ไทย-กัมพูชา...ใคร'พระเอก'ใคร'ผู้ร้าย'???

อาจด้วยเหตุเพราะ เกษียณ จากอาชีพ นักข่าว มาประมาณ 40-50 ปีแล้วเห็นจะได้...เลยไม่ได้ เจาะ-เกาะ-ติด ข่าวคราวความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา เพื่อนบ้านที่มีพรมแดนใกล้ชิดติดพัน ไม่อาจยกประเทศหนีไปจากกันและกันได้ง่ายๆ จนแทบไม่อาจสรุปได้เลยว่า ความขัดแย้งดังกล่าวจะไปไกลถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน ใครหมู่ ใครจ่า ใครจะสารวัตรกันในขั้นตอนต่อไป...

แต่อย่างน้อย...ก็ยังพอจำๆ เรื่องราวความขัดแย้งที่หนักหน่วง รุนแรง ไม่น้อยไปกว่ากัน ที่เคยเกิดขึ้นเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ระหว่างไทยกับเพื่อนบ้านอย่างเคลมโบเดีย หรือสแกมโบเดียนี่แหละ 

ที่แม้จะอุบัติขึ้นมาจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ คือเกิดจากการโกหก หรือการ ใส่ร้ายป้ายสี ของใครก็ไม่รู้? ว่าดาราละครทีวีของไทยอย่างคุณหลาน กบ สุวนันท์ ท่านไปพูดแสดงความเกลียดชังต่อชาวเขมรทั้งหลาย ระดับ เกลียดพอๆ กับหมา อะไรทำนองนั้น ด้วยเหตุเพราะไปปล้น ไปแย่งปราสาทนครวัด หรือเขาพระวิหาร ก็จำไม่ได้ถนัด มาจากประเทศไทย...

แต่ทั้งๆ ที่เป็นเรื่องโกหก ที่ควรสืบสาวราวเรื่องให้แน่ชัด โดยเฉพาะผู้ที่เป็น ผู้หลัก-ผู้ใหญ่ แต่ผู้นำกัมพูชาขณะนั้นคือ สมเด็จฮวยเซ็ง รายนี้นี่แหละ ท่านกลับไปให้สัมภาษณ์แสดงความไม่พอใจต่อ กบ สุวนันท์ บอกว่าไม่มีค่า ไม่มีราคา ไม่ต่างไปจาก หญ้า ที่ขึ้นๆ รอบปราสาทนครวัด อะไรประมาณนั้น แถมยังสั่งห้ามไม่ให้เผยแพร่ละครไทยเรื่อง ลูกไม้หล่นใกล้ต้น ของคุณหลาน กบ สุวนันท์ โดยทันที ด้วยเหตุนี้...ในวันต่อมาคือวันที่ 29 มกราคม พ.ศ.2546 บรรดาชาวกัมพูชาที่รักชาติ หรือจะเรียกว่า คลั่งชาติ ก็คงไม่ถึงกับผิดอะไรมากมายนัก เลยยกขบวนไปกลุ้มรุม ณ สถานทูตไทยประจำกัมพูชา ก่อนที่จะบุกเข้าไปในสถานทูต จุดไฟเผา นำเอาพระบรมฉายาลักษณ์ของล้นเกล้าฯ รัชกาลที่ 9 มาเหยียบย่ำทำลาย ชนิดทูตไทยและเจ้าหน้าที่อีก 16 ราย ต้องเผ่นหนีตายกันกระเจิดกระเจิง...

ดังนั้น...ในวันที่ 30 มกราคม ถัดมาอีกวัน บรรดาชาวไทยผู้รักชาติทั้งหลายไม่น้อยกว่า 200 คน เลยต้องแห่ไปกลุ้มรุมสถานทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยไว้มั่ง โดยจะมีนิสิตนักศึกษาจากสหพันธ์นักศึกษาตามมาสมทบ รวมทั้งนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหงอีกราวๆ 1,000 คน มีการนำเอาเอกสารภาพข่าวของสำนักข่าวต่างประเทศที่แสดงให้เห็นถึงการเหยียบย่ำพระบรมฉายาลักษณ์กษัตริย์ไทยโดยชาวเขมร มาแจกจ่ายในที่ชุมนุม บรรดาคนไทยที่รักชาติไม่น้อยกว่าคนเขมร เลยเอาธงชาติกัมพูชามาเผา ปัสสาวะรดใส่ แล้วชักธงชาติไทยแขวนไว้ที่เสาไฟฟ้า ก่อนแหกรั้วเหล็กของเจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกเข้าไปทำลายป้ายชื่อ The Royal Embassy of Cambodia ส่วนคิดจะลงมือเผาแบบเดียวกับที่สถานทูตไทยถูกเผาอีกด้วยหรือไม่? อย่างไร? ก็ยากจะคาดเดาได้ง่ายๆ...

แต่ขณะที่ฉากสถานการณ์กำลังเป็นไปในแบบ มึงมั่ง-กูมั่ง อะไรประมาณนั้น ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติในขณะนั้น พลตำรวจเอกสันต์ ศรุตานนท์ ท่านได้ขึ้นไปบนเวทีกล่าวกับผู้ชุมนุมว่าได้รับโทรศัพท์จากราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง คุณ อาสา สารสิน ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร.9 ที่ถูกชาวเขมรเหยียบย่ำทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ไปหมาดๆ ก็เถอะ ท่านมีรับสั่งขณะเสด็จฯ ไปพระราชทานรางวัลเจ้าฟ้ามหิดล ประมาณว่า... “ขณะนี้เราเป็นพระเอก เป็นผู้ดีอยู่แล้ว...อย่าทำตัวให้กลายเป็นผู้ร้าย” ว่ากันว่า...เพราะโดยรับสั่งดังกล่าวนี่เอง ที่ทำให้บรรดาผู้ชุมนุมทั้งหลายเกิด สติ ขึ้นมาโดยทันที-ทันใด พร้อมใจร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีก่อนแยกย้ายสลายตัวไปจากหน้าสถานทูตกัมพูชา ไม่ได้คิดจะเผา ไม่ได้คิดจะมึงมั่ง-กูมั่งอีกต่อไป ชนิดที่ทำให้สำนักข่าวต่างประเทศอย่าง รอยเตอร์ ถึงกับสรุปว่า... “น้อยครั้งที่จะได้เห็นการออกมายุติความขัดแย้งทางการเมืองของพระมหากษัตริย์ ผู้ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลก...”

จากนั้น...ก็เป็นเรื่องของกระบวนการคลี่คลาย ลดความขัดแย้ง ระหว่างเพื่อนบ้านทั้งสอง โดยรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา นายฮอร์ นัมฮง ได้เดินทางมายังประเทศไทย เพื่อขอโทษและขอเข้าเฝ้าฯ นำเอาพระราชสาส์นแสดงความเสียใจของกษัตริย์กัมพูชา สมเด็จนโรดม สีหนุ มากราบบังคมทูล โดยนอกจากรัชกาลที่ 9 จะมีรับสั่งขอบใจคนไทยที่สลายการชุมนุมแล้ว ยังได้รับสั่งถึงการฟื้นฟูความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาว่า เป็นเรื่องของรัฐบาล ว่าจะทำอย่างไรจึงจะเหมาะสม เพราะมีขั้นตอนการเจรจาต่างๆ อยู่แล้ว...

เหตุที่ต้องไปรื้อฟื้นความทรงจำดังกล่าวขึ้นมาใหม่...ก็คงไม่ได้มีอะไรมากไปกว่า อาจพอช่วยให้เกิดข้อคิด สะกิดใจ เกิดอุทาหรณ์ สอนใจ สำหรับบรรดาทวยไทยทั้งหลาย ที่แม้ว่าน่าจะ เกิดทัน ขณะเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ เพราะเพิ่งผ่านมาแค่ 20 กว่าปีเท่านั้นเอง แต่ก็อย่างว่า...สิ่งที่เรียกว่า สติ นั้น ถ้าหากไม่หมั่นประคับประคอง ไม่คิดจะยึดมั่น ถือมั่น เอาไว้ให้จงหนัก โอกาสที่ พระเอก หรือ ผู้ดี จะกลายเป็น ผู้ร้าย ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเลย!!!.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ความจริงเทียมทำร้ายสังคม

การสื่อสารของสื่อสารมวลชนที่ทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าประตูข่าว เลือกข่าวที่จะนำเสนอ และปิดข่าวที่ไม่ต้องการเสนอ ทำให้สังคมรับรู้ความจริงเทียม (Pseudo-reality)

น้ำท่วม!!!...กับ'พรหมวิหาร4'

ออกจะหนักหนา-สาหัสมิใช่น้อย...สำหรับ น้ำท่วมปักษ์ใต้ คราวนี้!!! ไม่ใช่แต่เฉพาะ หาดใหญ่-สงขลา ที่แม้แต่ผู้เป็นห่วง เป็นใย ออกไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ ยังอดร้องห่ม ร้องไห้

เมื่อ 'ศูนย์ฯ' กลายเป็น 'ศูนย์'

ฟังเหตุผล ผบ.ต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ แม่ทัพใหญ่สีกากี ถึงเรื่องที่ พล.ต.ต.ธีรศักดิ์ ไชยโยธา ผู้การสงขลา มีคำสั่งเด้ง ผู้กำกับหาดใหญ่-พ.ต.อ.ธรรมรัตน์ เพชรหนองชุม

ดวงชะตาเมืองรัตนโกสินทร์ปี 2569 (ตอนที่2) เหตุสำคัญที่มีเกณฑ์เกิดในเมืองปี 2569

ตลอดปีเสียอะไรไปสู้ได้กลับมา-ภายใน 21 เมษายน เมืองยังมีโอกาสเสียคนหรือของรัก-ฟาดเคราะห์ให้เมืองด้วยการร่ว

เมื่อผู้ใหญ่จัญไรอัปรีย์...จะมีอะไรดีให้ลูกหลาน

ลองวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองของไทยเราขณะนี้ เราก็จะเห็นว่าประเทศไทยเรากำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ เพราะมีผู้ใหญ่เห็นแก่ตัว ทำตัวชั่วช้าสามานย์

แด่..อาจารย์'สุธี ประศาสน์เศรษฐ'

หลังออกจากห้อง ไอซียู เมื่อเกือบ 2-3 ปีที่แล้ว...หนึ่งในผู้ที่โทรศัพท์ไปให้กำลังใจ ไปเชียร์ให้สู้ๆ เข้าไว้ ก็คือ ดร.สุธี ประศาสน์เศรษฐ ผู้ที่แนะนำตัวเองด้วยสำเนียงติดตลกมาทางโทรศัพท์