
ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด ขอเข้าโหมดเลือกตั้งอย่างเป็นทางการ หลังคำสั่งยุบสภาเมื่อ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้สนามการเมืองที่อุ่นๆ กลายเป็นเตาแก๊สเปิดไฟแรงในพริบตา เลือกตั้งต้นปี 2569 ยังไม่ทันมาถึง แต่เกมช่วงชิงอำนาจเริ่มเดือดเกินองศา
ภาพรวมการเมืองรอบนี้หนีไม่พ้นการปะทะของ 3 สี 3 ขั้ว “น้ำเงิน–ส้ม–แดง” ที่ต่างฝ่ายต่างรู้ดีว่า รอบนี้ไม่ใช่แค่แข่งนโยบาย แต่แข่ง “ตัวบุคคล” ใครมีหน้า ใครมีแผล ใครมีดรามา ตอบโจทย์อารมณ์สังคมมากกว่ากัน
ฝั่งน้ำเงิน พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรัฐบาลรักษาการ เดินเกมไวแบบไม่รอฤกษ์ นายกฯ หนู-อนุทิน ชาญวีรกูล ชิงประกาศตัวเองเป็นแคนดิเดตนายกฯ อันดับหนึ่ง พร้อมเทียบเชิญกูรูเศรษฐกิจอย่าง “เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ” และ “ศุภจี สุธรรมพันธุ์” มานั่งรายชื่อเสริมบารมี แม้เจ้าตัวทั้งสองจะยังไม่ตอบรับชัดเจน แต่ก็พอทำให้ภาพลักษณ์พรรคดูมีของ มีสมองเศรษฐกิจมาช่วยอุ้มปากท้อง
เกมนี้อ่านไม่ยาก ภูมิใจไทยต้องการตอกย้ำว่า “มีผู้นำ มีความเด็ดขาด” พร้อมใช้กระแสชาตินิยม โดยเฉพาะท่าทีแข็งกร้าวต่อกัมพูชา มาปิดจุดอ่อนเรื่องยุบสภาหนีซักฟอกเรื่องน้ำท่วมหาดใหญ่ และเรื่องสแกมเมอร์ที่ลากโยงคนใกล้ตัวในรัฐบาล การเมืองแบบนี้ไม่ต้องชนะทุกประเด็น ขอแค่กลบข่าวและชนะศึกใหญ่ก็พอ
ตัดภาพมาที่พรรคส้ม พรรคประชาชน คะแนนนิยมในหมู่คนรุ่นใหม่ยังแน่นเหมือนเดิม อุดมการณ์ชัด ทีมยุทธศาสตร์แหลมคม คำพูดเรื่องทุนเทา สแกมเมอร์ ความโปร่งใส ยังคมกริบ พร้อมสโลแกน “มีเราไม่มีเทา” ที่โดนใจแฟนคลับ
แต่ปัญหาใหญ่ไม่ใช่นโยบาย หากเป็น “หน้าแคนดิเดต” การเปิดตัว 3 รายชื่อ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ–ศิริกัญญา ตันสกุล–วีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร” ยังไม่สามารถดึงคะแนนนอกฐานเดิมได้ แถมยังมีเงาใหญ่ชื่อ “คดี 44 สส.” จากการแก้มาตรา 112 ที่แขวนคอแคนดิเดตตัวหลักถึง 2 คนไว้บนเส้นด้ายการเมือง
ยังไม่รวมบาดแผลทางความรู้สึกของสังคม จากการถูกมองว่าเป็นฝ่าย “ค้ำโหวต” ให้อนุทินเป็นนายกฯ จนเกิดวาทกรรมต้มส้ม และถูกโยงว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ต้องยุบสภา ทั้งที่ตั้งใจจะเล่นเกมแก้รัฐธรรมนูญ แต่สุดท้ายเกมพลาด กลายเป็นโดนทัวร์ลงยับ
๐ ล่าสุดดรามาร้อนฉ่าเข้าไปอีก เมื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ออกมาระบุว่า หากพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ได้เป็นนายกฯ สถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา คงไม่มาถึงจุดนี้ เล่นเอาเสียงด่ากระจายทั่วสารทิศ เพราะสวนทางกับความรู้สึกสังคมในห้วงอารมณ์ชาตินิยมแบบสุดลิ่ม
งานนี้ นายธนกร วังบุญคงชนะ รมว.อุตสาหกรรม ไม่พลาดสวนกลับแบบจัดเต็ม ไล่ตั้งแต่ประโยค “ทหารมีไว้ทำไม” นโยบายลดขนาดกองทัพ ตัดงบอาวุธ ยันสรุปแรงๆ ว่า ถ้าพิธาเป็นนายกฯ วันนี้บ้านเมืองอาจ “ลุกเป็นไฟ” ไปแล้ว พร้อมปิดท้ายด้วยการอวยนายกฯ อนุทินว่าเด็ดขาด จริงจัง ไม่อ่อนข้อให้ใคร
แต่ไฮไลต์จริงๆ ของเรื่องนี้ ดันไม่ใช่คำสัมภาษณ์ หากเป็นคอมเมนต์ในโซเชียล ที่ชาวเน็ตแห่พิมพ์ตัวอักษร “ค.” เต็มไปหมด จนคนงงเป็นไก่ตาแตก ว่ามันคืออะไร
สุดท้ายต้องถึงมือนายกฯ อนุทิน โผล่เข้าไปเฉลยด้วยตัวเองว่า “ค. = คร้าบ!” เล่นเอาคนอ่านถึงกับบางอ้อ บางรายสารภาพตรงๆ ว่าเคยเข้าใจผิด คิดว่าเป็น “กรวย” มาตลอด
การเมืองไทยก็แบบนี้ ดรามาใหญ่ผสมมุกเล็ก วิกฤตชายแดนยังไม่จบ แต่สงครามคอมเมนต์เริ่มก่อนใครเพื่อน
ปิดท้ายที่พรรคแดง พรรคเพื่อไทย เลือกยืนเกมนิ่ง ปล่อยให้น้ำเงินกับส้มตีกันเอง ค่อยๆ เก็บแต้มเงียบๆ เตรียมเปิดตัวแคนดิเดต 3 คน “ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์–จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์–สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” หรือผู้บริหารเก่าบริษัทเอกชนเครือข่ายตระกูลชิน
เกมนี้ชัดว่าเน้นประคองอำนาจในพรรคมากกว่าสร้างแรงกระเพื่อมข้างนอก อาศัยคะแนนสงสารจากคดีทักษิณ และรอจังหวะที่อีกสองขั้วพลาด แต่หาก “สุริยะ” ไม่ได้เป็น ก็ต้องดูว่าหากสบช่องจะย้ายไปไหนอีกไหม
เมื่อเหลือเวลาไม่ถึง 60 วันก่อนเลือกตั้ง ทุกพรรคยังมีสิทธิ์ปรับเกม ใช้ทั้งยุทธศาสตร์และวิชามาร ปัจจัยนอกสภา ชายแดน สแกมเมอร์ และดรามาโซเชียล อาจเป็นตัวแปรสำคัญ
สนามนี้ยังไม่มีใครชนะขาด มีแต่ใครพลาดก่อน…แพ้ก่อน เท่านั้นเอง.
คางดำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บันทึกหน้า 4
บันทึกตอกย้ำบรรทัดแรกว่า "ไทยนี้รักสงบ!!" จากวันแรกที่มีสยามประเทศ ประเทศไทยไม่ใช่ประเทศผู้รุกรานเชิงจักรวรรดินิยม ไม่เคยสร้างอาณานิคมในต่างแดน เราจะลุกขึ้นสู้เพื่อป้องกันตนเอง หรือตอบโต้ เพื่อการรักษาดินแดนของตัวเองเท่านั้น
บันทึกหน้า 4
ยังไม่ถึงเวลา! วันศุกร์นี้ "รัฐบาลอนุทิน" ยังคาดเข็ดขัดนิรภัยต่อ แม้ "นายกฯ หนู" จะบอกว่าพร้อมยุบสภาทุกเมื่อ เตรียมพระราชกฤษฎีการอไว้แล้ว ถึงจะเลื่อนเร็วขึ้นจากไทม์ไลน์เดิม 31 ม.ค. 69 แต่ไม่ใช่ 12 ธ.ค.
บันทึกหน้า 4
ดูเหมือนศึกชายแดนไทย-กัมพูชารอบนี้ ที่ เริ่มตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 7 ธันวาคมเป็นต้นมา จะไม่มีทางจบลงง่ายๆ แน่ เพราะทั้ง “ฮุน เซน” และ “ฮุน มาเนต” ที่เป็นเจ้าของประเทศมุ่งมั่นอย่างมาก
บันทึกหน้า 4
สถานการณ์การสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชารอบสอง ล่วงเข้าวันที่่ 3 ก่อนรุ่งสางกัมพูชาเปิดฉากยิง BM-21 ใส่ไทยหลายจุดและตกใส่พื้นที่พลเรือน ขณะที่กองทัพไทยตอบโต้ด้วยการโจมตีเป้าหมายทางทหารกัมพูชาที่จะเป็นภัยคุกคามของไทย
บันทึกหน้า 4
สถานการณ์รุมเร้ารัฐบาลตั้งแต่วิกฤตน้ำท่วมหาดใหญ่ ยังไม่ทันแห้งดีก็ต้องรับแรงสั่นสะเทือนจากไฟความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชา ที่เดิมคิดว่าจะยุติไปแล้ว แต่กลับปะทุขึ้นอีกรอบจนกลายเป็นแรงกดดันให้รัฐบาลต้องรีบหาทาง “ให้มันจบที่รุ่นเรา” ตามเสียงประชาชนที่ทนกับความยืดเยื้อมาหลายสิบปีไม่ไหว
บันทึกหน้า 4
บันทึกในสัปดาห์ที่ต้องมีการจับตาความเคลื่อนไหวสำคัญทางการเมืองว่าด้วย "ยุบ" หรือ "ไม่ยุบ" สภา ตามที่ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ได้ประกาศไว้ 12 ธ.ค.ศกนี้ หากฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจตาม รธน.มาตรา 151 เพราะไม่ยอมให้ "ด่าฟรี!"

