
ไทยโพสต์ "อิสรภาพแห่งความคิด" www.thaipost.net น้ำลด การเมืองผุด! หลังเพลาไปช่วงมหาวิปโยคใต้ เวลานี้กลับมาร้อนฉ่าอีกรอบ ช่วงเย็นพุธที่ผ่านมา คล้อยหลัง "นายกฯ อนุทิน" แถลงโชว์ถอนรากสแกมเมอร์เขมรยึดทรัพย์หมื่นล้าน กลายเป็นเรียกแขก มีการปล่อยภาพที่เคยถ่ายร่วมเฟรมกับ "เบน สมิธ" เจ้าพ่อสแกมเมอร์ตัวเอ้ "รู้จักแต่ไม่สนิท และภาพที่ปรากฏคือการเจอกันครั้งแรก เป็นคนที่คุยกันในลักษณะเพื่อนของเพื่อนของเพื่อน หลังจากนั้นก็เจอกันตามงานก็ทักทาย เคยเจอในงานประมาณ 5-6 ครั้ง... ทำไมจะมาเอากับเรื่องรูปที่ถ่ายเป็น 10 ปี" นายกฯ หนูการันตีความบริสุทธิ์โดยบอกสื่อด้วยว่าจำไม่ได้หรือที่เขาไม่ได้สัญชาติไทยสักที และเป็นหนึ่งสาเหตุที่ถูกขอให้ออกจากตำแหน่ง รมว.มหาดไทย พอพูดประเด็นนี้
เล่นเอาเพื่อแม้วควันออกหู "ศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ" โฆษกพรรคเพื่อไทย โต้กลับทันที ไม่เกี่ยวเรื่องสัญชาติ แต่ท่านทำงานไม่เป็น แถมขยี้เรื่องรูปว่าน่าจะมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเบน สมิธ งานนี้เพจดังเลยตีแสกหน้าด้วยการลงภาพ "นายใหญ่" ทักษิณ ชินวัตร นั่งสนทนากับเจ้าพ่อสแกมเมอร์ พร้อมระบุว่าเป็นรูปใหม่ไม่เกิน 1 ปี ซึ่งชื่อเสียงเบน สมิธ กระฉ่อนแล้วว่าทำธุรกิจอะไร ต่างจากขุดรูปโบราณของนายกฯ หนู ไม่รู้นายใหญ่จะว่ายังไงบ้าง ช่วงนี้มัวแต่ยุ่งขึ้นเวทีร้องเพลง "ใจสั่งมา"
๐ ไม่ใช่แค่หัวหน้ารัฐบาลที่สะเทือน หน้าใหม่การเมือง มือเศรษฐกิจอย่าง "เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ" รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง ก็มีหน้าอยู่ในเฟรมกับเขาด้วย ถึงกับออกปากไม่คุ้นเคยกับการเมืองแบบนี้เลย ชี้แจงว่าเป็นภาพจากงานเลี้ยงของหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อ 5-6 ปีก่อน ไปร่วมในฐานะที่ปรึกษาและอาจารย์หลักสูตร "เข้ามาอยู่ตรงนี้ เพราะตั้งใจอยากเข้ามาทำงานเพื่อประเทศจริงๆ ไม่คิดว่าจะต้องมาคอยระมัดระวังอะไรขนาดนี้ และที่ผ่านมาเวลาไปงานเลี้ยง หรือไปงานขึ้นกล่าวปาฐกถาต่างๆ ก็จะมีคนเข้ามาขอถ่ายรูป หรือแลกนามบัตร และตามธรรมชาติผมก็ถ่ายรูปด้วย ไม่มีอะไร แต่หลังจากนี้อาจจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้น" ที่สำคัญเรื่องว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีพรรคภูมิใจไทย ซึ่งนายกฯอนุทินกำลังจีบอยู่ เจ้าตัวบอกว่ายังไม่ตัดสินใจ ฟังแบบนี้ดูท่าน่าจะคิดหนักมากขึ้นแน่
๐ นับถอยหลังสู่โหมดการเลือกตั้งเข้ามาทุกที คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศตั้งแต่ไก่โห่ จำนวน สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้งและเขตเลือกตั้งของแต่ละจังหวัดจะพึงมี จุดที่น่าสนใจคือ หากไปดูข้อมูลจากเลือกตั้งปี 2566 พบว่ามี 2 จังหวัดที่จำนวน สส. ลดลง คือ นครศรีธรรมราช เหลือ 9 คน จากเลือกตั้งปี 2566 ที่มี 10 คน และลพบุรี ลดเหลือ 4 คน จากเดิม 5 คน และมี 2 จังหวัด ที่ได้ สส.เพิ่มขึ้น คือ ปทุมธานี จาก 7 คน ในการเลือกตั้งปี 2566 เป็น 8 คน ในการเลือกตั้งปี 2569 และสมุทรสาคร เพิ่มจาก 3 คน เป็น 4 คน ซึ่งเมื่อส่องดู 2 จังหวัดนี้ พบว่าในการเลือกตั้งปี 2566 เก้าอี้ สส.เขต ส่วนใหญ่เป็นของ “พรรคส้ม” หากกระแส "พรรคประชาชน” ยังปังเหมือนตอนปี 2566 สมัยเป็นก้าวไกล น่าจะเป็นผลดีกับพรรค โดยที่ "สมุทรสาคร" ก้าวไกลกวาด สส.เขต ยกจังหวัด 3 คน คือ ณัฐพงษ์ สุมโนธรรม ศิริโรจน์ ธนิกกุล ศิรสิทธิ์ สงนุ้ย และได้คะแนนปาร์ตี้ลิสต์ไป 172,160 คะแนน โดยทิ้งห่างพรรคเพื่อไทยที่มาอันดับสองแบบเท่าตัว ส่วนที่ “ปทุมธานี” พรรคส้มเกือบชนะยกจังหวัด ได้ 6 ที่นั่ง เหลือให้เพื่อไทยเจ้าของพื้นที่เดิมแค่เก้าอี้เดียว สส.ฟลุ๊ค-มนัสนันท์ หลีนวรัตน์ สำหรับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เมืองปทุมกวาดแบบท่วมท้น 364,630 คะแนน ทิ้งห่างเพื่อไทยที่ได้แค่สองแสนต้นๆ ขณะที่ 2 จังหวัดที่ สส.ลดลง ไม่น่าจะมีผลกับพรรคประชาชนมากนัก อย่างเมืองคอน ก้าวไกลไม่ได้ สส.เขตแม้แต่คนเดียว ส่วนเมืองลิง ได้ 1 คนในเขต 2 คือ สาธิต ทวีผล แต่ปาร์ตี้ลิสต์ครองแชมป์ ได้มา 167,115 คะแนน ทำให้ ปชน. ภายใต้การนำของ "เท้ง" ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ น่าจะพอใจสำหรับจำนวน สส.ที่แต่ละจังหวัดพึงมีรอบล่าสุด.
ลี้คิมฮวง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ต้องยอมรับว่าแม้ “มหาอุทกภัยในภาคใต้” เริ่มคลี่คลายเข้าสู่จุดการเยียวยา-ฟื้นฟูแล้วก็ตามที แต่ยอดผู้เสียชีวิตและความเสียหายก็ยังไม่นิ่งเสียทีเดียว แต่อย่างไรยอดผู้เสียชีวิตก็คงไม่ถึงพันศพตามที่ “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” อดีต รอง ผบ.ตร. วาดหวังแน่ๆ แล้ว
บันทึกหน้า 4
หลังวิกฤตน้ำท่วม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา คลี่คลาย น้ำตาก็ท่วมเมือง เมื่อชาวหาดใหญ่เห็นสภาพบ้านเรือนของตัวเองกลายเป็นซากปรักหักพัง ทรัพย์สินที่สร้างมาพังพาบไปกับกระแสน้ำแทบสิ้นเนื้อประดาตัว นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ร่วมประชาสัมพันธ์กิจกรรมความร่วมมือ “รวมใจไทย ฟื้นแดนใต้” ซึ่งรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เป็นแกนกลางในการประสานงานร่วมกับภาคเอกชนและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
ภายใต้วิกฤตหาดใหญ่ครั้งนี้ ผู้นำรัฐบาลอย่าง อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ และ รมว.มหาดไทย ถูกเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบ แม้ต้นตอของปัญหาไม่ได้มาจากเขาคนเดียว
บันทึกหน้า 4
ขึ้นต้นเดือนสุดท้ายของปี บรรยากาศสังคมไทยยังคงซึมๆ เศร้าๆ อยู่กับเหตุและเภทภัยที่พี่น้องชาวใต้กำลังเผชิญ "น้ำลดตอผุด" ถูกขุดขึ้นมาเป็นรายวัน เหมือนมีใครบางคนกำลังช่วงชิงสถานการณ์หวัง "ตีกิน" สร้างดรามา แต่งคอนเทนต์ไล่ล่าเอาคะแนนนิยมคืนจากรัฐบาลที่นำโดยพรรคภูมิใจไทย
บันทึกหน้า 4
น้ำใจไทยไม่เคยเหือดแห้ง ถนนทุกสายจากทั่วประเทศมุ่งสู่ใต้ โดยเฉพาะ "มหาวิปโยคหาดใหญ่" ไม่ใช่แค่ทั้งเมืองจมบาดาล ทรัพย์สินเสียหาย แต่รวมถึงชีวิตที่ประเมินค่าไม่ได้ ซึ่งมีการอัปเดตตัวเลขช่วงเย็น 27 พ.ย.
บันทึกหน้า 4
มหาอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ยังคงเป็นประเด็นร้อนแรงต่อเนื่อง เล่นเอา “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ต้องบินลงพื้นที่น้ำท่วมรอบที่ 3 เพื่อไปช่วยวิกฤตหาดใหญ่อีกครั้ง เพราะดูเหมือนงานนี้ “นายกฯ หนู” แทนที่จะได้ดอกไม้แต่กลับได้กระถางแถมมาด้วย จำนวนมาก โดยเฉพาะเรื่องความล่าช้าในการแก้ไข รวมถึงความซ้ำซ้อนในการแก้ไขปัญหา


