
มีคนบางคนเขาพูดว่า ที่ประเทศไทยเป็นเช่นนี้เพราะมีคนจำนวนหนึ่ง (จำนวนมากเสียด้วย) ที่หลงรัก หลงชื่นชม หลงยกย่องคนที่ทำเรื่องที่เลวร้าย ทำผิดกฎหมายหลายเรื่อง ไม่ว่าคนที่ทำไม่ดีคนนั้นจะทำผิดอะไร โดนคดีอะไร พวกเขาก็ยังรักยังหลง และมองว่าคนที่เขารักนั้น โดนกลั่นแกล้ง โดนยัดเยียดข้อหา พวกเขามองคนที่ทำไม่ดีที่เขารักว่าเป็นคนดี เป็นคนเก่งไร้เทียมทานแบบที่ว่าในประเทศไทยหาคนเก่งกว่านี้ไม่มีแล้ว แม้ว่าเวลานี้คนที่ทำไม่ดีที่พวกเขาหลงรักกำลังเผชิญชะตากรรมที่อาจจะต้องกลับเข้าคุก หรืออาจเป็นเหตุให้คนอื่นติดคุก คนที่รัก คนที่หลง
ก็ไม่เคยคิดที่จะมองว่าคนที่เขารักนั้นทำผิดอะไร ทำไม่ดีอะไร คนอะไรหนอ เกิดมามีบุญหนักศักดิ์ใหญ่จริงๆ ถึงร้ายแค่ไหนก็ยังมีคนรัก และจำนวนคนที่ว่านี้ก็มีมากพอที่จะทำให้เหล่าบรรดาข้าทาสบริวารทั้งหลายของเขาที่ลงรับเลือกตั้ง ชนะการเลือกตั้งได้ครั้งแล้วครั้งเล่า จนทำให้เขาอ้างได้ว่าเขามาจากการเลือกตั้ง จากเสียงข้างมาก ดังนั้นใครก็ไม่อาจจะกล่าวโทษอะไรเขาทั้งสิ้น คนที่แสนร้ายแต่มีคนรักมากมายคนนี้ เขาเรียกตัวเขาเองว่า สทร. ที่แปลว่า “เสือกทุกเรื่อง” แต่ดูสถานการณ์ตอนนี้ สทร.น่าจะแปลว่า “สุดที่รัก” นะ
เวลานี้ สทร.กำลังมีปัญหากับหมอ โดยที่เขากล่าวหาว่าหมอไม่มีจริยธรรม ทั้งๆ ที่ตัวเขาเองต่างหากที่มีผู้คนจำนวนมากมองว่าเขาเป็นคนไม่มีจริยธรรม ตอนนี้คนที่เขารัก สทร. แสดงอาการทุรนทุรายด่าศาล ด่าหมอ ด่าสลิ่ม ด่าไปหมด ที่เป็นเช่นนี้เพราะพวกเขากลัวว่า สทร.จะต้องเข้าคุก ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับเป็นผู้ไต่สวนเรื่อง สทร.อยู่ที่ห้อง VVIP ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเสียเอง และพวกเขาคงเห็นว่าการพิจารณาจริยธรรมหมอของแพทยสภามีน้ำหนักในการที่จะทำให้เห็นว่ามีขบวนการช่วยให้ สทร.ไม่ต้องติดคุก โดยขบวนการดังกล่าวอาจจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย จึงทำให้พวกเขาบางคนพูดว่าหมอที่เป็นกรรมการแพทยสภาเป็นคนที่ไม่จริยธรรม ช่างกล้าที่จะกล่าวหาหมอว่าไม่มีจริยธรรม เขามองไม่ออกจริงๆ หรือว่า สทร.อันเป็นสุดที่รักของเขานั้น คนเกือบทั้งประเทศมองว่าเป็นคนขาดจริยธรรม เป็นต้นตอของความขัดแย้ง เพราะไม่เคารพกฎหมาย บดขยี้กระบวนการยุติธรรมของไทย
FC ผู้หลงรัก สทร. พูดว่าแพทยสภาไม่มีจริยธรรม เขาควรจะดูรายชื่อคณะกรรมการแพทยสภาหน่อยนะ แล้วพวกเขาจะเห็นว่าหมอทุกท่านนั้นเป็นหมอที่มีทุนทางสังคมสูง เป็นคนดี มีผลงาน เป็นคนเก่ง หลายคนเป็นอาจารย์หมอ ไม่สมควรที่ FC ของ สทร.จะกล่าวหาท่านว่าไม่มีจริยธรรม คนที่พูดบางคนมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของสภานายกพิเศษ เขาควรจะวิเคราะห์ตามหลักวิชาการ ไม่ใช่แสดงความเห็นที่อิงการเมืองแบบนี้ เขาควรจะเข้าใจด้วยว่า การลงโทษแพทย์หญิงเพียงว่ากล่าวตักเตือน ไม่ใช่ลงโทษเพราะเธอส่งตัวผู้ป่วยแน่นหน้าอกออกนอกคุก แต่เพราะเธอเขียนใบส่งตัวล่วงหน้า ซึ่งถือเป็นการลงโทษขั้นเบาที่สุดก็สมเหตุสมผลแล้ว ดังนั้นประเด็นข้ออ้างว่าลงโทษแพทย์ ทั้งๆ ที่ผู้ป่วยที่คล้ายจะมีอาการวิกฤต ตามคำอ้างของพยาบาลเวร ไม่ใช่ประเด็น แต่ประเด็นที่แพทยสภาลงโทษแพทย์หญิง เพราะเขียนใบส่งตัวล่วงหน้า โดยไม่ได้ตรวจอาการผู้ป่วย มันคือการทำงานที่ผิดมาตรฐานของหมอที่เป็นมืออาชีพ
อีกคนเป็นนักกฎหมาย แทนที่จะให้ความเห็นทางกฎหมาย แต่ดันมาให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่แพทย์โรงพยาบาลตำรวจรับรองให้ผู้ป่วยคงนอนรักษาตัวต่อไปเป็นระยะ ทีละ 30 วัน 60 วันไปจนถึง 180 วัน ประเด็นนี้จึงเกิดการลงโทษ โดยมติแพทยสภา ในระดับโทษที่รุนแรง มันเป็นเรื่องทางวิชาชีพทางการแพทย์ ทนายความไม่ควรจะก้าวล่วงวิชาชีพของแพทย์ แล้วก็พากันรุมกล่าวหาเรื่องจริยธรรมแพทยสภา คงต้องการดิสเครดิตคณะกรรมการแพทยสภาสินะ ลืมไปแล้วว่าท่านเหล่านั้นเป็นผู้มีคุณวุฒิและเป็นอาจารย์ที่สอนแพทย์ทั่วประเทศ การกระทำของหมอมันทำให้หลายคนมองว่าสิ่งที่คนในขบวนการเอาใจนักโทษเทวดานั้น มันคือความเหลื่อมล้ำที่เกิดจากการเอาใจอภิสิทธิ์ชนอย่างไม่มีจริยธรรมของคนที่เข้าร่วมขบวนการ ทั้งข้าราชการของราชทัณฑ์ และหมอของโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ
อาการของคนที่ทำตัวเหมือนข้าทาสบริวารของ สทร. ขนาดกล่าวหาว่าคณะกรรมการแพทยสภาไม่มีจริยธรรม ทำให้หลายคนมองว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ สทร.อาจจะต้องกลับไปติดคุก ข้าทาสบริวารจึงดิ้นพล่านกันรุนแรงขนาดนี้ ขณะเดียวกันก็มีข่าวลือว่า สทร.หนีไปแล้ว แต่วันที่ 27 พ.ค. เขาไปบรรยายแสดงวิสัยทัศน์เรื่องการปราบยาเสพติด แสดงว่ายังไม่ไปไหน เขายังไม่หนี แต่ก็มีคนบอกว่าจากวันที่ 27 พ.ค.ถึง 13 มิ.ย. ก็หลายวันอยู่ ดังนั้นเขาอาจจะหนีก็ได้ เพราะมันมีประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา พี่ก็หนี น้องสาวก็หนี
มติแพทยสภา กรณีชั้น 14 ให้ลงโทษแพทย์ 3 คน โดยให้ว่ากล่าวตักเตือน 1 คน และพักใบอนุญาต 2 คน แต่มติดังกล่าวยังไม่ถือว่าสิ้นสุด ขั้นตอนต่อไปคือส่งให้สภานายกพิเศษพิจารณาให้ความเห็นชอบ สภานายกพิเศษก็คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นโดยตำแหน่ง เมื่อเรารู้ว่ารัฐมนตรีสาธารณสุขเป็นใครเราพอจะเดาได้ว่าเขาจะตัดสินใจอย่างไร ก็เพราะเขารักของเขา จะให้เขาตัดสินใจเป็นอื่นไปได้อย่างไรล่ะ ผลของการที่เขารัก สทร.สุดขั้วหัวใจ มันทำให้เขาได้เป็นรัฐมนตรีทุกยุคทุกสมัย มันเป็นการรักที่มีคุณค่า ตอบสนองความต้องการเป็นรัฐมนตรีได้เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว อย่างไรก็ตามหากเขาไม่ให้ความเห็นชอบแพทยสภาก็จะต้องประชุมลงมติกันใหม่ หากมติออกมาได้เสียง 2 ใน 3 ของกรรมการแพทยสภา แพทยสภาก็จะสามารถดำเนินการต่อไปได้ แต่เขาก็อ้างกับ สทร. เจ้านายอันเป็นที่รักยิ่งของเขาได้ว่าเขาได้ยับยั้งแล้ว แต่เมื่อแพทยสภายืนยันมิตเดิม เขาจะทำอะไรได้ล่ะ เมื่อ สทร.มีคนรักมากขนาดนี้ ถ้าคิดจะหนี ไม่ว่าจะทางใด ก็คงจะมีคนเอื้ออำนวยความสะดวกให้สามารถหนีได้ คนอะไรช่างมีบุญเหลือเกิน ถึงร้ายแค่ไหนก็มีคนรัก...เฮ้อ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลัคนามังกรกับลีลาสำคัญของชีวิตปี2569
ในบรรดาเรื่อง บวกและลบ ที่เกิดในชีวิตได้ตลอดเวลานั้น ปี 2569 นี้ ลางจากดาวขนาดใหญ่ ที่บ่งบอก เหตุการณ์สำคัญ (ยังมีเรื่องยิบย่อยอีกมาก) ที่มีแนวโน้มจะเกิดกับท่า
ความจริงเทียมทำร้ายสังคม
การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)
น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'
ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้
เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'
ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม
ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569
ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว
เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน
ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์


