ปั้นบุคลากรการแพทย์ขั้นสูง

ตั้งแต่เกิดสถานการณ์โควิด-19 มุมมองของเรื่องการดูแลสุขภาพและการพัฒนาด้านการแพทย์ของประเทศไทยก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างเห็นได้ชัด และการลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) ระหว่าง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และมหาวิทยาลัยมหิดล เพื่อเปิดหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิทยาการขั้นสูงทางชีวการแพทย์และการสร้างสรรค์ธุรกิจสุขภาพ จึงเป็นจิกซอว์สำคัญของยุทธศาสตร์ “Medical Hub” ของประเทศ

ท่ามกลางกระแสความสนใจในเรื่องสุขภาพที่เพิ่มขึ้นของผู้บริโภค การจะเอาชนะความท้าทายนี้ได้ การพึ่งพาการผลิตและการบริโภคภายในประเทศเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องมุ่งเน้นการสร้าง มูลค่าเพิ่มและความแตกต่างให้กับผลิตภัณฑ์และบริการทางการแพทย์ของไทย โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ส.อ.ท.ได้แสดงวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนผ่านการจัดตั้งคลัสเตอร์อุตสาหกรรมสุขภาพและความงาม ที่ครอบคลุมหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม ตั้งแต่เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไปจนถึงยาและเครื่องมือแพทย์

นอกจากนี้ยังมีการผลักดันนโยบาย Parts Transformation ที่เป็นการนำองค์ความรู้จากอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์มาประยุกต์ใช้ในการผลิตเครื่องมือแพทย์ที่ทันสมัยและได้มาตรฐานสากล ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการมองหาโอกาสใหม่ๆ และการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดย อิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ปัจจุบันไทยเตรียมพร้อมยกระดับเข้าสู่อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร และศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ (Medical Hub)

ประกอบกับแนวโน้มเชิงสุขภาพ และผู้บริโภค ให้ความสนใจดูแลสุขภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามไทยยังมีแรงกดดันจากการแข่งขันในสินค้าประเภทเดียวกันกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค ดังนั้นการส่งเสริมเศรษฐกิจโดยเน้นการผลิต การบริโภคภายในประเทศ จะเป็นแนวทางสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยสามารถรอดพ้นจากสถานการณ์ดังกล่าวได้จากความร่วมมือนี้

“ส.อ.ท.เห็นว่า ภาคอุตสาหกรรมจำเป็นต้องยกระดับด้วยการพัฒนาบุคลากรตั้งแต่สถานศึกษา เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับอุตสาหกรรม ดังนั้น MOU ฉบับนี้จะช่วยยกระดับทักษะและเพิ่มกำลังแรงงานคุณภาพให้เพียงพอกับความต้องการในอนาคต เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีการแพทย์ และต่อยอดให้อุตสาหกรรมการแพทย์ของประเทศสามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืน” อิศเรศ กล่าว

การจับมือระหว่าง ส.อ.ท. มหาวิทยาลัยมหิดล และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นตัวอย่างของ Triple Helix Model ที่ภาคการศึกษา ภาคเอกชนและหน่วยงานรัฐทำงานร่วมกันเพื่อตอบโจทย์ทั้ง การพัฒนาทักษะบุคลากร และ ความต้องการเชิงอุตสาหกรรม โดย ‘ภาคการศึกษา’ มหาวิทยาลัยมหิดลออกแบบหลักสูตรที่ผสานความรู้วิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ขั้นสูง กับทักษะการเป็นผู้ประกอบการธุรกิจสุขภาพ

‘ภาคอุตสาหกรรม’ ส.อ.ท.ดึงเครือข่ายคลัสเตอร์สุขภาพและความงาม (ครอบคลุมเครื่องมือแพทย์ ยา สมุนไพร อาหารเสริม ฯลฯ) เพื่อเป็นพื้นที่ฝึกปฏิบัติและสร้างงานจริง และ ‘ภาครัฐ/กำกับดูแล’ อย.เข้ามามีบทบาทในด้านมาตรฐาน ความปลอดภัย และกฎระเบียบ เพื่อให้ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่พัฒนามีคุณภาพระดับสากล ความร่วมมือนี้จึงไม่เพียงสร้างบัณฑิต แต่ยังสร้างแรงงานสมรรถนะสูงที่สามารถคิดค้น สร้างสรรค์ และพัฒนานวัตกรรมด้านการแพทย์ที่ตอบโจทย์ตลาดและผ่านเกณฑ์กำกับดูแลได้จริง

ด้าน ปิยะมิตร ศรีธรา อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวว่า ความร่วมมือนี้ เกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นในการบูรณาการองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ชีวการแพทย์ เทคโนโลยีสมัยใหม่ และการบริหารจัดการธุรกิจสุขภาพ เพื่อเตรียมพร้อมบุคลากรรุ่นใหม่ให้สามารถสร้างนวัตกรรมและขับเคลื่อนประเทศไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยความรู้ได้จริง และจะช่วยส่งเสริมการเรียนการสอน การวิจัย และการพัฒนาทักษะของผู้เรียนให้สามารถนำองค์ความรู้ไปประยุกต์ใช้ได้จริง ผ่านการมีส่วนร่วมของภาคอุตสาหกรรมและหน่วยงานกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด

การร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ที่แสดงให้เห็นถึงการผสานพลังของทุกภาคส่วนเพื่อเป้าหมายร่วมกัน คือ การยกระดับอุตสาหกรรมการแพทย์ของไทยให้สามารถแข่งขันได้อย่างยั่งยืนในเวทีโลก และก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติอย่างแท้จริง.

 

ณัฐวัฒน์ หาญกล้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร

ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย

ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?

เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด

เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย

ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน

เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย

อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP

อัปเกรดมาตรฐานความปลอดภัย

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ

ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย

ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า