาชนเดินทางด้วยรถโดยสารสาธารณะเพิ่มขึ้น ร้อยละ 7 ขณะที่มีการเดินทางโดยระบบรางและทางอากาศเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 30 และได้เพิ่มจำนวนเที่ยวการเดินทางทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นทางถนน ทางราง และทางอากาศ ควบคู่ไปกับการดูแลความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชนตลอดการเดินทาง

ขณะเดียวกันได้มีการตรวจคุมเข้มความปลอดภัยได้มีการตั้งจุดเช็ก Point ทั่วประเทศ โดยดำเนินการตรวจสอบยานพาหนะ ทั้งรถโดยสารสาธารณะ รถไฟ เรือ และตรวจสอบผู้ขับขี่และพนักงานให้บริการ ต้องไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่กินยาที่มีฤทธิ์กดประสาท ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอุบัติเหตุจากการหลับใน ซึ่งทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมีความมุ่งมั่นในการดำเนินการตามมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนน เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางของประชาชน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงคมนาคมได้อำนวยความสะดวกการเดินทางกลับของประชาชนในด้านต่างๆ อาทิ การเพิ่มจำนวนรถโดยสารสาธารณะ และการเพิ่มตู้โดยสารไปกับขบวนรถไฟ โดยได้เน้นย้ำหน่วยงานในสังกัดตรวจความพร้อมของการให้บริการในระบบขนส่งสาธารณะ ทั้งตรวจสอบสภาพรถให้มีความพร้อมในการเดินทาง และความพร้อมของผู้ขับขี่รถโดยสารอย่างเข้มงวด

สำหรับประชาชนที่ยังมีเวลาพักผ่อนก็ไม่ต้องกังวล เนื่องจากกระทรวงคมนาคมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เตรียมความพร้อมรถสาธารณะเพื่อรองรับการเดินทางกลับกรุงเทพมหานครของประชาชนได้อย่างเพียงพอ ขอให้ประชาชนมั่นใจ รวมถึงความพร้อมเรื่องการอำนวยความสะดวกในการเดินทางและความปลอดภัยให้สามารถเดินทางกลับมากรุงเทพฯ และจุดหมายปลายทางด้วยความปลอดภัย.

 

กัลยา ยืนยง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

รู้และเข้าใจบริบทพลังงาน

สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง (สกนช.) พันธกิจสำคัญคือการรักษาเสถียรภาพราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และป้องกันแก้ไขภาวะการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิง โดยมีเครื่องมือสำคัญอย่างกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่ง สกนช.ต้องบริหารอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส

หมัดเด็ดมัดใจบนแพลตฟอร์มFood Delivery

แม้ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตลาดธุรกิจ Food Delivery ของประเทศไทยมีการเติบโตแบบก้าวกระโดด โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด-19 แต่หลังจากการแข่งขันทางธุรกิจที่เข้มข้น ในวันนี้เหลือผู้เล่นเพียงไม่กี่รายที่ยังครองตลาดบนแพลตฟอร์ม Food Delivery

“พิษภาษี”บทเรียนสวมสิทธิถิ่นกำเนิด!?!?

ยังคงเดินเกมภาษีอย่างต่อเนื่อง สำหรับ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่เมื่อช่วงปลายเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐได้ประกาศแผนการที่จะเรียกเก็บภาษีในอัตราที่สูงสุดถึง 3,521%

Claw Back เงินก้นถุง

เมื่อวันที่ 30 เม.ย.68 คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. มีมติเห็นชอบปรับลดอัตราค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค.2568 เหลือ 3.98 บาทต่อหน่วย จากมติ กกพ.วันที่ 26 มี.ค.68

สั่งสแกนสะพานทั่วไทย

ล่าสุดเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 จากกรณีเหตุก้อนปูนตกใส่รถกระบะของประชาชนที่กำลังสัญจรอยู่บนถนนพระราม 2 ที่ กม.27+700 ฝั่งขาออกกรุงเทพมหานคร (กทม.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย (เป็นผู้ขับขี่)

‘สมรสเท่าเทียม’โอกาสอัปจีดีพีไทย

วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) ได้เผยผลวิจัยที่น่าสนใจในหัวข้อ “Love Wins Marketing: ถอดรหัสการตลาดหลัง พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม” โดยเป็นการเจาะอินไซต์พฤติกรรมกลุ่ม LGBTQIA+ ซึ่งมีมากกว่า 5.9 ล้านคน คิดเป็น 9% ของประชากรไทยกันเลย นับว่าเป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่จะเป็นขุมทรัพย์ทางเศรษฐกิจใหม่ที่พร้อมจ่ายหนัก-จ่ายจริง ตั้งแต่เวดดิ้งสุดหรู ท่องเที่ยวสุดพรีเมียม หรือแม้แต่การจ่ายเพื่อการมีบุตรจำนวนมาก