
ต้องบอกว่าปี 2568 เป็นปีที่ผ้าเหลืองร้อนสุดๆ เพิ่งสร่างซาจาก “สีกากอล์ฟ” และบรรดาอดีตพระชั้นผู้ใหญ่ไปยังไม่ทันไร ก็มีพระระดับเซเลบอย่าง “อดีตพระราชวิสุทธิประชานาถ” หรืออดีตพระอลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จีวรปลิวไปอีกราย ซึ่งล่าสุด “ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง” ก็อนุญาตให้ฝากขัง “ทิดจ๊อด” รวมทั้ง “เสกสันน์ ทรัพย์สืบสกุล” หรือ “หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ” โดยไม่ให้ประกันตัวไปแล้ว ...๐
ในขณะที่ “ครูแหม่ม-นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ก็ลงดาบอย่างรวดเร็วปานกามนิตหนุ่มในมาตรการทางสังคมกลายๆ เมื่อสั่งให้ตรวจสอบเนื้อหาแบบเรียนเสริมวิชาภาษาไทย ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ซึ่งมีการยกย่อง “อดีตพระอลงกต” เป็นตัวอย่างบุคคลผู้มีจิตสาธารณะ โดย ให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตรวจสอบและให้ตัดออกจากบทเรียน ไม่ให้ปรากฏอยู่ในบทเรียนต่อไป ...๐
ผ้าเหลืองว่าร้อนแล้ว “การเมือง” ก็ร้อนไม่ต่างกัน โดยเฉพาะในวันศุกร์นี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยที่ 36 สมาชิกวุฒิสภาได้ยื่นเรื่องในคดีคลิปอังเคิล ซึ่ง “ไชยยงค์ มณีรุ่งสกุล” สว.ที่เป็นหนึ่งใน 36 สว.ที่ร่วมลงชื่อก็หวังว่า “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม จะเดินทางไปฟังคำวินิจฉัยด้วยตนเอง เป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ดีให้แก่นักการเมือง ...๐
แต่ล่าสุด “สมคิด เชื้อคง” รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมืองก็บอกแล้วว่า “อุ๊งอิ๊ง” จะส่งตัวแทนไปฟัง ส่วนเจ้าตัวจะเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อมาฟังคำวินิจฉัย โดยมีรัฐมนตรีมาร่วมนั่งฟังด้วย จากนั้นก็จะมี สส.พรรคเพื่อไทยเดินทางมาให้กำลังใจ และหลังจากศาลแถลงเสร็จไม่ว่าจะออกหัวหรือก้อย “อิ๊งค์” ก็จะแถลงออกสื่อทันที ...๐
สำหรับบรรดาลูกหาบที่จะมาให้กำลังใจหรือมาดูใจวาระสุดท้ายเหมือนคนใกล้ตายตามที่ “เทพไท เสนพงศ์” อดีต สส.นครศรีธรรมราชเหน็บนั้น คงไม่มีใครเกิน “วรสิทธิ์ กัลป์ตินันท์” สส.อุบลราชธานี เพราะนอกจากบอกว่าอยู่เป็นแล้ว ยังรู้จักใช้โอกาสแบบไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่องเลย โดยก่อนเข้าสู่วาระประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่ “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” ประธานสภาฯ เปิดให้สมาชิกหารือเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ เจ้าตัวกลับไปอวยพรให้ “แพทองธาร” ปลอดภัยทุกสิ่ง และกลับมาเป็นนายกฯ ขวัญใจพี่น้องประชาชนต่อไป …๐
หันกลับมาดูเรื่องร้อนที่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับคลิปลุงฮุนอย่าง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาบ้าง โดยเฉพาะการประชุมคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (อาร์บีซี) ไทย-กัมพูชา ที่ทำการด่านศุลกากรช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งมี “พล.ท.บุญสิน พาดกลาง” แม่ทัพภาคที่ 2 จากฝั่งไทย และ “พล.ท.โปว เฮง” ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา เป็นประธานร่วม โดยได้แถลงผลออกมาร่วมกัน 11 ข้อ ทั้งห้ามโจมตีที่ตั้งทหาร ยั่วยุ และอย่าปั่นเฟกนิวส์ เป็นต้น ส่วนเรื่องเก็บกู้ทุ่นระเบิดและปราบสแกมเมอร์ก็ไม่เกินคาดที่ “พล.ท.โปว” จะโยนไปการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย-กัมพูชา (จีบีซี) …๐
ที่ชอกช้ำระกำใจคือ หลังตกลงร่วมกันใน 11 ข้อยังไม่ข้ามวันดี ก็เกิดเหตุ “พลทหารอดิศร ป้อมกลาง” สังกัดกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 23 เหยียบกับระเบิด ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ จนขาขาดอีกรายแล้ว แสดงให้เห็นชัดว่าการตกลงหรือเจรจาใดๆ กับพวกเขมรนั้นแทบไม่มีความหมายแต่ประการใด ...๐
งานนี้ต้องขอสนับสนุน “พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี” ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่ให้สัมภาษณ์ว่าจะมีการสร้างกำแพงถาวรในพื้นที่กองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 เพื่อปักปันเขตแดนให้ชัดเจน และปกป้องอธิปไตยไทยด้วย เพราะไม่อย่างนั้นเราก็จะเจอเล่ห์เขมรกันอยู่ร่ำไป ดูได้จากกรณี "บ้านหนองจาน" ที่เราช่วยเหลือด้วยมนุษยธรรมแท้ๆ แต่แล้วกัมพูชาก็จะมาเคลมเป็นพื้นที่ของตัวเองไป ...๐
หันกลับมาดูการทำงานของสภาผู้แทนราษฎรกันบ้าง เพราะทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลประสานเสียงหนุนร่างกฎหมายที่จะทำให้ รถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายใช้ได้จริงผ่านไปแล้ว ขอเพียง “วุฒิสภา” ไฟเขียวก็เดินหน้าได้ โดยงานนี้ชาวบ้านเขาฝากถามว่า ในเมื่อเลื่อนการใช้จริงออกไปเดือน พ.ย.แล้ว ทำไมไม่รวมรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันออกที่สร้างเสร็จแล้ว รอแค่การจัดหารถไปด้วยเลยเล่า หรือจะต้องยื้อรอใกล้เลือกตั้งก่อนถึงจะโชว์เหรอ แต่อย่าลืมว่าศุกร์นี้รัฐบาลเพื่อไทยก็ลูกผีลูกคนแล้วนะพ่อคุณ ...๐
ท.ศักดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
บันทึกในวันที่การเมืองเรื่องศึกเลือกตั้งใหญ่ 8 ก.พ.2569 คึกคักๆ ไม่มีการกั๊กกันอีกต่อไป ...0
บันทึกหน้า 4
ถึงคิว "พรรคส้ม" หลังประชาธิปัตย์ประเดิมเปิด 100 รายชื่อปาร์ตี้ลิสต์เป็นพรรคแรก ถึงแม้จะเป็นการเรียงตามตัวอักษร ไม่ใช่เรียงลำดับที่แท้จริงก็ตาม พอเดากันได้ว่า 3 อันดับแรก น่าจะเป็น 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี
บันทึกหน้า 4
ต้องบอกว่าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ณ วันนี้ยังคงร้อนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็อย่างที่เคยบอกไว้แล้วว่า หาก “ระบอบฮุน เซน” ไม่ตายจากดินแดนเขมร ก็ยากหาความสงบลงได้
บันทึกหน้า 4
ปี่กลองเลือกตั้งดังสนั่น หลังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำหนดให้วันอาทิตย์ที่ 8 ก.พ.2569 เป็นวันเลือกตั้ง สส. ส่วนวันที่ 27-31 ธ.ค.2568 เป็นวันรับสมัคร สส.แบ่งเขตเลือกตั้ง 28-31 ธ.ค.2568 วันรับสมัค สส.บัญชีรายชื่อ ส่วนการทำประชามติเรื่องยกเลิกMOU 43 และ MOU 44 คงไม่มีแล้ว โดย นายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล
บันทึกหน้า 4
ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา
บันทึกหน้า 4
บันทึกตอกย้ำบรรทัดแรกว่า "ไทยนี้รักสงบ!!" จากวันแรกที่มีสยามประเทศ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้รุกรานเชิงจักรวรรดินิยม ไม่เคยสร้างอาณานิคมในต่างแดน เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อป้องกันตนเอง หรือตอบโต้ เพื่อการรักษาดินแดนของตัวเองเท่านั้น

