เตือนระวัง ’ยาอี’ ในซองกาแฟสำเร็จรูป

สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) กรมการแพทย์ เตือนปัจจุบันมีการลักลอบนำยาอีบรรจุในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ทำให้สังเกตได้ยากขึ้น แนะผู้ปกครองหมั่นติดตามข่าวสารพร้อมสังเกตพฤติกรรมของบุตรหลาน หากพบสิ่งของต้องสงสัยรีบพูดคุยด้วยเหตุผลถึงผลเสียต่อสุขภาพและรีบพาไปพบแพทย์เพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา

4 พ.ย. 2564 นพ.มานัส โพธาภรณ์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ยาอี ยาเลิฟ เอ็คซ์ตาซี (Ecstasy) เป็นยาเสพติดตัวเดียวกัน มีฤทธิ์หลอนประสาทและกระตุ้นประสาท จะแตกต่างกันบ้างในด้านโครงสร้างทางเคมี มีทั้งที่เป็นแคปซูลและเป็นเม็ดยาสีต่าง ๆ แต่ที่พบในประเทศไทย ส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นเม็ดกลมแบนและมีสัญลักษณ์บนเม็ดยาเป็นรูปต่าง ๆ เช่น กระต่าย ค้างคาว นก ดวงอาทิตย์ เป็นต้น

ในปัจจุบันมีการลักลอบนำยาอีบดเป็นผงบรรจุลงในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ  เช่น ซองครีมเทียม ซองกาแฟ 3in1 โดยพบแพร่ระบาดในกลุ่มวัยรุ่นทาง Social Media (สื่อสังคมออนไลน์) เมื่อเสพยาอีเข้าสู่ร่างกายจะออกฤทธิ์ภายในเวลา 30 – 45 นาที และฤทธิ์ของยาจะอยู่ในร่างกายได้นานประมาณ 6-8 ชั่วโมง โดยออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทในระยะเวลาสั้น ๆ หลังจากนั้นจะหลอนประสาทอย่างรุนแรง ผู้เสพจะรู้สึกร้อนเหงื่อออกมาก หัวใจเต้นเร็ว ความดันโลหิตสูง การได้ยินเสียง และการมองเห็นแสงสีต่าง ๆ ผิดไปจากความเป็นจริง เคลิบเคลิ้ม รู้สึกตื่นตัวตลอดเวลาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้

นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติ บรมราชชนนี กล่าวเพิ่มเติมว่า ยาอี จะเข้าไปทำลายระบบประสาททำให้เซลล์สมองส่วนที่ทำหน้าที่หลั่งสารซีโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารสำคัญในการควบคุมอารมณ์ทำงานผิดปกติ โดยจะหลั่งสารนี้ออกมามากกว่าปกติทำให้สดชื่น อารมณ์ดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปสารดังกล่าวจะลดน้อยลง ทำให้ผู้เสพเข้าสู่สภาวะอารมณ์เศร้าหมองหดหู่ เกิดอาการซึมเศร้า และอาจกลายเป็นโรคจิตประเภทซึมเศร้า (Depression) มีแนวโน้มการฆ่าตัวตายสูงกว่าคนปกติ

นอกจากนี้การที่สารซีโรโทนินลดลง จะทำให้การนอนหลับผิดปกติ เวลาการนอนลดลง หลับไม่สนิท อ่อนเพลียขาดสมาธิในการเรียนและทำงาน บางรายนิยมเสพพร้อมกับดื่มแอลกอฮอล์หรือเสพยาชนิดอื่นร่วมด้วย อาจทำให้เกิดอาการช็อกและเสียชีวิตได้ ทั้งนี้การลักลอบนำยาอีบรรจุลงในผลิตภัณฑ์ต่างๆ อาจทำให้ตรวจสอบได้ยากขึ้น แนะผู้ปกครองหมั่นติดตามข่าวสารจากสื่อต่างๆ พร้อมสังเกตพฤติกรรมของบุตรหลาน หากพบมีพฤติกรรมเสี่ยงและพบสิ่งต้องสงสัย ควรพูดคุยด้วยเหตุผลไม่ใช้ความรุนแรง บอกกล่าวถึงผลเสียต่อสุขภาพรวมถึงอันตรายที่จะตามมา และรีบพาไปพบแพทย์เพื่อเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา โดยสามารถขอรับคำปรึกษาเรื่องยาและสารเสพติดได้ที่ สายด่วนยาเสพติด 1165 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.pmnidat.go.th หรือเข้ารับการบำบัดรักษายาเสพติดได้ที่ สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กรมการแพทย์ จังหวัดปทุมธานี และโรงพยาบาลธัญญารักษ์ในส่วนภูมิภาคทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลธัญญารักษ์เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ขอนแก่น อุดรธานี สงขลา และปัตตานี

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘บิ๊กตู่’ สั่ง ป.ป.ส.จับตายาเสพติดแบบใหม่ บดใส่ซองคอลลาเจน-กาแฟ

‘บิ๊กตู่’ รับรายงานยาเสพติดรูปแบบใหม่ บดใส่ซองเกลือแร่ คอลลาเจน ซองกาแฟ กำชับป.ป.ส.ติดตามใกล้ชิด ตรวจสอบพบแอคเคาท์ในประเทศเพื่อนบ้านโพสต์ขายบนโซเชียลมีเดีย จับตาหลังพบคนไทยเข้าไปสั่งซื้อ

ล่าก๊วนค้ายาโยงคนขับรถบรรทุกน้ำมัน ขนยาบ้า ไอซ์ อี

ผกก.สภ.เมืองหนองคาย เร่งขยายผลเครือข่ายยาเสพติดหลังจับกุมคนขับรถบรรทุกน้ำมัน ลอบขนยาบ้า 3.8 ล้านเม็ด ยาไอซ์ และยาอี เข้าประเทศ ถอดจีพีเอสออกหวั่นบริษัทติดตาม

จับ 2 เอเย่นต์ค้ายา ปลอมเป็นไลน์แมนตบตาตำรวจ ส่งยาบ้า-ยาอี-ไอซ์

นครบาล แถลงการจับกุมนายเนติ  (สงวนนามสกุล)อายุ 22 ปี และนายเรวัฒน์ (สงวนนามสกุล) อายุ 21 ปี ในความผิดฐาน "ร่วมกันครอบครองยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาไอซ์ ,ยาบ้า ,ยาอี

อีรูปหัวใจหลากสีโผล่! จนท.ยึดพร้อมยาบ้ากว่า 2 ล้านเม็ด

เมื่อเวลา 14.30 น. ที่หน้าหอประชุมประจักษศิลปาคม ศูนย์ราชการจังหวัดหนองคาย นายมนต์สิทธิ์ ไพศาลธนวัฒน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย, พล.

'ปปส.' จับแล้ว! ลวงขายยาอีในคราบกาแฟทางโซเชียล

นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (เลขาธิการ ป.ป.ส.) แถลงข่าวกรณีพบการจำหน่ายยาเสพติดผ่านสื่อโซเซียลมีเดีย กาแฟซอง 3,000 ซึ่งเป็นที่เข้าใจว่าวัตถุที่อยู่ในกาแฟซอง เป็นยาอีผง