‘ขนส่งฯ-สตช.’ ได้ฤกษ์ MOU เชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์

เริ่มแล้ว ‘ขนส่งฯ-สตช.’ลงนามในบันทึกข้อตกลงการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก หวังเสริมสร้างวินัยจราจร จิตสำนึกด้านความปลอดภัยย้ำใบสั่งค้างจ่ายไม่ได้ป้ายภาษี ดีเดย์ 1 เม.ย.นี้

8 กุมภาพันธ์ 2565  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 10.30 น. ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก , นายเสกสม   อัครพันธ์  รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก , พล.ต.อ.รอย  อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. , พล.ต.ท.ประจวบ   วงศ์สุข ผู้ช่วย ผบ.ตร. , พล.ต.ต.เอกราช ลิ้มสังกาศ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง ได้ร่วมกัน  แถลงข่าวประชาสัมพันธ์การเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก  เพื่อลดการกระทำผิดกฎหมาย ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี  มีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ให้เกิดความปลอดภัยในการขับขี่ ลดจำนวนผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากอุบัติเหตุ  จึงได้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่งทางบก ร่วมกันดำเนินการกวดขันวินัยการขับขี่โดยบังคับใช้มาตรการตามที่กำหนดในกฎหมายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด  ทั้ง 2 หน่วยงาน จึงได้ร่วมกันกำหนดมาตรการ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยจราจรทางบก จำนวน 2 มาตรการ ได้แก่  

มาตรการที่ 1 การตัดคะแนนความประพฤติ ซึ่งได้เริ่มดำเนินการไปตั้งแต่ 9 มกราคม 2566 ที่ผ่านมา                     ซึ่งมีผู้กระทำผิดกฎจราจรและถูกตัดคะแนนแล้ว จำนวน 15,456 ราย และ มาตรการที่ 2  คือมาตรการชะลอการออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี สำหรับรถที่มีใบสั่งค้างชำระตาม 141/1 พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 และที่แก้ไขเพิ่มเติม  

อย่างไรก็ตามทั้ง 2 หน่วยงานจะต้องมีการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องตามที่กฎหมายกำหนด เช่น ข้อมูลใบอนุญาตขับขี่ ข้อมูลยานพาหนะ และข้อมูลใบสั่งค้างชำระ  เพื่อให้เกิดการบูรณาการข้อมูลได้แบบ Real Time  ทำให้การบังคับใช้กฎหมายเกิดผลสัมฤทธิ์ และมีประสิทธิภาพสูงสุด   จึงได้กำหนดให้มีการลงนาม บันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ กรมการขนส่งทางบก  เชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบก

สำหรับ มาตรการชะลอเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี จะใช้กับรถยนต์ที่ที่มีใบสั่งจราจรที่ค้างชำระ  ซึ่งเพิกเฉยไม่ชำระค่าปรับตามที่กำหนด  โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะส่งข้อมูลโดยระบบอิเล็กทรอนิกส์ไปยังนายทะเบียนกรมการขนส่งทางบก  เมื่อประชาชนไปต่อภาษีรถยนต์ประจำปี  นายทะเบียนจะรับต่อภาษีประจำปี แต่ยังไม่ได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษี (ป้ายภาษี)  โดยจะได้หลักฐานชั่วคราวแทนป้ายภาษี ซึ่งมีอายุ 30 วัน เพื่อให้ผู้นั้นไปชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายใน 30 วัน  แล้วจึงสามารถมารับป้ายภาษีได้  แต่หากประชาชนต้องการจะชำระค่าปรับในขณะต่อภาษี  กฎหมายกำหนดให้อำนวยความสะดวกแก่ประชาชน  ให้นายทะเบียนสามารถรับชำระค่าปรับตามใบสั่งพร้อมกับชำระภาษี และรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีได้เลยทันที

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การขับรถโดยไม่มีป้ายภาษี จะมีโทษตาม พ.ร.บ.รถยนต์ฯ มาตรา 11  ซึ่งกำหนดว่า รถยนต์คันที่ต่อภาษีแล้วจะต้องแสดงเครื่องหมายตามที่กรมการขนส่งกำหนดให้ครบถ้วน มีโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท  ทั้งนี้ ประชาชนสามารถตรวจสอบข้อมูลใบสั่งค้างชำระ และคะแนนความประพฤติได้  จากเว็บไซต์ E-ticket PTM  และ แอปพลิเคชั่น ขับดี

ด้านนายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า ตามที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ได้มอบนโยบายในการป้องกันและรณรงค์ให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนน และบังคับใช้กฎหมายกับผู้ฝ่าฝืน กรมการขนส่งทางบกได้ดำเนินการตามนโยบาย โดยการร่วมจัดทำ “บันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกระหว่าง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กับ กรมการขนส่งทางบก”  ซึ่งบันทึกข้อตกลงนี้มีที่มาจากพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 141/1 ที่กำหนดมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย 

สำหรับผู้ที่กระทำความผิดตามกฎหมายจราจรและได้รับใบสั่งจากเจ้าพนักงานตำรวจ และไม่ชำระค่าปรับจราจรภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะแจ้งข้อมูลผู้ค้างชำระค่าปรับจราจรให้กรมการขนส่งทางบกเพื่อแจ้งให้เจ้าของรถหรือผู้มาติดต่อในขั้นตอนที่มาขอชำระภาษีประจำปีให้ชำระค่าปรับ บันทึกข้อตกลงจึงมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เกิดความร่วมมือในการปฏิบัติงานตามอำนาจหน้าที่ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบกในกรณีดังกล่าวให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ซึ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย เกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวมในการควบคุมความประพฤติของผู้ขับรถเพื่อให้เกิดความปลอดภัยในการใช้รถใช้ถนนและการจราจร อันจะส่งผลให้เกิดความปลอดภัยแก่สาธารณะ และสวัสดิภาพของประชาชน

อย่างไรก็ตามโดยความร่วมมือตามบันทึกข้อตกลงสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมีการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์กับกรมการขนส่งทางบก และส่งข้อมูลค่าปรับตามใบสั่งจราจรที่ค้างชำระตามมาตรา 141/1        แห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มายังกรมการขนส่งทางบก เมื่อเจ้าของรถมาติดต่อชำระภาษีรถประจำปี ณ สำนักงานขนส่ง หากปรากฏว่า มีข้อมูลค่าปรับที่ค้างชำระ เจ้าของรถก็สามารถชำระค่าปรับที่ค้างชำระพร้อมกับชำระภาษีกับนายทะเบียนของกรมการขนส่งทางบก และรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีฉบับจริงได้ทันที 

ส่วนกรณีเจ้าของรถประสงค์จะชำระภาษีรถประจำปี โดยไม่ชำระค่าปรับที่ค้างชำระ เจ้าของรถก็ยังคงสามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ตามปกติโดยจะได้รับหลักฐานชั่วคราวแทนเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีรถประจำปี ซึ่งหลักฐานชั่วคราวดังกล่าวจะมีอายุ 30 วัน นับแต่วันที่นายทะเบียนออกให้ หากต่อมาเจ้าของรถได้ทำการชำระค่าปรับที่ค้างชำระภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนของกรมการขนส่งทางบกเรียบร้อยแล้วสามารถนำหลักฐานแสดงการชำระค่าปรับมาแสดงต่อนายทะเบียนของกรมการขนส่งทางบกเพื่อให้ออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีรถประจำปีได้ และหากเจ้าของรถมีความประสงค์ตรวจสอบข้อมูลค่าปรับที่ค้างชำระหรือจะโต้แย้งข้อมูลค่าปรับที่ค้างชำระสามารถติดต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติผ่านช่องทางที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนด 

อย่างไรก็ตามเพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบ การเชื่อมโยงข้อมูลใบสั่งค้างชำระของทั้งสองหน่วยงานนั้น จะเริ่มใช้กับใบสั่งจราจรสำหรับการกระทำผิดตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 เป็นต้นไป  โดยไม่มีผลย้อนหลัง  สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบก เชื่อมั่นว่ามาตรการดังกล่าว จะสามารถนำไปสู่การเสริมสร้างวินัยจราจร จิตสำนึกด้านความปลอดภัยซึ่งจะสามารถช่วยลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างยั่งยืนต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จำนวน 58 ราย

ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งข้าราชการตำรวจให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ จำนวน 58 ราย ดังนี้

'สตช.' ขีดเส้น ห้ามจำหน่ายแอลกอฮอล์ถึงเที่ยงคืน ฝ่าฝืนคุก 6 เดือน

ตร.คุมเข้ม เตือนห้ามจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ วันมาฆบูชา ฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1 หมื่นบาท ด้าน"บิ๊กตู่" สั่งเข้มดูแลความปลอดภัยประชาชนทุกมิติ

สตช.เผยมูลค่าความเสียหายจากอาชญากรรมไซเบอร์ 3 หมื่นล้าน จับมือซีพี ให้วัคซีนประชาชนรู้เท่าทัน

ณ ห้องโถง ชั้น 1 อาคารฝึกอบรม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นผู้แทนลงนามบั