'อย่าให้โอกาสแรก เป็นโอกาสสุดท้ายของชาติ'


ทันทีที่ไทยเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวต่างทยอยเข้ามาตามคาด แม้จะยังไม่มากนัก แต่บรรยากาศแห่งความหวังที่ตั้งตาคอยก็เริ่มมีเค้าลาง…

ทั้งๆที่ชาติเราทำท่าจะรั้งท้ายของการเปิดประเทศ เพราะหลายฝ่ายหวังจะรอให้ประเทศปลอดโควิดแบบสะอาดหมดจดก่อนเปิด แต่ในที่สุด เราก็ตัดสินใจเปิดได้ไวเกินคาด บางคนบางประเทศถึงกับอ้าปากค้าง เพราะไทยดูเหมือนจะไม่พร้อมหลายด้านแต่ชาติเราก็เหมือนมวยที่ฉวยโอกาสออกหมัดแรกก่อนใคร เพื่อหวังความได้เปรียบ…
ในแง่ธุระกิจที่ว่า ใครยิงหมัดแรกก่อน ย่อมได้เปรียบ….

แม้สถานการณ์โควิดหลายจุดจะยังมีปัญหาอยู่บ้าง แต่หลายอย่างก็ดูเหมือนจะเข้าทางการเปิดประเทศ วัคซีนก็เริ่มราบรื่น ผู้คนก็ชื่นมื่นกับบรรยากาศแห่งความหวัง…

แค่ยกแรก อะไรก็ดูเหมือนจะเข้าทางประเทศไทย เมื่อเร็วๆนี้ ผลการวิเคราะห์ของบริษัท Fitch Ratings จำกัด (Fitch Rating Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือชั้นนำ ได้ระบุว่า เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้นภายในปี 2565 โดยมีปัจจัยหนุนจากอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ การกลับมาเปิดธุรกิจอีกครั้ง และสภาพแวดล้อมจากทั่วโลกที่มีการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ตลอดจนอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัทไทยรายใหญ่ต่าง ๆ มีเสถียรภาพเพิ่มมากขึ้น…

ชาติเรานั้นได้ผ่านสถานการณ์โควิดทั้งดีและร้ายมาแล้วทั้งสิ้น ดังนั้น บทเรียนโควิดต่างๆ เราจึงได้เรียนรู้กันอยู่แล้วเต็มประเทศ แต่สิ่งที่เรายังขาดกันอยู่ค่อนข้างมากคือ “ความมีวินัยของคนในชาติ” อันเป็นปัจจัยสำคัญแห่งความยั่งยืนในความสำเร็จ…

พูดตรงๆ การระบาดของโควิด-19ที่อาจจะเกิดจากการเข้ามาของนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ไม่น่ากลัวเท่ากับนักท่องเที่ยวและการไปมาหาสู่ของคนไทยด้วยกันเองภายในประเทศและขบวนการค้าแรงงานต่างด้าว…

ดังนั้นบัดนี้เป็นต้นไป คนไทยจงอย่าประมาท ความผิดพลาดอาจเกิดขึ้นได้ การแก้ปัญหาจะต้องฉับไว และอย่าให้เกิดมีอะไรที่ไปทำลายบรรยากาศ…

อย่างไรก็ตาม โลกเราช่วงนี้กำลังเกิดวัฏจักรของการระบาดของโควิด-19รอบใหม่.. กล่าวคือ ในขณะที่สถานการณ์โควิด-19ด้านเอเชียกำลังดีขึ้นเป็นลำดับนั้น สถานการณ์โควิด-19ด้านยุโรปหลายประเทศกลับเลวลงอีกระลอกหนึ่ง  ซี่งผลที่เกิดขึ้นอาจกระทบประเทศไทยได้ดังนี้…

1.เชิงบวก..อาจมีผลทำให้นักท่องเที่ยวจากยุโรป หนีโควิดเข้ามาเที่ยวเอเชียและประเทศไทยมากขึ้น…

2.เชิงลบ..อาจมีนักท่องเที่ยวที่ติดเชื้อโควิด-19 หลงหูหลงตาการคัดกรองเข้าประเทศไทยได้มากขึ้น

ระยะนี้ถ้าเราสังเกตประเทศไทยเราให้ดี จะเห็นว่าการเปิดประเทศครั้งนี้ แท้ที่จริงแล้วประเทศไทยเราได้มีการเปลี่ยนผ่าน(Transistion )เข้าสู่ระยะที่เรียกว่า “การจะอยู่กับโควิดให้ได้” จะเห็นได้จากการที่ประเทศไทยเราไม่จำเป็นต้องปราศจากโควิด-19อย่างสิ้นเชิง แม้ประเทศเราจะปนเปื้อนโควิด-19อยู่ เราก็มีเป้าหมายที่จะทำให้วิถีชีวิตเราก้าวจะเข้าสู่ภาวะที่เกือบเป็นปกติได้ ที่ผ่านมาการระบาดของโควิด-19ที่ยืดเยื้อนั้น มันทำให้เราเคยชาชิน(ตายด้าน)กับมันพอสมควร แต่ขณะเดียวกัน มันก็ทำให้จิตใจเราแข็งแกร่งขึ้นทุกวันด้วย…อย่างไรก็ตามเราจงหัดเคยชิน แข็งแกร่งกับมัน แต่ไม่ใช่ชาชินแบบประมาทขาดสติ

การจะอยู่กับโควิดให้ได้นั้น ไม่ได้หมายความว่าโควิด-19 จะต้องอ่อนแรงลงไป หรือยอมอ่อนข้อให้เรา แต่หมายถึงการที่เรารู้จักปรับจุดอ่อนของเราให้แข็งแกร่งขึ้น(โดยลดการความเสี่ยงต่างๆที่เอื้อต่อการติดเชื้อโควิด) ขณะเดียวกันเราก็ต้องเพิ่มจุดแข็งของเราให้เช้มข้นขึ้น (เช่น การมีวินัยโดยเคร่งครัด การฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมประชากรให้มากที่สุด การดูแลรักษาโควิดด้วยตนเองเบื้องต้น การออกกำลังกาย ฯลฯ) โดยที่เราจะยังคงสามารถดำรงวิถีชีวิตของเราต่อไปได้(เกือบ)เป็นปกติ….


จะเห็นว่าในโลกทุกวันนี้ ไม่มีประเทศใดที่จะสามารถเปิดประเทศได้โดยไม่มีการปนเปื้อนโควิด-19 หลายประเทศได้หันมาหาหนทางที่จะอยู่กับโควิดให้ได้และให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจเป็นหลัก การเปิดประเทศนอกจากเพื่อความอยู่รอดแล้ว ยังเป็นการชิงความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ เพราะโลกทุกวันนี้ ทุกเวลานาทีเต็มไปด้วยการแข่งขัน….

ช่วงเวลาที่ผ่านมา วัคซีนก็ได้ช่วยเราพอสมควรแล้ว ดังนั้นขั้นตอนต่อไปเราจำเป็นจะต้องรู้จัก”ช่วยตนเอง”กันได้แล้ว การเปิดประเทศช่วงนี้ จึงถือว่าเป็นโอกาสอันสมควรแล้ว….

อย่างก็ตาม ก็ยังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วงอย่างมากสำหรับประเทศไทยเรา ประเทศชาติเรานั้น เราเคยได้รับบทเรียนซ้ำซากที่ทำให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวมอันเกิดจากการกระทำของ”คนเพียงไม่กี่คน” ที่ขาดวินัย และเห็นแก่ตัวมาแล้ว….
ถึงเวลาแล้วหรือยัง ที่นอกจากคนไทยทุกคนจะต้องมีวินัยกันโดยเคร่งครัดแล้ว เราต้องมีหน้าเป็นหูเป็นตาช่วยกันดูแลความมีวินัยของส่วนรวมและช่วยกันต่อต้านความเห็นแก่ตัวของคนส่วนน้อยเหล่านั้นกันอย่างจริงจังด้วย…

การที่เราจะอยู่กับโควิดให้ได้นั้น คนไทยเราจำเป็นที่จะต้องมีความพร้อมเป็นอย่างมากในการที่จะช่วยกันดูแลประเทศของตน เพราะ “โอกาสจะของประเทศ จะเป็นของประเทศที่คนในชาติมีความพร้อมเท่านั้น”  เราจงอย่าปล่อยให้ โอกาสแรกของเราหลุดลอยไป กลายเป็นโอกาสสุดท้าย หรือ ไม่มีโอกาสอีกเลย…

เดิมทีผู้คนในโลกนี้ มองโควิด-19แบบไม่เห็นอนาคต แต่บัดนี้อนาคตนั้นอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมรวมทั้งประเทศไทยเราด้วย  ดังนั้นหน้าที่คนไทย ณ.ช่วงเวลานี้ คือการเตรียมการ “การประสานรอยต่อ” …โดยเราต้องช่วยกันประคองสถานการณ์โควิด-19ของประเทศไทยให้ราบรื่นไปจนถึงวันที่ยาต้านโควิด-19ตัวจริงมาเป็น”ตัวเปลี่ยนเกม” เมื่อถึงวันนั้น การเสียชีวิตจากโควิตจะน้อยลง เพราะเราสามารถรักษาโควิด-19ได้ด้วยตนเองโดยรับประทานยาเพียงไม่กี่เม็ด ในที่สุดโควิดจะกลายเป็นโรคสามัญโรคหนึ่งเท่านั้น…

ยารักษาโควิด-19 มันไม่ใช่เป็นความหวังที่ลมๆแล้งๆ แต่เป็นความจริงเกือบ100% แล้ว…
ขณะนี้อย่างน้อยก็มีอยู่ 2บริษัท ที่เปิดตัวยาเม็ดต้านโควิด-19 แล้วก็คือ…
1. “แพ็กซ์โลวิด” (PAXLOVID) โดยบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ ผู้ผลิตยารายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ พร้อมอ้างข้อมูลผลทดสอบระยะที่ 3 ว่า มีประสิทธิภาพเกือบ 90%
2. “โมลนูพิราเวียร์” (MOLNUPIRAVIR) ที่ร่วมกันพัฒนาโดยบริษัทเมอร์ค แอนด์ โค และบริษัทริดจ์แบ็ค ไบโอเธราพิวติกส์ ซึ่งได้รับการอนุมัติให้ใช้กับผู้ป่วยโควิดในสหราชอาณาจักรเมื่อไม่นานมานี้….

เชื่อมั่นว่า ในที่สุดมนุษย์ก็จะสามารถชนะโควิด-19ได้ ….และก็หวังเตลิดไปว่า เศรษฐกิจไทยจะก้าวไปไกลเกินคาด…

อย่างไรก็ตามอย่าเพิ่งดีใจจนประมาท ขอย้ำอีกครั้งหนี่งว่า ก่อนจะถึงเวลานั้น คนไทยจงช่วยกันดูแลประเทศไทยเราอย่าให้พลาด เพราะเราจะเสียโอกาสทอง…ภาพลักษณ์แห่งความเชื่อมั่นในสายตานักท่องเที่ยวต่างชาตินั้นยากที่จะกลับมา…และอะไรจะเกิดขึ้นถ้า..”คนเก่าก็ไม่มา คนใหม่ก็ไม่มี”  คนไทยต้องช่วยกัน ประสานรอยต่อแห่งอนาคต ให้ Smooth ที่สุด…

“ตื่นเถิดพี่น้องไทย
อย่าให้โอกาสสูญเปล่า
ห่วงชาติปากท้องของเรา
ทุกคนต้องเอา(จริง)เรื่องวินัย”


นายแพทย์ ชำนาญ ภู่เอี่ยม

อดีตหัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข

-กลุ่มนโยบายสาธารณะเพื่อสังคมและธรรมาภิบาล เวทีพิจารณ์นโยบายสาธารณะ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โควิดสงกรานต์พุ่ง! ไทยติดเชื้อรอบสัปดาห์ 849 ราย

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 7 - 13 เมษายน 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 849 ราย

โควิดยังพุ่ง! ไทยติดเชื้อรอบสัปดาห์ 728 ราย ผู้สูงอายุดับ 2 คน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 24 - 30 มีนาคม 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่

ไทยไฟเขียวให้แรงงานเพื่อนบ้านกลับบ้านเกิดเล่นน้ำสงกรานต์!

ที่ประชุม ครม. มีมติเห็นชอบการผ่อนผันให้แรงงานต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว และเมียนมา เดินทางกลับประเทศต้นทาง เพื่อร่วมงานประเพณีสงกรานต์ ประจำปี พ.ศ. 2567

โควิดพุ่ง! ไทยติดเชื้อใหม่รอบสัปดาห์ 630 ราย ดับเพิ่ม 5 คน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 17 - 23 มีนาคม 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 630 ราย

ไทยติดโควิดใหม่รอบสัปดาห์ 501 ราย ดับเพิ่ม 4 คน

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 รายสัปดาห์ว่า ระหว่างวันที่ 10 - 16 มีนาคม 2567 มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ รักษาในโรงพยาบาล (รายสัปดาห์) 501 ราย