บันทึกหน้า 4

ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว ทั้งที่ความจริงต่อให้ เป็น ทักษิณ ชินวัตร หรือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ก็อาจจะรับมือไม่ได้เช่นกัน ฉะนั้นหากจะถามหาความรับผิดชอบ ก็ต้องดูว่าเขาได้ทำอะไรผิดพลาด และควรรับผิดชอบในระดับใดบ้าง

ในการทำงานของผู้นำประเทศ ไม่ว่าจะที่ใดในโลก มาตรฐานขั้นพื้นฐานคือความสามารถในการประมวลข้อมูลจากพื้นที่อย่างแม่นยำ และเลือกใช้ผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพลงไปทำงานในจุดวิกฤต

ในมาตรฐานการเมืองของประเทศพัฒนาแล้ว ความรับผิดชอบต่อวิกฤตไม่ใช่เรื่องถกเถียงกันยืดยาว เพราะเป็นหลักสากลที่ถูกยึดถือมานาน บางประเทศ เช่น ญี่ปุ่น หรือหลายประเทศในยุโรป เมื่อผู้นำบริหารผิดพลาดในวิกฤต ประชาชนเดือดร้อนรุนแรง การลาออกเป็นเรื่องปกติ เป็นสัญลักษณ์ของจริยธรรมทางการเมือง แต่บางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา ตำแหน่งผู้นำถูกผูกไว้กับการเมืองแบบประธานาธิบดี การลาออกจึงไม่ใช่วัฒนธรรมทางการเมือง กระนั้นการตรวจสอบและการลงโทษทางการเมืองก็ยังเกิดขึ้นผ่านสภาและการเลือกตั้ง

กรอบความรับผิดชอบในสังคมประชาธิปไตยมีข้อพิจารณาเช่นเดียวกันว่า เมื่อ “แม่ทัพ” ทำเมืองเสียหาย สมัยก่อนคือการลงโทษขั้นสูงสุด สมัยนี้คือการลาออกเพื่อยอมรับความผิดพลาดและปกป้องมาตรฐานของระบบการเมือง การพังของกลไกหลักที่เกิดจากความผิดพลาดชัดเจนจึงต้องมีผู้รับผิดชอบ หนึ่งคือ ตัวผู้ที่ลงไปควบคุมสถานการณ์ในพื้นที่ ซึ่งต้องผละจากตำแหน่งเพื่อยืนยันคุณค่าทางการเมืองที่ให้ความสำคัญกับประชาชนมากกว่าอำนาจ 

สองคือ ผู้บริหารระดับท้องถิ่น ที่พุ่งตรงไปที่ นายกแป้น-ณรงค์พร ณ พัทลุง นายกเทศมนตรีเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนัก จนทำให้การจัดการวิกฤตขาดประสิทธิภาพ ก็ต้องรับผิดชอบเช่นกัน 

ทั้งหมดนี้เป็นภาพสะท้อนของคำถามใหญ่กว่าว่า ผู้มีอำนาจรักชาติจริงหรือไม่ หรือเพียงสนใจรักษาอำนาจของตนเอง ประชาชนจะเป็นผู้สรุปด้วยสายตาของตนเองเมื่อทุกอย่างคลี่คลาย

๐ ในอีกมุมหนึ่ง เวทีการเมืองระดับชาติยังเดินหน้าเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ การประชุมรัฐสภาช่วงเดือนธันวาคมหลังสภาเปิดในวันที่ 12 ธ.ค. ถูกจับตาว่าอาจเป็นสนามต่อสู้ของ 3 พรรคใหญ่ คือ พรรคภูมิใจไทย พรรคประชาชน และ พรรคเพื่อไทย ในการชิงพื้นที่นำทางการเมือง

โดยตัวแปรสำคัญคือการลงมติแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระสาม เสียงสนับสนุนจากวุฒิสภาเป็นตัวชี้ขาด เพราะการแปรญัตติในวาระสองทำให้ร่างสุดท้ายอาจได้เปรียบพรรคหนึ่งและเสียเปรียบอีกพรรคหนึ่ง หากวุฒิสภามองว่าเนื้อหาที่ปรับแล้วกระทบผลประโยชน์ทางการเมือง ผลลงมติอาจออกได้ทั้งผ่านและไม่ผ่านอย่างพอสูสี

หลังการลงมติวาระสาม วันที่ 26 ธันวาคม เส้นทางการเมืองอาจพลิกผัน พรรคใหญ่บางพรรคเตรียมใช้เวทีอภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นเครื่องมือชิงคะแนนก่อนเข้าสู่ฤดูกาลเลือกตั้ง 

ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลเองอาจพิจารณายุบสภาเมื่อไม่เหลือเงื่อนไขทางรัฐสภาให้ผูกมัดอีก การยุบสภาหลังผ่านวาระสามจึงกลายเป็นบทวิเคราะห์ที่เริ่มหนักแน่นขึ้นเรื่อยๆ เพราะเป็นช่วงที่สัญญาณความไม่พอใจของประชาชนต่อการบริหารโดยเฉพาะวิกฤตหาดใหญ่ ถูกคาดว่าจะใช้เป็นประเด็นโจมตีหลักทั้งในสภาและบนเวทีเลือกตั้ง ขณะที่พรรคเพื่อไทย นำโดย จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ก็คาดว่าจะยังไม่ยื่นจนกว่ารัฐธรรมนูญจะจบวาระสาม เพราะไม่เช่นนั้นอาจถูกประชาชนประณามได้  

ขณะเดียวกัน การเมืองภาคใต้เองก็เกิดการขยับตัวครั้งใหญ่ ผลสำรวจความคิดเห็นของนิด้าโพลล่าสุดชี้ว่าพรรคเก่าในภูมิภาคอย่างพรรคประชาธิปัตย์ เริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน เมื่อ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำพรรค ได้รับความนิยมเพิ่มสูงขึ้น ฐานเสียงเดิมที่เคยแปรพักตร์ใน 2 การเลือกตั้งก่อนเริ่มกลับมาอีกครั้ง ส่งผลกระทบโดยตรงต่อคะแนนนิยมของพรรคการเมืองอีกพรรคที่เคยครองพื้นที่มาก่อน การแข่งขันระหว่างกลุ่มอุดมการณ์ใกล้เคียงกันจึงยิ่งดุเดือด เพราะต้องชิงฐานเสียงเดียวกัน.

 

คางดำ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน

บันทึกหน้า 4

ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว

บันทึกหน้า 4

หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

บันทึกหน้า 4

ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย

บันทึกหน้า 4

น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.

บันทึกหน้า 4

มหาอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงต่อเนื่อง เล่นเอา “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องบินลงพื้นที่น้ำท่วมรอบที่ 3 เพื่อไปช่วยวิกฤตหาดใหญ่อีกครั้ง เพราะดูเหมือนงานนี้ “นายกฯ หนู” แทนที่จะได้ดอกไม้แต่กลับได้กระถางแถมมาด้วย จำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องความล่าช้าในการแก้ไข รวมถึงความซ้ำซ้อนในการแก้ไขปัญหา