นายกฯ ห่วงใยผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ยังเป็นกลุ่ม 608 ย้ำให้ลูกหลานพาผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงมารับวัคซีนประจำปี เตียงรองรับผู้ป่วยภาพรวมใน กทม.และทั้งประเทศยังเพียงพอ อัตราครองเตียงอยู่ที่ 22%
31 พ.ค.2566 - นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังติดตามสถานการณ์โควิด-19 ตาม ซึ่งรายงานล่าสุดของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ณ วันที่ 29 พ.ค.2566 ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นตามคาดการณ์ โดยใน กทม. และปริมณฑล พบการระบาดสูงกว่าพื้นที่อื่น และผู้เสียชีวิตยังเป็นกลุ่มเสี่ยง 608 ที่ติดเชื้อจากคนในครอบครัว และไม่ได้รับวัคซีนตามกำหนด โดยนายกฯ มีความห่วงใยกลุ่มเสี่ยง 608 ย้ำขอให้ลูกหลานพามารับวัคซีนประจำปี รวมทั้งด้านกระทรวงสาธารณสุข แนะนำประชาชนที่ได้รับวัคซีนไม่ครบ หรือไม่ได้รับเข็มกระตุ้นมานานกว่า 3 เดือน ควรไปรับวัคซีนโควิด-19 ที่โรงพยาบาลได้ทุกแห่ง และหน่วยบริการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้
นายอนุชา กล่าวถึงการประชุมติดตามสถานการณ์โรคโควิด-19 ล่าสุดของ สธ.ว่า สถานการณ์การระบาดเป็นไปตามคาดการณ์ คือ หลังเทศกาลสงกรานต์ โรงเรียนเปิดเทอมและเข้าสู่ฤดูฝน จะพบผู้ติดเชื้อ ผู้ป่วย และผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเข้ารักษาในโรงพยาบาล 2,970 ราย เฉลี่ยวันละ 424 ราย ผู้ป่วยปอดอักเสบ 425 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 253 ราย และเสียชีวิต 42 ราย เฉลี่ยวันละ 6 ราย แนวโน้มผู้เสียชีวิตลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มีกว่า 60 ราย แต่ปัจจัยเสี่ยงของผู้เสียชีวิตยังเหมือนเดิม คือเป็นผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง 7 โรค และหญิงตั้งครรภ์ ส่วนใหญ่ได้รับเชื้อจากคนในครอบครัวที่มีกิจกรรมนอกบ้าน ที่สำคัญเกือบทั้งหมดไม่ได้ฉีดวัคซีน ฉีดไม่ครบตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข โดยขณะนี้ในเขต กทม. และปริมณฑล พบมีการระบาดมากกว่าพื้นที่อื่น ปลัดกระทรวงสาธารณสุข จึงมอบหมายให้กรมควบคุมโรค ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ทำหนังสือประสานประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ กทม./จังหวัด ให้ประสานความร่วมมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สำรวจผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยงที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือยังไม่ได้ฉีดวัคซีนประจำปี เพื่อเร่งรัดการฉีดวัคซีนให้มากขึ้น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะสนับสนุนเวชภัณฑ์และข้อมูลต่าง ๆ ทั้งนี้ จากการเฝ้าระวังสายพันธุ์ในประเทศไทย โดยกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ พบส่วนใหญ่เป็นสายพันธุ์ XBB.1.16 ซึ่งความสามารถในการแพร่ระบาดและความรุนแรงไม่ได้มากกว่าสายพันธุ์เดิม เตียงรองรับผู้ป่วยภาพรวมทั้งประเทศและ กทม. ยังคงเพียงพอ อัตราครองเตียงอยู่ที่ 22% ขณะที่ยาที่ใช้ในการรักษามีเพียงพอเช่นกัน
“การฉีดวัคซีนถือเป็นมาตรการเร่งด่วนสำหรับผู้สูงอายุ เพราะช่วยลดการป่วยและเสียชีวิตได้ นายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยผู้สูงอายุและกลุ่มเสี่ยง 608 ย้ำขอให้ลูกหลานพาผู้สูงอายุในบ้านไปฉีดวัคซีนประจำปี ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้รณรงค์การฉีดวัคซีนประจำปี ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคมที่ผ่านมา และหากลูกหลานป่วยมีอาการทางเดินหายใจ ต้องไม่เข้าไปสัมผัสใกล้ชิดผู้สูงอายุ หรือหากจำเป็นต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อช่วยลดความเสี่ยงการนำเชื้อไปแพร่ให้ผู้สูงอายุ ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข แนะนำประชาชนที่ได้รับวัคซีนไม่ครบหรือไม่ได้รับเข้มกระตุ้นมานานกว่า 3 เดือน ควรไปรับวัคซีนโควิด-19 ที่โรงพยาบาลได้ทุกแห่ง และหน่วยบริการตามที่กระทรวงสาธารณสุขกำหนดไว้ เพื่อช่วยลดความรุนแรงเมื่อติดเชื้อได้อย่างดี อีกทั้งปัจจุบันมีผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้น หากมีอาการแต่ตรวจ ATK ไม่พบ อาจสงสัยว่าเป็นไข้หวัดใหญ่ แม้เป็นกลุ่มเสี่ยง ก็ทำให้เสียชีวิตได้เช่นกัน ดังนั้น ถ้ามีอาการไม่มาก สามารถใช้การรักษาตามอาการไม่ต้องไปโรงพยาบาล แต่ถ้าเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น สูงอายุ มีโรคประจำตัว เป็นผู้ป่วยที่มีโรคแทรกซ้อน ควรไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัย” นายอนุชากล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลือสะพัด! เปลี่ยนโฆษกรัฐบาล 'จิรายุ' เสียบแทน 'หมอชัย'
มีความเคลื่อนไหวเรื่องการยกเครื่องการทำงานของทีมโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
รัฐบาลลุยต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' ขยายตลาดช่วยชุมชนโกยรายได้
รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมต่อยอด 'ผ้าขาวม้าไทยฟีเวอร์' เพิ่มมูลค่าขยายตลาด ช่วยผู้ประกอบการชุมชนโกยรายได้ กระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น
ปลื้มสงกรานต์มีเงินหมุนเวียนกว่า 2 พันล้านบาท!
'รัดเกล้า' ชวนคนไทยภูมิใจและชื่นชม “มหาสงกรานต์” สร้างรายได้ท่องเที่ยวเพิ่มให้ประเทศ พบเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 2 พันล้านบาท
'เศรษฐา' ต้อนรับนายกฯ กีวีเยือนไทยอย่างเป็นทางการ
นายกฯ หารือทวิภาคี นายกฯ นิวซีแลนด์ ย้ำความสัมพันธ์ไทย - นิวซีแลนด์ เกือบ 7 ทศวรรษ เดินหน้าความร่วมมือด้านการศึกษา และการท่องเที่ยว ยกระดับความสัมพันธ์
'ไทย-นิวซีแลนด์' หารือชื่นมื่นดันปี 2569 เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์!
ไทย-นิวซีแลนด์ ลงนามความตกลง 2 ฉบับ ยกระดับความร่วมมือรอบด้าน โดยเฉพาะความมั่นคง เศรษฐกิจ และความสัมพันธ์ในระดับประชาชน เดินหน้าสู่การเป็น “หุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์” ในปี 2569
อดีตนายกแพทยสภาเบรกรัฐบาลดันโครงการผลิตหมอเพิ่มขึ้น!
ศ.คลินิกเกียรติคุณนพ.อำนาจ กุสลานันท์ อดีตนายกแพทยสภา