บันทึกหน้า 4

“รัฐธรรมนูญต้องแก้ไข” คำพูดที่ทุกพรรคต่างพูดตรงกันเหมือนนัด แต่พอถึงเวลาลงมือจริง ภาพที่เห็นกลับต่างออกไป โดยเฉพาะในชั้นกรรมาธิการพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่เจอเหตุ “องค์ประชุมล่ม” จนฝ่ายค้านเริ่มตั้งคำถามถึงความจริงใจของรัฐบาลและวุฒิสภา ว่าคิดจะแก้จริงหรือแค่แสดงละครให้ประชาชนดูเล่น

พรรคเพื่อไทยออกโรงแรงสุด นำโดย หัวหน้าหนิม-จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวหาว่าฝ่ายรัฐบาลและ สว. กำลัง “เตะถ่วง” กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญ

“กรรมาธิการแก้ไขรัฐธรรมนูญเดินหน้าไปอย่างช้าๆ โอกาสที่จะสำเร็จเป็นไปได้น้อย เพราะบรรยากาศในที่ประชุมของแต่ละฝั่งมันอ่านออกว่าโอกาสที่จะผ่านวาระ 3 มีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความลับ มีบันทึกการประชุมอยู่ จะรู้ว่าใครพยายามผลักดันแก้ไขและติดขัดอะไร” หัวหน้าหนิมทิ้งท้ายไว้แบบไม่อ้อมค้อม

ด้านพรรคภูมิใจไทย โดย รมต.แบด-ภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ จากพรรคสีน้ำเงิน ก็ไม่ปล่อยให้เงียบไว้นาน รีบออกมาปฏิเสธเสียงแข็ง ยืนยันว่า “ไม่มีใครถ่วง” พรรคพร้อมผลักดันเต็มที่ให้เสร็จ เพราะเข้าใจดีว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่คือทางออกของประเทศ

“ในส่วนของพรรคภูมิใจไทยไม่มีใครขวางและถ่วงการแก้รัฐธรรมนูญ พวกผมมีแต่ผลักดัน และเสนอจะให้แก้รัฐธรรมนูญ ต้องมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ส่วนที่พูดอยากให้เปิดเดือน พ.ย. ยอมรับว่า กรรมาธิการฯ ทำไม่ทัน และผมก็ไล่ไทม์ไลน์ หากจะเปิดสมัยวิสามัญเพื่อให้แก้รัฐธรรมนูญทันในสิ้นปีนี้ต้องอยู่ในวันที่ 8–11 ธ.ค. ซึ่งได้เสนอและบอกไทม์ไลน์กับทุกคนไว้หมดแล้ว” นายภราดรกล่าว

แต่หากกลับกัน หากไม่มีการเปิดสมัยประชุมพิเศษ หรือยังมีเหตุองค์ประชุมล่มอีก ความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อรัฐบาลและ สว. คงยากจะกู้คืน เพราะจะถูกมองว่า “พูดอย่างทำอย่าง” และเปิดช่องให้ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคประชาชน ใช้เป็นเหตุผลยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจทันที

สำหรับพรรคประชาชนในฐานะผู้ร่วมเซ็น MOA กับรัฐบาล “ไอติม” พริษฐ์ วัชรสินธุ ยังจับตาเส้นตายชัดเจน หากแก้รัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ไม่เสร็จก่อนสิ้นปี 2568 หรือรัฐบาลไม่ยุบสภาภายใน 31 มกราคม 2569 ก็จะเดินหน้า “ซักฟอกโดยไม่ลังเล” เรียกได้ว่าขึงเส้นตายไว้แน่น หากไม่ทำตามที่ตกลงไว้ จะไม่มีการไว้หน้าใครทั้งนั้น

สุดท้าย “เกมความจริงใจ” ในการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่เรื่องเนื้อหา แต่คือบทพิสูจน์เจตนาทางการเมืองของทุกฝ่าย ว่าจะยอมเดินหน้าเพื่อ “รัฐธรรมนูญของประชาชน” จริงหรือไม่ เพราะถ้ายังเล่นเกมเดิม ปล่อยให้ล่มซ้ำซาก วันเปิดประชุมสภาในวันที่ 12 ธ.ค. อาจกลายเป็นเสียงโห่ และแรงหนุนให้ฝ่ายค้านยื่นซักฟอกล้มรัฐบาลแทน

๐ กลับลำแทบไม่ทัน หลัง นายกฯ หนู-อนุทิน ชาญวีรกูล ประกาศกลางงานสื่อแห่งหนึ่งว่า หากฝ่ายค้านยื่นซักฟอกด้วยเกมการเมือง “จะยุบสภาทันที” เพราะไม่ต้องการให้ใครมาด่าฟรีๆ แต่พอคำพูดนี้หลุดออกไป ก็โดนคอการเมืองรุมตำหนิทันทีว่า “รัฐบาลกลัวการตรวจสอบ” และกำลังจะใช้ข้ออ้างนี้ “หนีปัญหาเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ”

ไม่ถึงวัน นายกฯ เฉพาะกิจต้องรีบออกแถลงการณ์ชี้แจง ยืนยันว่า “ยินดีแก้รัฐธรรมนูญ” ตามข้อตกลง MOA กับพรรคส้ม พร้อมเปิดให้อภิปรายเพื่อแก้ปัญหาชาติ ไม่ใช่เพื่อล้างแค้นทางการเมือง และหากฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจริง ก็พร้อมชี้แจงทุกข้อกล่าวหา แม้จะเป็น “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” ก็ตาม

คำถามจึงตามมาแบบตรงๆ ทำไม “นายกฯ หนู” ถึงกล้าท้าทาย ไม่ยุบสภา ทั้งที่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย และโดนขู่ซักฟอกรายวันจากพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเรื่องโมโตจีพี เขากระโดง หรือคดีสแกมเมอร์ ตั้งคนมีข้อครหาสีเทา ฯลฯ หรือจริงๆ “นายกฯ หนู” ประเมินสถานการณ์ไว้แล้วว่า ฝ่ายเพื่อไทย “ไม่กล้ายื่น” เพราะกลัวของเข้าตัว เพราะสมัยรัฐบาลเพื่อไทยที่มีสายสัมพันธ์อันดีกับผู้นำเขมรหลายเรื่องก่อนแตกหัก

นอกจากนี้ยังมีเสียงแว่วๆ ถึงเวลาจริงพรรคเพื่อไทยอาจมีเสียงไม่ถึง 1 ใน 5 เสียงตามเกณฑ์ แถมมีข่าวว่า สส.เพื่อไทยหลายคนเตรียมหอบผ้าหนีจากพรรคเก่า เพราะเรือเก่าผุพังจนยากจะฟื้น รวมถึงพรรคส้มที่รับบทประคอง MOA อาจ “งดออกเสียง” เพราะเป้าหมายแท้จริงของเขา คือการผลักดันให้แก้รัฐธรรมนูญผ่าน เพื่อเปิดทางให้ “ยกร่างใหม่” ในปี 2569–2570 พันธนาการต่างๆ พูดอีกอย่าง พรรคส้มอาจไม่ได้อยากล้มรัฐบาลตอนนี้ แต่อยากปูทางไว้ล่วงหน้า เพื่อรอใครบางคนกลับมาในปี 2572 ก็เป็นได้.

 

คางดำ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.