
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จับมือหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และพันธมิตรด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยว เปิดตัวความพร้อมโครงการ “Trusted Thailand” อย่างเป็นทางการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยและคุณภาพบริการแก่ทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงการมอบตราสัญลักษณ์ให้สถานประกอบการที่ผ่านการประเมินมาตรฐาน โดยตั้งเป้าช่วยผลักดันรายได้จากการท่องเที่ยวสู่ระดับ 2.8 ล้านล้านบาทในปี 2569
โดยมี นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายหยาง เสี่ยวหลง ที่ปรึกษาแผนกวัฒนธรรม สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย
และนางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ร่วมด้วยพันธมิตรจากหลายภาคส่วน อาทิ กรมการท่องเที่ยว กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมอนามัย ตำรวจท่องเที่ยว สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ สมาคมโรงแรมไทย สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ผู้ประกอบการย่านราชประสงค์ รวมถึงแพลตฟอร์มดิจิทัลด้านท่องเที่ยวและการเดินทาง เช่น Trip.com, Agoda และ Grab ประเทศไทย
ในช่วง 10 เดือนแรกของปี 2568 ประเทศไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติแล้วกว่า 26.7 ล้านคน โดยนักท่องเที่ยวจีนมีจำนวน 3.7 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 15% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด นทท.จีนถือเป็นตลาดสำคัญ ที่รัฐบาลต้องเร่งสร้างความมั่นใจอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจึงเดินหน้ามาตรการเสริมความปลอดภัยในทุกมิติ ทั้งการพัฒนามาตรฐานสถานที่ท่องเที่ยว การประสานงานด้านความมั่นคง
ดังนั้นการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้อง และการอำนวยความสะดวกผ่านโครงการ “Trusted Thailand” ซึ่งจะเป็นสัญลักษณ์รับรองความปลอดภัยและคุณภาพของโรงแรม ร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยว และศูนย์การค้า เพื่อให้เป็นตัวเลือกแรกๆ ของนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะกลุ่มนักเดินทางชาวจีนที่นิยมท่องเที่ยวแบบอิสระ (FIT)
นายหยาง เสี่ยวหลง ตัวแทนสถานเอกอัครราชทูตจีนฯ ระบุว่า ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ตลอด 50 ปีที่ผ่านมาเติบโตมั่นคงและลึกซึ้ง โดยด้านการท่องเที่ยวถือเป็นหัวใจสำคัญ ความปลอดภัยจึงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจเดินทาง เขายกย่องโครงการ “Trusted Thailand” ว่าเป็นความร่วมมือที่มีความรับผิดชอบและตั้งใจจริง ช่วยยกระดับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยวจีน และเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความอบอุ่นใจให้ประชาชนจีนเลือกประเทศไทยเป็นจุดหมายท่องเที่ยวต่อเนื่อง
ขณะที่ นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการ ททท. ชี้ว่า ปี 2568 มีหลายเหตุการณ์ที่กระทบภาพลักษณ์การท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในกลุ่มชาวจีน ทำให้พฤติกรรมนักท่องเที่ยวให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยสูงขึ้น โครงการ “Trusted Thailand” จึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อย้ำภาพลักษณ์ประเทศไทยว่าเป็นจุดหมายที่ “ปลอดภัย คุณภาพสูง และเชื่อถือได้” พร้อมเสริมพลัง Soft Power ของไทย เช่น รอยยิ้ม มิตรภาพ และวัฒนธรรม เพื่อให้ไทยยังคงเป็น Top of Mind ของนักท่องเที่ยวจีนในระยะยาว มั่นใจว่าโครงการนี้จะเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยดึงความเชื่อมั่นกลับคืน และสนับสนุนให้รายได้การท่องเที่ยวไทยเติบโตตามเป้าหมาย 2.8 ล้านล้านบาทในปี 2569
โดย ททท.เปิดรับผู้ประกอบการเข้าสมัครผ่านเว็บไซต์ www.tourismthailand.org/trustedthailand เพื่อรับการประเมินและมอบตราสัญลักษณ์ โดยแบ่งเป็น 4 ประเภท ได้แก่ โรงแรมและที่พัก ร้านอาหารและภัตตาคาร นันทนาการและสถานที่ท่องเที่ยว ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้า และการประเมินมาตรฐานแบ่งเป็น 4 ด้านหลัก ได้แก่ 1.ความปลอดภัยทั่วไป มีกล้องวงจรปิด ระบบแจ้งเหตุฉุกเฉิน แผนจัดการพื้นที่ การควบคุมการเข้า-ออก และการซักซ้อมแผนภัยพิบัติ
2.ความปลอดภัยด้านการชำระเงิน : รองรับระบบชำระเงินที่ปลอดภัย เช่น Alipay, WeChat Pay คุ้มครองข้อมูลผู้ใช้ และเปิดเผยค่าใช้จ่ายอย่างโปร่งใส 3.การสื่อสารภาษาต่างประเทศ : มีความสามารถสื่อสารภาษาต่างประเทศเพื่อดูแลนักท่องเที่ยวอย่างมืออาชีพ 4.ความปลอดภัยด้านการเดินทางเข้าถึง : จุดตั้งชัดเจน ป้ายข้อมูลครบถ้วน และเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะอย่างปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม ททท.คาดว่าจะมีผู้ประกอบการสมัครเข้าร่วมโครงการไม่น้อยกว่า 5,000 ราย โดยผู้ที่ผ่านเกณฑ์จะได้รับการโปรโมตผ่าน Trip.com พร้อมประชาสัมพันธ์บนแพลตฟอร์มออนไลน์-ออฟไลน์ของ ททท. เพื่อช่วยขยายกลุ่มลูกค้าและสร้างการรับรู้ระดับสากล
ดังนั้นโครงการ “Trusted Thailand” จึงไม่เพียงยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย มุ่งสร้างมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพบริการในสถานประกอบการท่องเที่ยวทั่วประเทศ เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่ปลอดภัย เชื่อถือได้ และมีคุณภาพระดับสากล พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้เดินทางอย่างมั่นใจมากขึ้น และยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในวงกว้าง รองรับการเติบโตของตลาดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะตลาดจีนที่มีศักยภาพสูงอีกด้วย.
กัลยา ยืนยง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เสริมสร้างธรรมาภิบาลองค์กร
ธรรมาภิบาลที่เข้มแข็งเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างความไว้วางใจและดึงดูดการลงทุน ในช่วงเวลาที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและความโปร่งใสมากขึ้น ท่ามกลางกระแสการตรวจสอบกรณีทุจริตทางธุรกิจที่เกิดขึ้นในหลายประเทศทั่วเอเชีย
ค้าปลีก-ร้านอาหารยังเติบโตในปี69?
เข้าสู่เดือนสุดท้ายของปี 2568 กันแล้ว แน่นอนว่าธุรกิจในปีหน้ายังคงมีโจทย์ท้าทายอีกหลายอย่างกำลังรออยู่ และตลอดปี 2568 นี้เอง ภาคธุรกิจต่างๆ ก็ไม่ง่าย! เพราะต้องเผชิญกับปัจจัยที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นตลอด
เจาะลึกเทรนด์อีคอมเมิร์ซไทย
ปัจจุบันตลาดอีคอมเมิร์ซไทยถูกขับเคลื่อนด้วยการแข่งขันของ 3 แพลตฟอร์มหลัก คือ Shopee 89%, TikTok Shop 71% และ Lazada 66% โดย 87% ของผู้บริโภคชาวไทยซื้อสินค้าออนไลน์เป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน
เสริมความมั่นคงสุขภาพไทย
อุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ของไทยกำลังเคลื่อนตัวเข้าสู่จังหวะใหม่ที่น่าสนใจ และสำคัญต่อความมั่นคงด้านสาธารณสุขของประเทศอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเมื่อความต้องการเครื่องช่วยหายใจชนิด CPAP/BiPAP
ดาต้าเซ็นเตอร์เพิ่มโอกาสธุรกิจไทย
ในโลกที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ ธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างมั่นคงจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ระบบดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ การสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
คนละครึ่งพลัส….สุดคึกคัก
คนละครึ่งพลัส…นับว่าเป็นมาตรการที่สร้างความคึกคักให้กับพ่อค้าแม่ค้าอย่างมาก ซึ่งแว่วๆ ว่าจะมีคนละครึ่งพลัสเฟส 2 อีกด้วย โดยนอกเหนือจากหน้าร้านแล้ว แอปสั่งอาหารก็ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน


