
แนวโน้มการควบรวมกิจการในภาคบริการทางการเงินของไทยยังคง ‘ซบเซา’ ต่อเนื่องถึงสิ้นปี 2568 ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงทั้งภายในและต่างประเทศ ตั้งแต่เศรษฐกิจชะลอตัว ความไม่แน่นอนทางการเมือง ไปจนถึงอุปสรรคทางการค้าและภาษีศุลกากร เกี่ยวกับประเด็นนี้ บริษัท PwC ประเทศไทย ได้ชี้ให้เห็นว่า กิจกรรมการควบรวมและซื้อกิจการ (merger and acquisition: M&A) ในภาคบริการทางการเงินของไทย (Financial Services: FS) ของไทยในปีนี้เป็นไปอย่างเชื่องช้า
โดย ภูวิณ หน่อชูเวช หุ้นส่วนสายงานดีลส์ บริษัท PwC ประเทศไทย ระบุว่า ยังมีความเสี่ยงทางเศรษฐกิจที่ยังคงมีอยู่ทำให้ภาคธุรกิจต่างๆ ระมัดระวังในการตัดสินใจ ขณะที่บริษัทไทยส่วนใหญ่ยังชะลอการเข้าซื้อกิจการ และรอให้สถานการณ์มีความชัดเจนมากขึ้น โดยดีลในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ยังคงซบเซาเมื่อเทียบกับปีก่อน และมีแนวโน้มว่าทิศทางนี้จะยังคงดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นปี
“ต้นทุนการระดมทุนที่สูงขึ้นทั่วโลก กำแพงภาษีศุลกากร และการปรับตัวเข้าสู่ยุคของ AI ล้วนเป็นความท้าทายสำคัญที่ทำให้ผู้ทำดีลหลายรายเลือกที่จะชะลอการตัดสินใจ เพื่อรอดูความชัดเจนของสถานการณ์ในปีนี้ และถึงแม้ว่าธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะควบคุมอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้อยู่ในระดับต่ำ แต่การควบรวมและซื้อกิจการในภาคบริการทางการเงินของไทยอาจไม่เพิ่มขึ้นมากนักในช่วงครึ่งหลังของปี 2568 เพราะยังมีอุปสรรคค่อนข้างมากอยู่ในเวลานี้้ ขณะเดียวกันความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการเมืองในประเทศก็กำลังทำให้ธุรกิจในหลายภาคส่วน ไม่ใช่แค่เฉพาะภาคบริการทางการเงิน ชะลอการตัดสินใจลงทุนหรือการทำดีลใหญ่ๆ จนกว่าสถานการณ์จะมีความชัดเจนมากกว่านี้”
สำหรับ ภาคธนาคาร ความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้า หนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเกิดขึ้นของธนาคารไร้สาขา กำลังเปลี่ยนโฉมตลาดการเงินของไทย เช่นเดียวกับภาคธุรกิจหลักทรัพย์ที่กำลังเผชิญกับอุปสรรคสำคัญในช่วงที่ตลาดหุ้นซบเซา ทำให้ประเด็นการบังคับขายจากสินเชื่อมาร์จินกลายเป็นเรื่องที่ถูกกล่าวถึงอย่างมาก ขณะที่บริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ยังคงต้องแข่งขันกับผู้เล่นดิจิทัลหน้าใหม่ ซึ่งสถานการณ์นี้ทำให้การควบรวมกิจการกลายเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง
ข้อมูลจากรายงาน Global M&A trends in financial services: 2025 mid-year outlook ของ PwC ระบุว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ปริมาณดีล (deal volume) ในอุตสาหกรรมบริการทางการเงินของโลกลดลง 1% เหลือ 2,313 ดีล เปรียบเทียบกับ 2,340 ดีลในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี มูลค่าดีล (deal value) ทั่วโลกกลับเพิ่มขึ้น 15% ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แม้จำนวนดีลจะลดลงเล็กน้อยก็ตาม โดยดีลขนาดใหญ่ (megadeals) เป็นผู้นำตลาด โดยมีดีลที่มีมูลค่ามากกว่า 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจำนวนทั้งสิ้น 10 ดีล เทียบกับ 6 ดีลเมื่อปีที่แล้ว
ดังนั้น ในสถานการณ์ปัจจุบัน บริษัทในภาคบริการทางการเงินของไทยควร ‘ทบทวน’ กลยุทธ์ใหม่ และพิจารณาว่าการควบรวมและซื้อกิจการสามารถช่วยเสริมศักยภาพในด้านที่อยู่นอกเหนือความเชี่ยวชาญขององค์กรได้อย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของเทคโนโลยี ซึ่งแทนที่จะพัฒนาโซลูชันเองทั้งหมดหรือเข้าซื้อกิจการของธุรกิจอื่น บริษัทควรมองหาความร่วมมือกับสตาร์ทอัปและแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อนำบริการทางการเงินไปฝังอยู่ในระบบนิเวศ ไม่ว่าจะเป็นการชำระเงินดิจิทัล การเปิดบัญชี การให้สินเชื่อ หรือเทคโนโลยีบริหารความมั่งคั่ง
การทำงานร่วมกับสตาร์ทอัปเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มจะช่วยให้บริษัทขนาดใหญ่สามารถนำแนวคิดใหม่ๆ และเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาใช้ได้รวดเร็วขึ้น ส่งผลให้การดำเนินงานราบรื่นขึ้น และมีเครื่องมือดิจิทัลและศักยภาพขององค์กรที่ดีขึ้น อีกทั้งยังสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า นอกจากนี้ยังทำให้ธุรกรรมต่างๆ ง่ายขึ้น เร็วขึ้น และสะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย ในยุคปัจจุบันของการควบรวมและซื้อกิจการ ไม่ได้มีแค่เรื่องการซื้อขายเท่านั้น แต่การสร้างพันธมิตรและความร่วมมือทางกลยุทธ์กำลังเป็นเทรนด์สำคัญ
ดังนั้น ธุรกิจบริการทางการเงินขนาดใหญ่ต้องคล่องแคล่วรวดเร็วและเตรียมรับมือกับการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะความผันผวนทางเศรษฐกิจ ความไม่แน่นอนทางการเมือง หรือการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี ความคล่องตัวจะสร้างแต้มต่อในการแข่งขันในตลาดที่เปลี่ยนแปลงเร็วได้.
ครองขวัญ รอดหมวน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ปีใหม่เป้าลดอุบัติเหตุ 5%
ช่วงเทศกาลปีใหม่ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความสุขที่ประชาชนจำนวนมากออกเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยว ส่งผลให้ปริมาณการใช้รถใช้ถนนเพิ่มสูงขึ้นเป็นเท่าตัว และมักตามมาด้วยความเสี่ยงด้านอุบัติเหตุทางถนน
เมื่อสุขภาพคือความลักชัวรีแบบใหม่
ในยุคที่ผู้คนต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องสุขภาพ ทำให้เทรนด์นี้ยังคงมาแรงต่อเนื่อง ซึ่งก็มีข้อมูลที่น่าสนใจจากวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) กับข้อมูลสุดอินไซต์ “ภูมิทัศน์การดูแลสุขภาพของคนไทย” รับเทรนด์เศรษฐกิจอายุยืน
องค์กรต้องกล้าเปลี่ยนผ่าน
ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันด้านความยั่งยืนที่เข้มข้นขึ้น ทำให้ภาคธุรกิจต้องปรับตัวรองรับกับการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ซึ่ง สมาคมการจัดการธุรกิจแห่งประเทศไทย (TMA)
แรงงานคืนถิ่น:ทางเลือกที่เป็นโอกาส
‘การเคลื่อนย้ายแรงงาน’ จากภูมิลำเนาเข้าสู่จังหวัดเศรษฐกิจเป็นปรากฏการณ์สำคัญที่ส่งผลต่อโครงสร้างเศรษฐกิจและสังคมของประเทศมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานตอนต้น ซึ่งเป็นกำลังแรงงานสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนา อย่างไรก็ตาม
ดันไทย-ญี่ปุ่นปักธงอุตสาหกรรม
ในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกปัจจุบันที่ขับเคลื่อนด้วยการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และเป้าหมายด้านความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ความสามารถของประเทศในการปรับตัวและสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่งในอุตสาหกรรมแห่งอนาคตถือเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตหลักในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องยกระดับโครงสร้างอุตสาหกรรมไปสู่ยุคใหม่ที่เน้นมูลค่าสูงและมาตรฐานที่เข้มงวด
ถอดบทเรียนน้ำท่วมใหญ่ภาคใต้
จากเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ที่จังหวัดสงขลา สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างทั้งพื้นที่เมืองและชนบท ส่งผลให้หลายหน่วยงานภาครัฐต้องเร่งวางมาตรการป้องกันอย่างเร่งด่วน ทั้งการฟื้นฟูถนน–สะพานที่ถูกตัดขาด การขุดลอกคูคลอง

