“บิ๊กโจ๊ก” เปิดปฏิบัติการทลายนายทุนจีนสีเทายึดทรัพย์พันล้าน “ตู้ห่าว” ชิงมอบตัวให้การปฏิเสธ ตร.คัดค้านการประกันตัว ยันมีหลักฐานเชื่อมโยง ส่วนนักการเมืองหลักฐานถึงก็ไม่เว้น
23 พ.ย.2565 - ที่สโมสรตำรวจ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ได้แถลงผลปฏิบัติการดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุนจีนและนอมินีร้านจินหลิง ผับ , เบเบี้เฟซ , ท็อปวัน และคลับวัน จากปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น 5 ครั้ง เป้าหมาย 75 จุด ใน 20 จังหวัด จับกุมผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องได้ 93 คน ยึด อายัดทรัพย์สินไว้ตรวจสอบทั้ง เงินสด รถยนต์หรู และเครื่องประดับ มูลค่ากว่า 1,000 ล้านบาท
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า จากการขยายผล 4 คดี ที่สถานบันเทิงเกี่ยวข้องกับนายทุนจีนสีเทา ได้แก่ ร้านจินหลิง พื้นที่ สน.ยานนาวา ได้ออกหมายจับและจับกุมผู้ต้องหาได้ 6 คน หนึ่งในนั้นคือนายตู้ห่าว กรณีที่ 2 คือร้านท็อปวัน พื้นที่ สน.สุทธิสาร ซึ่งมีหญิงชาวจีนเสียชีวิตจากการเสพยาเสพติดเกินขนาด และมีผู้ต้องหาเข้าไปเกี่ยวข้องกับการซุกซ่อนอำพรางหลักฐานเกี่ยวกับการเสียชีวิต ซึ่งได้จับกุมไปแล้ว 4 คน จึงได้มีการขยายผลว่าสถานบันเทิงดังกล่าวเกี่ยวข้องกับยาเสพติด จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับกรรมการและผู้ถือหุ้น 2 คน และจับกุมในเวลาต่อมา กรณีที่ 3 ร้านเบบี้เฟซ พื้นที่ สน.คลองตัน ดำเนินคดีและจับกุมผู้ต้องหา 4 คน และกรณีที่ 4 ร้านคลับวัน พัทยา จ.ชลบุรี พื้นที่ สภ.เมืองพัทยา ดำเนินคดีผู้ต้องหา 4 คน
กลุ่มนายทุนจีนสีเทา ที่เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ได้จับกุมตัวการใหญ่ไปแล้ว 3 กลุ่ม คือ นายตู้ห่าว ,นายเดวิด ,และนายยู่ ฉาง เฟย ส่วนกลุ่มที่ 4 คือนายโทนี่และนายจอห์นนี่ อยู่ระหว่างการตรวจสอบเพื่อเอาผิด และกลุ่มที่ 5 คือ นายหมิง ซึ่งขณะนี้หลบหนีออกนอกประเทศไปแล้ว ขบวนการตัวหลักๆเราจับได้เกือบหมดแล้ว รวมทุกคดี 93 คน ส่วนที่เหลือหลบหนีออกนอกประเทศจะขอหมายอินเตอร์โผลประกาศสืบจับ ในเรื่องของการดำเนินคดีมีหนังสือไปถึง ป.ป.ส.ขออนุมัติเรื่องแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมและการยึดทรัพย์ตามกฎหมายของ ป.ป.ส.
ส่วนการที่นายตู้ห่าวเข้ามอบตัวกับพนักงานสอบสอบในวันนี้ จากการสอบปากคำเบื้องต้นนายตู้ห่าว ยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหาและจะขอให้การในชั้นศาลเท่านั้น แต่ทางตำรวจมีหลักฐานว่านายตู้ห่าวมีการเดินทางเข้าออกผับจินหลิงบ่อยครั้งและเป็นผู้เช่าอาคารสถานที่ เชื่อได้ว่านายตู้ห่าวอยู่เบื้องหลังในการสั่งการและบริหารผับจินหลิง หากการสอบสวนแล้วเสร็จจะควบคุมตัวไปขออำนาจศาลอาญากรุงเทพใต้ฝากขังต่อไป และจะคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด
ส่วนของเจ้าหน้าที่รัฐ ดำเนินคดีพนักงานสอบสวน สน.ยานนาวา 2 คน รอง ผกก.จราจร สน.ลาดพร้าว 1 คน ที่ร่วมกันปล่อยตัวผู้ต้องหารายสำคัญ อีกส่วนหนึ่งคาดว่าพรุ่งนี้จะดำเนินคดีกับ รอง.ผบก.น.6 ที่มีการปล่อยรถหรูของกลางออกไป 4 คัน มีการรับผลประโยชน์ อีกส่วนหนึ่งการเข้าประเทศของคนจีน ที่จะต้องดำเนินคดีอีกคือตำรวจ ตม. มีการเปลี่ยนวิซ่านักท่องเที่ยวเป็นวีซ่านักเรียน จะเรียกตัว ผกก.ตม.อุดร ขอนแก่น แพร่ เชียงใหม่ เรียกมาสอบปากคำ ถ้าพบพยานหลักฐานพาดพิงถึงจะดำเนินคดีอาญา คดีนี้น่าจะปิดสำนวนได้ภายใน 2 สัปดาห์
ผู้สื่อข่าวถามถึงนายตู้ห่าวเชื่อมโยงกับนักการเมืองอดีตรัฐมนตรีมีความชัดเจนแค่ไหน พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบว่า นายตู้ห่าว แต่งงานกับหลานสาว พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก และรู้จักกับตำรวจเหยื่อและรู้จักกับอดีตรัฐมนตรี อันนี้ต้องพูดเรื่องจริงกัน ส่วนใครเกี่ยวข้อง ใครร่วมกันกระทำความผิดต้องนำทั้งหมดมากองรวมกัน ถ้าหลักฐานถึงใครต้องว่ากันไปตามกระบวนการของกฎหมาย ถึงก็ถึงถ้าไม่ถึงก็ไม่ถึง เราต้องทำกันอย่างตรงไปตรงมา ถ้าถึงไม่ต้องกังวลผมดำเนินคดีแน่แต่ถ้าไม่ถึงต้องให้ความเป็นธรรมเขา เราต้องตอบสังคมให้ได้ทำไมเราถึงไม่ดำเนินกับคนนี้
“ยืนยันไม่มีการใครโทรมาขอให้ดูแลนายตู้ห่าว เรื่องนายตู้ห่าว หรือคดีของคนจีนไม่มีใครฝากมา แต่เราต้องเดินอย่างรอบคอบ ผมได้รายงาน ผบ.ตร.ตลอด และทาง ผบ.ตร.ก็ได้รายงานท่านนายกฯ วันนี้ ผบ.ตร.ได้มอบให้ตนไล่ความเชื่อมโยงอย่างละเอียด การทำงานแบบนี้เรากำลังสู้อยู่กับคนรวย กลุ่มคนที่มีทุนมหาศาลการที่จะเอาคนเหล่านี้ให้อยู่หมัดต้องรวบรวมพยานหลักฐานรอบคอบชัดเจนรวดเร็ว” รอง ผบ.ตร.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่าถ้าตรวจสอบแล้วพบว่าเงินของตู้ห่าวได้มาฝากการทำธุรกิจผิดกฎหมายทั้งหมดเงินที่ตู้ห่าวบริจาคให้พรรคการเมืองจะผิดด้วยหรือไม่ คนที่รับจะผิดด้วยหรือไม่ รองผบ.ตร.ตอบว่า ถ้าพรรคการเองรับโดยที่เขาไม่รู้เงินมาจากที่ไหนก็คงไม่เกี่ยวขนาดนั้น ถมอีกว่าต้องสอบเจตนานักการเมืองหรือไม่เพราะมีการนัดหมายหรือมอบนาฬิกาให้กันด้วย เขาตอบว่าต้องสอบหมด เดียวเรื่องของตู้ห่าว คนจีนทั้งหมดต้องมาไล่พยานหลักฐานทั้งหมดถ้าถึงใครเพิ่มเติมก็ต้องดำเนินคดีหมด ถ้าถึงตัวอดีตนักการเมืองก็ดำเนินคดีหมด เราต้องทำให้รวดเร็วตรงไปตรงมา
ถามอีกว่าภรรยานายตู่ห่าวที่ตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ เขาตอบว่ายังไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถามต่อว่าช่องว่างในการทำคดีเกือบหนึ่งเดือนถึงออกหมายจับจะทำให้มีการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินหรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ตอบว่า ตอนนี้ยังไม่มีการเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน เราไม่ได้ออกหมายจับช้าเพราะต้องสอบพยานหลักฐานให้ชัดเจน
ในระหว่างการแถลงข่าว นายชูวิทย์ กมลวิศิษฐ์ อดีตเจ้าของสถานบันเทิง ได้นำเอกสารสำคัญเพิ่มเติมมามอบให้พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ซึ่งในเอกสารเป็นข้อมูลเกี่ยวกับนอมินีของนายตู้ห่าว ซึ่งเป็นภรรยาอีกคนหนึ่งของนายตู้ห่าวชื่อพัชรรินทร์ มีอาชีพขายเครื่องครัวย่านพระราม 4 แต่มีทรัพย์สินมากมายหลายพันล้านบาท ขอให้ตรวจสอบทรัพย์สินก่อนจะมีการโยกย้ายถ่ายเทไปที่อื่น เนื่องจากภรรยาคนนี้มีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ใหญ่ในบ้านเมืองที่ชอบสะสมนาฬิกาหรู
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนที่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ จะมีการแถลงข่าว นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว ได้ชิงเข้ามอบตัวกับตำรวจที่สโมสรตำรวจ หลังถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ออกหมายจับในข้อหา สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ,ผู้นั้นสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ,ร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด และร่วมกันมีวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามนายตู้ห่าวถึงกรณีที่เกิดขึ้น ซึ่งนายตู้ห่าวพูดปฏิเสธเพียงสั้น ๆ ว่า “ไม่จริง ไม่จริง” ก่อนจะถูกคุมตัวไปสอบปากคำ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'บิ๊กโจ๊ก' ลั่นกำลังใจดีอยู่แล้ว บอกให้ว่าไปตามกฎหมาย หลัง ผบ.ตร. เซ็นไล่ออก
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออกจากราชการตามความเห็นของคณะกรรมการเสนอแนะการลงโทษ ผิดวินัยร้ายแรงเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์
'บิ๊กโจ๊ก' เคลื่อนไหว หลัง ผบ.ตร. เซ็นคำสั่งไล่ออก
ตามที่พล.ต.อ.กิติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออกจากราชการ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.แล้ว โดยเป็นการลงนามตามมติคณะกรรมการเสนอแนะการลงโทษ ตามมาตรา 125 วรรค3 แห่ง
ผบ.ตร. เซ็นไล่ออก 'บิ๊กโจ๊ก' เผยขั้นตอนยังอุทธรณ์ ก.พ.ค.ตร.-ฟ้องศาลปค.สูงสุด
พล.ต.อ.กิติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ได้ลงนามในคำสั่งไล่ออกจากราชการ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.แล้ว โดยเป็นการลงนามตามมติคณะกรรมการเสนอแนะการลงโทษ ตามมาตรา 125 วรรค3 แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติฯ พ.ศ.2565 ที่มี
คกก.กลั่นกรองโทษ มีมติไล่ออก 'บิ๊กโจ๊ก' ผิดวินัยร้ายแรงปมเว็บพนัน
ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง รอง ผบ.ตร.อาวุโสสูงสุด เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพิจารณาโทษที่มี รอง ผบ.ตร.ทุกคนเป็นกรรมการ เพื่อพิจารณาโทษวินัยร้ายแรงของ
'โจ๊ก' ยังนิ่ง! เมินข่าวลือไล่ออก ขอรอฟังผลสอบวินัยทางการ
พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. กล่าวผ่านทางโทรศัพท์ ว่า ขณะนี้ตังเองยังไม่ทราบเรื่องผลมติการสอบวินัยร้ายแรงกรณีที่มีชื่อเข้าไปเกี่ยวข้องกับคดีเว็บพนันออนไลน์ โ
ผบ.ตร. เผยสอบวินัยร้ายแรง 'บิ๊กโจ๊ก' เสร็จแล้ว ยันไม่ยื้อเวลาพิจารณาตามขั้นตอน
ที่ศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.) พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีครบกำหนด 270 วัน คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร.ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพนันออนไลน์ว่า