
เวทีการเมืองรอบนี้สายตาทุกคู่หันไปที่ “ชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว” สส.สงขลา พรรคกล้าธรรม หลังถูกลากโยงกับธุรกิจสีเทา และถูก ปปง.อายัดทรัพย์กว่า 159 ล้านบาท ท่ามกลางกระแสสังคมที่กดดันให้รับผิดชอบ แต่เจ้าตัวกลับไม่สะทกสะท้าน สวนกระแสด้วยการประกาศไม่ลาออก แถมยังโวว่าต้องการเคลียร์ตัวเองให้จบ และหวังไปถึงตำแหน่งรัฐมนตรีหลังเลือกตั้งครั้งหน้าเสียด้วยซ้ำ
พรรคกล้าธรรมก็เดินเกมอุ้มเต็มตัว ออกมาชี้ว่าหากจะเรียกร้องให้ใครแสดงสปิริต ก็ต้องใช้มาตรฐานเดียวกันกับนักการเมืองที่มีคดีค้างระหว่างพิสูจน์ทั้งหมด เข้าทำนอง “ข้าชั่ว เอ็งก็เลว” ที่ชวนให้บรรยากาศการเมืองดูขุ่นมัวขึ้นกว่าเดิม เรื่องนี้พรรคกล้าธรรมโดนเต็มๆ ทั้งภายในและภายนอก หลายฝ่ายถึงขั้นประเมินว่าอาจอยู่ไม่ถึงเลือกตั้งครั้งหน้า โดยเฉพาะกระแสในภาคใต้ที่ได้ยินว่าตกแบบสุดๆ นักการเมืองในพรรคหลายคนเริ่มเหลียวซ้ายแลขวา มองหาบ้านใหม่กันแล้ว
แรงกระแทกจากเรื่องนี้ยังสั่นมาถึง “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้กำกับดูแลภาพรวมทั้งพรรคและรัฐบาล ที่จะทำเป็นเกียร์ว่างไม่ได้อีกต่อไป จึงถูกจับตาว่าต้องแสดงภาวะผู้นำบางอย่าง ไม่เช่นนั้นจะถูกมองว่ารัฐบาลมีผลประโยชน์ร่วมกับปัญหาเหล่านี้ แค่เพื่อรักษาเสถียรภาพของตัวเอง ทั้งที่สังคมกำลังรอความเชื่อมั่นจากรัฐบาลที่หวังขอโอกาสทำงานอีก 4 ปี เหมือนเมื่อครั้งที่เคยสะกิดให้อดีต รมช.คลังลาออก หลังมีชื่อไปโยงกับขบวนการสแกมเมอร์
๐ นับจากวันที่ศาลอาญายกฟ้องคดีมาตรา 112 ของ “ทักษิณ ชินวัตร” เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา จากเหตุให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ เรื่องที่หลายฝ่ายเคยคิดว่าจะจบเงียบๆ หลัง “นายใหญ่” เข้าเรือนจำรับโทษในคดีชั้น 14 แต่สถานการณ์กลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น กระแสค่อยๆ เปลี่ยนทิศ จนมาถึงวินาทีที่สำนักงานอัยการสูงสุดมีข่าวว่าเตรียมอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ ก่อนครบเส้นตาย 21 พฤศจิกายนนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าจะไม่อุทธรณ์ ปล่อยให้เรื่องจบๆ กันไป
คนการเมืองอ่านเกมออกทันที นอกจากหลักการทางกฎหมายที่อัยการต้องเดินหน้าหลังแพ้ในศาลชั้นต้น อีกมุมหนึ่งก็มองกันว่าเป็นการ “ล่ามโซ่” พรรคเพื่อไทยให้อยู่ในกรอบ ไม่ให้แสดงบทฝ่ายค้านแบบอัดยับทุกเรื่อง เพราะถ้าย้อนถามกลับไป เรื่องที่โจมตีรัฐบาลชุดนี้ หลายเรื่องสะท้อนมาที่ผู้นำของพรรคเพื่อไทยเอง
ขณะเดียวกัน ฝ่ายอนุรักษนิยมที่มีบทบาทกำกับทิศทางรัฐบาลตอนนี้ก็ต้องการสะสางปัญหาต่างๆ ที่รัฐบาลชุดก่อนทิ้งไว้ โดยเฉพาะปัญหา “ชายแดน” ที่ว่ากันว่าเป็นต้นตอจากกรณีคลิปเสียงอังเคิล จนเกิดความขัดแย้ง มีผู้บาดเจ็บล้มตายและความเสียหายมาจนถึงทุกวันนี้ จังหวะที่ อสส.ขยับเช่นนี้ จึงไม่ต่างจากการส่งสัญญาณทางการเมืองไปยังเพื่อไทยว่า “อย่าขยับเยอะ อย่าออกแรงต้าน” เพราะคดีสำคัญยังแขวนคออยู่ ทั้งของทักษิณที่รอวันพ้นโทษ ไปจนถึงคดีอาญาของแพทองธาร ชินวัตร ที่ยังอยู่ในชั้น ป.ป.ช. ซึ่งพร้อมเดินหน้าได้ทุกเมื่อ รวมถึงกรณี “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ที่ก็ยังไม่รู้ว่าจะได้กลับบ้านเมื่อไร
๐ ความชัดที่สุดคือการเปิดตัวตบหน้าพรรคแดงของ “สุดารัตน์ พิทักษ์พรพัลลภ” สส. อุบลราชธานี ลูกสาว “เฮียกุ่ย” ชูวิทย์ พิทักษ์พรพัลลภ ที่ปรึกษารัฐมนตรี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า พร้อมด้วย “ชูศักดิ์ แม้นทิม” สส.กาญจนบุรี ซึ่งมีแนวโน้มจะลาจากเพื่อไทยแล้วหันเข้าสังกัดภูมิใจไทยเพื่อสู้ศึกครั้งหน้า และยังเชื่อว่า “เลือดสีแดง” ยังไม่หยุดไหลแค่นี้ เพราะกระแสย้ายพรรคยังคงต่อเนื่อง ไม่แน่ว่าเมื่อสภาเปิด 12 ธ.ค. หากเพื่อไทยจะยื่นซักฟอกพรรคเดียว จะรวบรวมเสียงถึง 100 เสียงได้หรือไม่ เพราะตามรัฐธรรมนูญต้องมีอย่างน้อยหนึ่งในห้า แต่หากไม่ถึงก็เสียหน้า แถมหลังเลือกตั้งอาจเหลือ สส.ต่ำกว่าร้อย กลายเป็นพรรคขนาดกลางแบบเต็มตัว
ช่วงนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสเพื่อไทยตกลงอย่างเห็นได้ชัด แรงเสียดทานภายใน การจัดวางอำนาจที่สั่นคลอน รวมถึงคดีของบุคคลสำคัญในพรรคที่ยังค้างในกระบวนการยุติธรรม ทำให้ สส.หลายคนเริ่มตั้งคำถามกับอนาคตทางการเมืองของตัวเอง บรรยากาศในพรรคยิ่งสะท้อนชัด เมื่อเริ่มมีเสียงว่า สส.บางกลุ่มและคนในเพื่อไทยกำลัง “ไม่มีที่ยืน” รวมถึงเมื่อได้โอกาสเป็นรัฐบาล 2 ปี ไม่มีผลงาน ตระบัดสัตย์ หรือถูกกระแสคลิปเสียงอังเคิลตามหลอกหลอน จนเกิดความขัดแย้งไปทั่ว.
คางดำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.


