
ความจน นั้น...น่าจะเป็นอะไรที่มีคุณค่า ราคา ระดับ เอาเรื่อง มิใช่น้อย!!! ไม่เช่นนั้น...บรรดา พระศาสดา ไม่ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ของหมู่เฮา พระเยซูคริสต์ ไปจนถึง พระนบีมุฮัมมัด โน่นเลย ฯลฯ ท่านต่างมุ่งหา แสวงหา ความจนชนิดไม่คิดจะรวย ไม่คิดจะเก็บหอมรอมริบเอาไว้ซื้อ ที่ดิน ส.ป.ก. หรือบรรดาทรัพย์สินศฤงคารใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย...
ยิ่ง พระพุทธเจ้า ของเรายิ่งแล้วใหญ่!!! คือขนาดทรงเคยรวยเช็ด รวยตะเม็ด ถึงขั้นมี ปราสาท 3 ฤดู เอาไว้เปลี่ยนสีสันบรรยากาศ มีราชบัลลังก์ มีทั้งเงิน ทั้งอำนาจ ชนิดแม้แต่อภิมหาเศรษฐีระดับคุณพี่ โทนี่-โทนาฟ แห่ง คลับเห่า จะเกิดมาอีกซักกี่ชาติ-ต่อกี่ชาติ ก็น่าจะสู้ไม่ไหว แต่จู่ๆ...ท่านก็ดันทรงหันมานั่งๆ-นอนๆ อยู่แถวๆ โคนต้นไม้ ซะแทนที่ แถมเสื้อผ้าอาภรณ์ ที่ทุกวันนี้...คงไม่ใช่ถือเป็นแค่ เครื่องห่อหุ้ม ร่างกายแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังไม่ต่างไปจาก เครื่องประดับ ที่จะต้องหะรูหะราให้มากๆ
เข้าไว้ แต่อดีต เจ้าชายสิทธัตถะ พระองค์นี้ ท่านกลับใช้อะไรก็ได้ ผ้าอะไรก็ได้ แม้กระทั่งผ้าห่อศพ หรือผ้าบังสุกุล เอามาใช้ปกปิด ห่อหุ้มร่างกาย ไปตามมี-ตามเกิด ทั้งๆ ที่สามารถ ปิแอร์ บัลแมง หลุยส์ วิตตอง ไปจนกระทั่ง ลา คอสต้า ฯลฯลฯ อะไรทำนองนั้นกันได้สบายๆ แต่ท่านไม่คิดจะเอา ไม่คิดจะสนเอาเลยแม้แต่น้อย...
ไม่ต่างไปจาก พระเยซูคริสต์ นั่นแหละ...ระดับมีสาวก มีผู้ติดตาม พร้อมจะ กดไลค์ กันเป็นหมื่นๆ แสนๆ ตั้งแต่ยุคนั้น สมัยนั้น แต่ท่านไม่ได้คิดจะหันมา รีวิวสินค้า หันมา พิมรี่พายขายทุกอย่าง อะไรเอาเลยแม้แต่นิด กลับมาหันมาพร่ำสั่งพร่ำสอน ให้บรรดาผู้ติดตาม บรรดาสาวกทั้งหลาย... “อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตน ว่าจะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม จะเอาอะไรนุ่งห่ม...” แถมยังหันไปชี้ชวน เชิญชวน ไว้อีกด้วยว่า... “จงพิจารณาดอกไม้ที่ทุ่งนา มันงอกงามเจริญขึ้นได้อย่างไร มันไม่ทำงาน มันไม่ปั่นด้าย แต่เราขอบอกท่านทั้งหลายว่า แม้แต่กษัตริย์ซาโลมอน เมื่อบริบูรณ์ไปด้วยสง่าราศี ก็มิได้ทรงเครื่องงามเท่ากับดอกไม้ดอกหนึ่ง” นี่...ไม่ได้หวังจะชี้ชวน เชิญชวน ให้ซื้อ-ให้ขายอะไรเอาเลยแม้แต่น้อย...
อีกทั้งยังทรงย้ำแล้ว ย้ำอีก เอาไว้ซะด้วยว่า... “อย่าส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้สำหรับตัวในโลก ที่อาจเป็นสนิมและที่แมลงกินเสียได้ และที่ขโมยอาจขุดช่องลักเอาไปได้ แต่จงส่ำสมทรัพย์สมบัติไว้ในสวรรค์ ที่ไม่มีแมลงจะกิน ไม่มีสนิมจะกัด และที่ไม่มีขโมยจะขุดช่องลักเอาไปได้ ด้วยเหตุเพราะ...ทรัพย์สมบัติของท่านอยู่ที่ไหน ใจของท่านก็อยู่ที่นั่นด้วย...” จริง-ไม่จริง...ก็ลองไปคิดดูเอาเอง แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ยังไงๆ คงต้อง จน อยู่แล้วแน่ๆ ไม่ว่าใครก็ตามที่ไม่ได้คิดจะส่ำสมทรัพย์สมบัติเอาไว้ใช้ส่วนตัว หรือสะสมเอาไว้ให้กับลูกๆ หลานๆ ญาติโกโหติกา จนรวยกันเป็นพันๆ ล้าน หมื่นๆ ล้าน โดยที่ ใจ จะล่องลอยไปสู่สวรรค์ หรือมุดดิน มุดบาดาล ไปสู่ นรก ก็คงต้องถือเป็น การบ้าน ของใคร-ของมันก็แล้วกัน...
เช่นเดียวกับ... พระนบีมุฮัมมัด นั่นแหละ ถึงจะเคยเป็นพ่อค้า อดีตพ่อค้า ที่มีหน้า-มีตามิใช่น้อย แถมยังมีศรีภรรยาเป็นผู้มีเงิน มีทรัพย์ มากมายซะอีกด้วย แต่เมื่อมีผู้เลื่อมใส ศรัทธา ขออนุญาตถวาย เสื้อคลุม ที่ถักทอด้วยแพรไหมอย่างดี ให้ใส่ ให้คลุม ให้เป็นสง่าราศี สมกับความเป็นผู้นำของบรรดาชาวมุสลิม ชาวอิสลามทั้งหลาย แต่ท่านดันถอดเสื้อคลุมอันสุดแสนหะรูหะรามาฉีกเป็นชิ้นๆ ซะนี่ แล้วหันไปสวมใส่ ผ้ากระสอบ พักอยู่ในเต็นท์กระจอกๆ กลางทะเลทราย ไม่ได้คิดจะเข้าไปฉลองชัยชนะในเมืองอันรุ่งเรือง ใหญ่โต มโหฬารและเต็มไปด้วยสินทรัพย์จำนวนมหาศาล อย่างกรุง ดามัสคัส หลังจากสามารถพิชิตลงไปได้ เพราะเพียงแค่มุ่งหวังให้ชัยชนะนั้นๆ นำมาซึ่งความเป็นอิสลาม เป็นมุสลิม เป็นหลัก...
ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ ความจน จึงไม่ได้เป็นเพียงแต่อะไรที่น่าชิงชัง รังเกียจ แต่ยังน่าจะมีคุณค่า ราคา ระดับใหญ่โต มโหฬาร มากมายมหาศาล ถึงขั้นที่ทำให้บรรดา พระศาสดา ผู้ยิ่งใหญ่ เกรียงไกร ซะยิ่งกว่าอภิมหาโคตะระเศรษฐี หรืออดีตปวงกษัตริย์ทั้งหลาย ไม่รู้กี่พัน กี่หมื่นเท่า ถึงได้มุ่งหา แสวงหา ด้วยความยินดีและพึงพอใจ ในอันที่จะคลุกเคล้า คลุกคลี อยู่กับ ความจน ไปโดยตลอด ไม่ได้คิดจะกลับมารวยเอาเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่โดยสถานะนั้น สามารถรวยซะยิ่งกว่ารวย มีอำนาจซะยิ่งกว่าอำนาจปกติธรรมดาๆ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ดังนั้น...ใครก็ตามที่มีทัศนคติต่อ ความจน หรือ คนจน ในทางลบ หรือในทางที่เสียๆ หายๆ คงต้องหาทาง คิดใหม่-ทำใหม่ ได้มั่งแล้ว โดยเฉพาะถ้าหากยังคงเลื่อมใส ศรัทธา อยู่ในศาสนาใด ศาสนาหนึ่ง...
อย่างไรก็ตาม...สำหรับเราๆ-ทั่นๆ ที่อาจนับถือศาสนาใดๆ ก็ตาม โดย วัฒนธรรม-ประเพณี ซะเป็นหลักใหญ่ ยังไม่ถึงกับ เข้าถึง และ เข้าใจ ต่อแก่นแท้ แก่นสาระ ของศาสนาได้แบบจริงๆ-จังๆ ก็เอาเป็นว่า...ถึงยังไม่อยาก คิดใหม่-ทำใหม่ ยังไม่คิดจะ จน แบบ พระศาสดา ทั้งหลาย หรือยังรู้สึกชิงชัง รังเกียจ ความจน และ คนจน ชนิดทำให้ยังอยากมีอะไรต่อมิอะไรติดไม้-ติดมือ ติดปลายนวมเอาไว้มั่ง จะเพื่อ ตัวกู-ของกู หรือเพื่อลูกๆ หลานๆ ก็แล้วแต่ ก็อาจเอาแค่รู้จัก พอๆ หรือ พอเพียง เอาไว้ก่อนนั่นแหละน่าจะเข้าท่ากว่าเป็นไหนๆ หรือเอาตามแบบที่นักปราชญ์ชาวโรมัน อย่าง Seneca ท่านได้สรุปเป็น “วาทะ” ไว้แล้วนั่นแหละว่า... “It is not the man who has too little who is poor, but the one who craves more.” หรือ “ผู้ที่มีไม่มาก...ไม่ใช่คนจน แต่คนจนคือผู้ที่อยากมีโดยไม่รู้จักพอ”...
-----------------------------------------------------------
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อยู่อย่างไรให้เป็นสุขทุกๆวัน
พวกเราเคยได้ยินว่า ชีวิตเป็นทุกข์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องมีชีวิตอยู่อย่างเป็นทุกข์ คนเรา ถ้าหากใช้ชีวิตเป็นก็สามารถมีความสุขได้ ชีวิตเป็นของเรา
ด้วย'ศรัทธา'...ฉันจึงเป็นอยู่!!!
พล็อบๆ แพล็บๆ...นี่ก็ใกล้จะหมดปี สิ้นปี ใกล้จะถึงปีหน้า-ฟ้าใหม่กันอีกซะแร้นน์น์น์!!! แทบไม่น่าเชื่อว่าตัวเองยังคงสามารถเถลือกไถลอยู่ยาวว์ว์ว์มาจนถึงช่วงนี้ บัดนี้
'ทุนผูกขาด' ปิดท่อ 'ทุนเทา'
เสียงเซ็งแซ่การแต่งตั้ง "สีกากี" ระดับ "นายพัน" ตำแหน่ง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงไปถึง สารวัตร (สว.) วาระประจำปี 2568 ที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่ถึง 1 สัปดาห์
ลัคนามังกรกับลีลาสำคัญของชีวิตปี2569
ในบรรดาเรื่อง บวกและลบ ที่เกิดในชีวิตได้ตลอดเวลานั้น ปี 2569 นี้ ลางจากดาวขนาดใหญ่ ที่บ่งบอก เหตุการณ์สำคัญ (ยังมีเรื่องยิบย่อยอีกมาก) ที่มีแนวโน้มจะเกิดกับท่า
ความจริงเทียมทำร้ายสังคม
การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)
น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'
ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้

