24 ม.ค.2566 - ที่ห้องพิจารณาคดีที่ 807 ศาลอาญา ถ.รัชดาพิเษก ศาลอ่านคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการคดียาเสพติด เป็นโจทก์ฟ้อง นายวีรโชติ สุทธิกุล จำเลยในคดี ร่วมกันสมคบค้ายาเสพติด และ ฟอกเงิน
จากกรณีเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2563 ตำรวจปราบปรามยาเสพติด สามารถยึดพัสดุที่ซุกซ่อนไอซ์ 2 กิโลกรัม และยาบ้า 2 แสนเม็ด ไว้ในลำโพง ระบุปลายทางที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อตรวจสอบพบว่าต้นทางถูกส่งมาจากอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เมื่อวันที่ 11พ.ค. 63 มีผู้ใช้เลขบัตรประชาชน และชื่อสกุล “วีรโชติ สุทธิกุล” เป็นผู้ส่งผ่านบริษัทขนส่งเอกชน ต่อมาในเดือนกรกฎาคม ตำรวจจึงได้ขอศาลออกหมายจับ
จากนั้นในเดือน ส.ค. 63นายวีรโชติ จึงได้นำหลักฐานเป็นบันทึกการแสกนนิ้วมือเข้าทำงาน พร้อมกล้องวงจรปิด ในวันทำงาน ของวันที่ 11พ.ค. 2563 เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ว่าไม่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดดังกล่าว แต่ อัยการ ได้มีความเห็นสั่งฟ้อง และนายวีรโชติ ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำ มานานเกือบ 2 ปี
โดยศาลพิเคราะห์พยานหลักฐาน โดยเฉพาะพยานรายสำคัญของฝ่ายโจทก์ ซึ่งเป็นพนักงานบริษัทขนส่งสินค้า ใน จ.เชียงราย ให้การยืนยันว่ามีบุคคลชื่อ วีรโชติ สุทธิกุล มาส่งพัสดุ ที่สาขานี้ถึง 6 ครั้ง โจทก์ให้พยานชี้ภาพถ่ายของจำเลย โดยไม่มีภาพบุคคลอื่น มาปะปน ซึ่งเป็นบัตรประชาชน ของจำเลยที่ทำไว้เมื่อ 4 ปี พยานยืนยันว่า คนมาส่งพัสดุ คือจำเลย แต่เมื่อนำจำเลย มายืนปะปนกับบุคคลอื่นอีก 6 คน เพื่อให้พยานชี้ตัวอีกครั้ง พยานกลับใช้เวลาในการตัดสินใจนานและไม่แน่ใจว่า จำเลยคือคนที่มาส่งพัสดุ หรือไม่ ขณะที่ พยานโจทก์ ซึ่งเป็นผู้จัดการบริษัทกำจัดแมลง เพื่อนร่วมงาน และ ลูกค้า ของบริษัท กำจัดแมลง ที่ จำลย ออกไปปฏิบัติงาน ในวันที่ 11 พ.ค.63 ซึ่งเป็นวันเดียวกับการส่งพัสดุ ที่ จ.เชียงราย ต่างให้การ ไปในทำนองเดียวกัน
โดย ผู้จัดการบริษัทกำจัดแมลง ระบุว่า ในช่วงเกิดเหตุเป็นช่วงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด 19 จึงให้พนักงานสแกนลายนิ้วมือ การเข้า และ ออกงาน ผ่านระบบออนไลน์ หากมีการแก้ไขข้อมูลจะต้องมีการแจ้งให้ทางแอดมินและฝ่ายบุคคลทราบแต่ในวันเวลาดังกล่าวยืนยันว่านายวีระโชติจำเลยรายนี้ได้มีการสแกนลายนิ้วมือจริงและไม่ได้มีการแก้ไขข้อมูลแต่อย่างใด ซึ่งสอดคล้องกับคำยืนยันของจำเลยว่าในวันดังกล่าวได้สแกนลายนิ้วมือเข้าออกการทำงานและไปปฏิบัติงานกำจัดแมลงให้กับลูกค้าย่านบางแคและบางบอน รวม 2 จุด โดยเพื่อนร่วมงาน ก็ให้การยืนยันว่านายวีรโชติไปปฏิบัติงานจริงโดยมีภาพถ่ายการทำงานในวันเวลาดังกล่าวมายืนยันด้วย
ขณะที่ลูกค้าของบริษัทกำจัดแมลงที่นายวีรโชติเข้าไปปฏิบัติงานก็ให้การยืนยันว่านายวีรโชติมาปฏิบัติงานและนำเอกสารภายหลังการปฏิบัติงานเสร็จสิ้นมาให้กับทางลูกค้าเซ็นกำกับ
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า เป็นเรื่องที่ไม่อาจเป็นไปได้เลยว่าในวันที่ 11 พ.ค.63 ซึ่งเป็นช่วงเวลาส่งพัสดุ ประมาณ 9.00 -10:00 น. ในจังหวัดเชียงราย แล้วจำลย จะกลับมาปฏิบัติงานที่กรุงเทพฯในช่วงเวลาประมาณ 11:00 น. แม้จะเดินทางด้วยเครื่องบินก็ตาม เห็นว่า พยานหลักฐานของโจทก์ไม่มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยกระทำผิด ข้อต่อสู้ของจำเลยฟังขึ้น พิพากษายกฟ้อง และให้ออกหมายปล่อยจำเลย เพื่อปล่อยตัวจากเรือนจำวันนี้
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ซึ่งได้รับการประสาน จากการครอบครัวของนายวีระโชติเพื่อขอให้ช่วยตรวจสอบคดีนี้ เพราะเชื่อว่า นายวีรโชติ เป็นแพะในคดียาเสพติด วันนี้ ได้เดินทางมาร่วมฟังคำพิพากษา ด้วย พร้อมระบุว่า การใช้อำนาจของตัวเองที่มีอ้างว่าเป็นดุลยพินิจ นั้น ควรต้องตัดสินด้วยพยานหลักฐาน เป็นสำคัญ เมื่อนายวีรโชติ พิสูจน์ตัวเองได้แล้วมีเจ้าหน้าที่ยืนยันแล้วว่าทำงานอยู่กรุงเทพฯโดยวิธีสแกนมือซึ่งเป็นหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ไม่สามารถไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้ แต่คำพูดคนมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้ วันนี้ได้ฟังคำพิพากษาของศาลว่า พยานชี้รูปและไม่ชี้ตัวจริง เพราะมาเจอตัวจริงไม่กล้าชี้ ก็เป็นข้อสงสัยอยู่แล้วเพราะส่วนตัวเคยได้คุยพยานรายนี้ ว่า บุคคลที่มาส่งพัสดุ ไม่ใช่วีรโชติ แต่พอไปเบิกความในศาลกลับเบิกความยืนยันว่าเป็นวีรโชติ ดังนั้นจะพิจารณาแจ้งความเอาผิดกับพยานรายนี้ต่อไป
ส่วนขั้นตอนหลังจากนี้ จะเดินหน้าเรียกร้องเงินเยียวยาที่กระทรวงยุติธรรมเพื่อให้นายวีรโชติได้รับเงินเยียวยาในคดีที่ตกเป็นแพะ แต่ทั้งนี้ ต้องดูว่าอัยการจะอุทธรณ์หรือไม่เพราะถ้าอัยการอุทธรณ์ก็คงต้องไปสู้ในชั้นอุทธรณ์และจะอ้างอิงจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้นที่ออกมาชัดเจนอยู่แล้วว่าพยานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือ
ขณะที่มารดาของนายวีระโชติ กล่าวทั้งน้ำตาว่า รู้สึกดีใจมาก รอคอยคำพูดนี้มานานแล้ว ที่อยากให้ศาลพิพากษายกฟ้อง โดยตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ครอบครัวพังหมด พ่อก็เสียชีวิต ส่วนลูกสาวของวีรโชตินั้น แม่ของหลานจะมารับไปดูแล พอช่วงวันศุกร์-อาทิตย์ ก็จะนำมาฝากไว้ตนเองดูแล ซึ่งตนเองบอกกับหลานว่าที่ผ่านมาพ่อไปทำงานและวันนี้ก็จะได้เจอกับพ่อแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ยังไม่ชี้ชัด 'อดีตผกก.โจ้' ถูกผู้คุมกลั่นแกล้ง-ทำร้าย สอบเพิ่มเพื่อนผู้ต้องขัง รอผลชันสูตรทางการ
คณะอนุกรรมการอุ้มหาย-ซ้อมทรมาน มีมติชะลอสรุปผลคดีอดีต ผกก.โจ้ ถูกทำร้ายร่างกายในเรือนจำกลางคลองเปรม แจง ขอให้ สน.ประชาชื่น ไปทำการสอบสวนให้ครบถ้วนรอบด้านก่อน เพื่อให้ความยุติธรรมและโปร่งใส พร้อมรอผลชันสูตรพลิกศพทางการจากนิติวิทย์ ยธ. - นิติเวช
ลุยสางคดี 'อดีตผกก.โจ้' เรียกแม่-น้องแจงยิบ ตั้งแต่ต้นถึงวันเสียชีวิต
มีรายงานข่าวภายในคณะอนุกรรมการกลั่นกรองข้อเท็จจริงกรณีการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายว่า วันนี้ทางคณะอนุกรรมการฯ ได้มีการนัดหมายญาติของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ อดีตผู้กำกับโจ้
‘ราชทัณฑ์’ แจง อุ้มผู้คุมเรือนจำ โบ้ย ‘โจ้’ หัวแข็ง!
"อธิบดีราชทัณฑ์" แจงยิบปม "อดีต ผกก.โจ้" เสียชีวิตปริศนาในเรือนจำ พร้อมตั้ง คกก. 2 ชุดสอบ ลั่นความจริงก็คือความจริง ยันมีเอกสารเจ้าตัวขอย้ายแดนเอง
'อธิบดีราชทัณฑ์' ยันมีข้อมูลพฤติกรรม 'อดีตผกก.โจ้' แต่ไม่ขอพาดพิง ลั่นอยากให้ความจริงปรากฏ
นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยการตรวจสอบข้อเท็จจริงการเสียชีวิตของ ข.ช.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "อดีตผู้กำกับโจ้" ว่า กรมราชทัณฑ์ได้ตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด
'ราชทัณฑ์' ตั้ง 'ชาญ วชิรเดช' รองอธิบดี ปฏิบัติหน้าที่ ผบ.คุกคลองเปรม
กรมราชทัณฑ์ ได้เผยแพร่เอกสารข่าวเรื่อง “มอบหมายให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่” กระทรวงยุติธรรม ได้มีคำสั่งที่ 70/2568 ลงวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2568 มอบหมายให้ นายชาญ วชิรเดช
ญาติอดีตผกก.โจ้ ร้อง 'ดีเอสไอ' ตรวจสอบการเสียชีวิตในห้องขัง เชื่อถูกทำร้าย
ครอบครัวอดีต ผกก.โจ้ เข้าพบ ”ดีเอสไอ" ร้องสอบปมการเสียชีวิตในเรือนจำ ยกหารือเรื่องการซ้อมทรมานตาม พ.ร.บ.อุ้มหายฯ